ในตอนนี้ BMW(บีเอ็มดับเบิลยู) ได้เผชิญกับคำวิจารณ์มากมายเกี่ยวกับการออกแบบกระจังหน้าไตคู่แบบใหม่ ที่ใหญ่เกินกว่าใครหลายคนจะรับได้

Domagoj Dukec หัวเรือใหญ่ฝ่ายออกแบบของบีเอ็มดับเบิลยูได้เคยให้คำอธิบายเกี่ยวกับปรากฏการณ์นี้อยู่บ้าง

แต่จากการสัมภาษณ์ล่าสุดของ Dukec กับ Autocar เขาได้กล่าวถึงทิศทางของการออกแบบในอนาคตมากกว่า

และแนวคิดของ BMW i Vision Circular ซึ่งเป็นรถต้นแบบซึ่งเปิดตัวเมื่อไม่นานมานี้ในมอเตอร์โชว์ที่มิวนิค

“คำถามแรกคือ อยากจะโดดเด่นหรือจะไหลไปตามผู้คน แต่ตอนนี้แค่โดดเด่นมันไม่พอแล้ว การออกแบบมันต้องมีความหมายด้วย” Dukec กล่าว

เขาให้แนวคิดว่า เราต้องโดดเด่นและมีความหมาย คุณสามารถโดดเด่นด้วยวิธีใดก็ได้ ทุกคนสามารถออกแบบให้รถสวยได้ แต่ถ้าการออกแบบนั้นไม่มีความหมาย มันก็ว่างเปล่า

BMW i Vision Circular ถือเป็นตัวแทนของบีเอ็มดับเบิลยูในยุคใหม่ ภายใต้แพลทฟอร์มใหม่ที่เรียกว่า Neue Klasse ที่จะบอกว่าการออกแบบของบีเอ็มดับเบิลยูในยุคใหม่ต้องมีความหมาย

เขาได้อธิบายเพิ่มว่า Neue Klasse นั้นจะหมายความว่า การเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า, การเปลี่ยนเป็นดิจิตอล และความยั่งยืน

ซึ่งความหมายของ Neue Klasse จะไม่ใช่แค่การสร้างรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น

อ่านเพิ่มเติม : BMW ซุ่มเปิดตัวแพลทฟอร์มรถไฟฟ้าแบบใหม่ในปี 2025 เข้ากับรถทุกรูปแบบในอนาคต

ในฐานะนักออกแบบ การคิดทบทวน และการใช้เท่าที่จำเป็น เป็นสิ่งที่เราคิดเสมอกับวัสดุทุกประเภท การไม่ใช้โครเมียม, การใช้วัสดุทดแทนหนังแท้

ความคิดดังกล่าว ถูกนำไปใช้ในแบรนด์ที่เน้นไลฟ์สไตล์มากกว่าอย่าง Mini(มินิ) ด้วย

"สำหรับเราแล้ว การสร้างรถยนต์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำให้เกิดความยั่งยืนได้" Dukec กล่าว

ความคิดเช่นนั้นทำให้บีเอ็มดับเบิลยูเริ่มเปลี่ยนแปลง เติมความหมายให้การออกแบบมากขึ้น เช่น กระจังหน้าไตคู่ของ BMW i4 และ BMW iX ที่เปลี่ยนหน้าที่จากช่องดักอากาศเป็นเซนเซอร์และระบบต่าง ๆ เป็นความคิดในการรักษาไอคอนของแบรนด์ให้คงอยู่ไว้ได้

“นั่นหมายความว่าสิ่งที่เป็นไอคอนถูกกลับทำให้มีคุณค่าขึ้นมาใหม่ นั่นแหละคือเรียกว่ามีความหมาย” Dukec กล่าวปิดท้าย

อ่านเพิ่มเติม : BMW ยืนยันจะใช้กระจังหน้าไตคู่แบบใหญ่ต่อไป แต่จะใหญ่ขึ้นอีกหรือเปล่า?