ฮอนด้า (Honda) ผู้ผิดหวังในตลาดอีโคคาร์ เฟสแรก กลับเข้าสู่ตลาดรถยนต์ประหยัดพลังงานอีกครั้งด้วยการดันรถยนต์นั่งซีดานยอดนิยมอย่างฮอนด้า ซิตี้ (Honda City) ให้มาใช้เครื่องยนต์ 1.0 ลิตรเทอร์โบ เพื่อท้าชิงในตลาดรถยนต์อีโคคาร์ระดับพรีเมียมอย่างจริงจัง

เพราะการตั้งราคาในรุ่นท๊อปอย่างอาร์เอส ที่ขึ้นต้นด้วยเลข 7 ไปแล้ว ทำให้ฮอนด้า ซิตี้ กลายเป็นอีโคคาร์เบนซินที่ราคาแพงที่สุดในตลาด เป็นรองก็เพียงมาสด้า 2 เครื่องยนต์ดีเซลเท่านั้น หากมองไปที่รุ่นที่เหมาะสมที่สุดที่จะมาเปรียบมวยกันก็คงจะหนีไม่พ้น

รุ่นท๊อปของเครื่องยนต์เบนซินในมาสด้า 2 อย่าง New 2020 Mazda 2 Sedan 1.3SP เจ้าของค่าตัว 6.9 แสนบาท และผู้มาใหม่อย่าง All-New Honda City SV ที่มาพร้อมค่าตัว 6.65 แสนบาท โดยมีจุดที่น่าสนใจให้เปรียบมวยกันอยู่ไม่น้อย

มาสด้าเองเคยภาคภูมิใจกับเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซินของพวกเขามาก และเคยเป็นเจ้าของตำแหน่งอีโคคาร์ที่สมรรถนะดีที่สุดในท้องตลาด แต่เมื่อเทคโนโลยีในภาพรวมเปลี่ยนไป และฮอนด้ากลับมาด้วยเครื่องยนต์ที่เล็กลงแต่เพิ่มขีดความสามารถด้วยเทอร์โบ ก็จะทำให้ตลาดแข่งขันกันอย่างรุนแรงมากขึ้น

เหลือแค่ผู้บริโภคอย่างเรา ๆ นี่ล่ะ ที่จะต้องเลือกซื้อให้ได้สักคันในที่สุด

เครื่องยนต์คือสมรภูมิการแข่งขันที่แท้จริง

อย่างที่เรารู้กันว่า ฮอนด้านั้นเคยพลาดกับการเปิดตัวอีโคคาร์อย่างฮอนด้า บริโอ้ และฮอนด้า บริโอ้ อเมซมาก่อน ด้วยขนาดของตัวถังและสมรรถนะของรถยนต์ที่ไม่เร้าใจ พอมาเจอกับคู่แข่งมากหน้าหลายตา ก็เลยทำให้ยอดจำหน่ายของรถทั้งสองรุ่นนั้นเป็นไปแบบไม่สามารถคาดหวังอะไรได้

การแก้เกมที่ต้องรอมา 5-6 ปี และรอจังหวะที่เหมาะสมเมื่อฮอนด้า ซิตี้ รถยนต์ที่ขายดีที่สุดของค่ายได้เวลาปรับโฉมพอดี ฮอนด้าจึงทำการพัฒนาครั้งใหญ่ เพื่อให้รถของพวกเขาสามารถแข่งกับกลุ่มอีโคคาร์ที่มีข้อจำกัดมากมาย และยังสามารถตอบสนองกลุ่มลูกค้ารถยนต์บี-เซกเมนต์ที่เป็นกลุ่มเดิมของซิตี้ได้

เป็นที่มาของการเลือกใช้เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร วีเทค เทอร์โบ ที่ทำการพัฒนาขึ้นมาใหม่ และจะเป็นหัวใจหลักของฮอนด้าในการทำตลาดรถยนต์ขนาดเล็กต่อไปในอนาคต โดยเจ้าเครื่องยนต์จิ๋วแต่แจ๋วนี้ ให้สมรรถนะที่ไม่แพ้ใคร แม้แต่เครื่องสกายแอคทีฟ-จี ของมาสด้ายังแอบมีเป๋ไปบ้าง

ค่าตัวที่ถูกกว่า แต่เครื่องยนต์วีเทค เทอร์โบของฮอนด้า ให้กำลังสูงสุดถึง 122 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 173 แรงม้า ตั้งแต่ 2,000-4,500 รอบต่อนาที เรียกว่าสเปกนั้นกินขาดเครื่องยนต์เบนซินของมาสด้าที่ให้กำลัง 93 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 123 นิวตันเมตรแบบไม่เห็นฝุ่น

