ฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย เปิดตัว 2021 Honda City (2021 ฮอนด้า ซิตี้) ใหม่ พร้อมกันทีเดียวสองเวอร์ชั่นในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา หวังทำยอดขายนำโด่งในกลุ่มอีโคคาร์-บีเซกเมนท์

City Hatchback (ฮอนด้า ซิตี้ แฮชท์แบ็ก) เป็นการเปิดตัวครั้งแรกในโลกกับตัวถังรูปแบบใหม่ของรถรุ่นนี้ ออกมาแทนที่ Jazz (ฮอนด้า แจ๊ส) ที่ว่ากันว่าจะถูกยุติการทำตลาดแค่เพียงเจนเนอเรชั่นที่ 3 นี้เท่านั้น ทำให้คอรถยนต์หลายคนบ่นเสียดายที่ไม่ได้ใช้ Jazz เจนเนอเรชั่นที่ 4 เหมือนกับตลาดอื่น ๆ ทั่วโลก

ขณะที่ City e:HEV (ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี) ไฮบริดเปิดตัวในไทยเป็นชาติที่ 2 ต่อจากมาเลเซีย มาพร้อมระบบมาตรฐานด้านความปลอดภัยระดับสูงอย่าง Honda Sensing (ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง) ซึ่งมีความทันสมัยที่สุดในเซกเมนต์

อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง City Hatchback

City Hatchback ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 3 สูบ ขนาด 1.0 ลิตร 12 วาล์ว พร้อมเทอร์โบ ชาร์จเจอร์เหมือนกับรุ่นซีดาน มอบพละกำลังสูงสุด 122 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตรที่ 2,000 - 4,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง CVT

ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของ City Hatchback ตามที่ระบุไว้ในอีโคสติกเกอร์ของกระทรวงอุตสาหกรรมแบ่งเป็นการขับขี่ในเมือง 21.7 กม.ต่อลิตร และการขับขี่นอกเมือง 24.3 กม.ต่อลิตร

สำหรับอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 23.3 กม.ต่อลิตร ปล่อยมลพิษคาร์บอนไดออกไซด์ 100 กรัมต่อกม.

อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง City e:HEV

City e:HEV หรือรุ่นไฮบริดวางเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร Atkinson cycle ทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ตัวแรกทำหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าไปเก็บที่แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Generator Motor) และตัวที่สองขับเคลื่อนล้อหน้า (Tractor Motor หรือ Drive Motor)

ระบบส่งกำลังใช้เกียร์อัตโนมัติซีวีทีแบบไฟฟ้า e-CVT เครื่องยนต์มีพละกำลังสูงสุด 98 แรงม้าที่ 5,600-6,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 127 นิวตันเมตรที่ 4,500-5,000 รอบต่อนาที มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 109 แรงม้า ที่ 3,500-8,000 รอบต่อนาที พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 253 นิวตันเมตรที่ 0-3,000 รอบต่อนาที พละกำลังรวมสูงสุดอยู่ที่ 126 แรงม้า

มาตรฐานอีโคสติกเกอร์ระบุ City e:HEV มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันในการขับขี่ในเมืองประหยัดสุด ๆ ถึง 40 กม.ต่อลิตร การขับขี่นอกเมือง 23.2 กม.ต่อลิตร

สำหรับอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 27.8 กม.ต่อลิตร และปล่อยมลพิษคาร์บอนไดออกไซด์ 85 กรัมต่อกม.

สรุป

เมื่อเทียบอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยระหว่าง City Hatchback (รวมถึงซีดาน) กับ City e:HEV ไฮบริดจะพบว่าไม่มากไม่น้อยไปกว่ากันเท่าใดนัก แต่ถ้าคุณขับขี่ในเมืองเป็นส่วนใหญ่ ตัวเลขความประหยัดระดับ 40 กม.ต่อลิตรของรุ่นไฮบริดจะสร้างความแตกต่างและประหยัดเงินในกระเป๋าได้อย่างแน่นอน

หากพิจารณาที่ความคุ้มค่ากับราคาที่ห่างกัน 90,000 บาทถ้วน นอกจากข้อได้เปรียบเรื่องความประหยัดน้ำมันในการขับขี่ในเมือง ระบบความปลอดภัยของ City e:HEV อย่าง Honda Sensing ยังถือเป็นไฮไลท์ ไม่ว่าจะเป็นระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ ตลอดจนระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ และระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch)

นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเพิ่มเติม เรือนไมล์ชุดใหม่ ระบบเบรกมือไฟฟ้า พร้อมระบบเบรก Hold ช่องแอร์หลัง ฟังก์ชั่นเชื่อมต่อ Honda Connect และ กุญแจที่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์จากระยะไกล หรือ