ฮอนด้าคุยว่าเครื่องยนต์ขนาดเล็กของพวกเขานั้น มีความซับซ้อนต่ำและสามารถซ่อมบำรุงได้ง่าย แถมยังเพียงพอต่อการลากตัวถังที่ใหญ่ระดับรถบี-เซกเมนต์ไปได้อย่างสบาย ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้แบบหลากหลายครบทุกกลุ่ม

ขณะที่เครื่องยนต์สกายแอคทีฟ-จีของมาสด้านั้น ได้รับการพิสูจน์มาแล้วหลายปีถึงความยอดเยี่ยมของสมรรถนะในการใช้งาน ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องของเวลาที่เปลี่ยนไป ค่ายรถที่เปิดตัวรถใหม่มาทีหลังก็ย่อมจะมีของดีกว่ามานำเสนออยู่แล้ว 

ขนาดที่ไม่เท่ากันและการจัดวางพื้นที่การใช้สอยที่โดดเด่น

ฮอนด้า ซิตี้นั้น ใหญ่กว่ามาสด้า 2 ในเกือบทุกมิติ ยกเว้นเรื่องความสูงของตัวรถที่เตี้ยกว่าเล็กน้อย ห้องโดยสารของฮอนด้านั้นดูใหญ่โต โอ่อ่า และให้บรรยากาศในการโดยสารที่ดี แต่เมื่อเป็นรถที่เปิดตัวมาใหม่ ก็ยังทำให้มีอุปกรณ์หลาย ๆ อย่างที่ยังให้มาแบบไม่เต็มที่ ในแบบของรถยนต์ใหม่ทั่วไป

สิ่งที่ฮอนด้าทำการปรับปรุงก็คือการเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ในห้องโดยสารที่เอาใจผู้ใช้งานมากขึ้น จอแสดงผลตรงกลางแบบสัมผัสทำงานได้อย่างราบรื่น จอแสดงผลเน้นการใช้สีแดงเพื่อความสปอร์ต เบาะที่นั่งแบบผ้ารองรับน้ำหนักผู้โดยสารได้เป็นอย่างดี

มาสด้า 2 นั้นขึ้นชื่อเรื่องการเป็นผู้นำในด้านการออกแบบห้องโดยสารภายในรถและการเลือกใช้อุปกรณ์ที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้วในคลาสนี้ และมันก็ยังทำคะแนนได้สูงกว่าในเรื่องของวัสดุอุปกรณ์ ผิวสัมผัส และบรรยากาศของห้องโดยสารโดยรวม ซึ่งยากเหมือนกันที่จะมีใครเอาชนะได้

การจัดวางพื้นที่ใช้สอยของรถนั้น ทั้งฮอนด้าและมาสด้าต่างก็มีรูปแบบของตัวเองที่ชัดเจน อันนี้ก็ต้องแล้วแต่คนซื้อรถที่จะเลือกแบบโอบกระชับตามแบบของมาสด้า หรือแบบเปิดโล่งซึ่งเป็นสิ่งที่ฮอนด้ามีความชำนาญ ถ้าชอบแบบไหนก็คงต้องเลือกแบบนั้นไป 

ตารางเปรียบเทียบสเปกที่น่าสนใจ

ของใหม่ก็น่าสน แต่รุ่นเดิมโปรโมชั่นเพียบ

แน่นอนว่าหากมองแต่เรื่องของสเปกและความใหม่แล้ว ฮอนด้า ซิตี้คือรถยนต์ที่น่าสนใจมากกว่าในทุกมุมมอง ด้วยรูปร่างสดใหม่ เครื่องยนต์สมรรถนะสูง และออพชั่นต่าง ๆ ที่ติดตั้งมามากมายเพียงพอต่อการใช้งาน ในราคาจำหน่ายที่ดูเป็นมิตรมากกว่า

แต่มาสด้า 2 นั้นก็ไม่ได้ดูด้อยกว่าหากมองในเรื่องสมรรถนะการขับขี่ ห้องโดยสารที่ถือว่าโดดเด่นกว่าใครในเซกเมนต์เดียวกัน และที่สำคัญก็คือ มาสด้า 2 นั้นมีแคมเปญด้านการขายที่ยอดเยี่ยม เรียกได้ว่าทีมเซลล์ของมาสด้านั้น พร้อมที่จะแย่งชิงลูกค้าจากผู้ที่สนใจรถแบรนด์อื่น ๆ ด้วยแคมเปญที่หลากหลาย

ถ้าคิดว่าการขับรถที่สมรรถนะดี แม้จะเก่าไปหน่อย แต่สามารถออกรถได้อย่างสบายใจกว่า มาสด้า 2 ที่มีอายุยาวนานก็เหมาะสมดี แต่หากคิดว่าต้องการใช้รถยนต์ใหม่ ที่สมรรถนะดีเลิศ และจ่ายไหวที่โปรโมชั่นการขายไม่มากนัก ก็พุ่งไปที่โชว์รูมฮอนด้าได้เลย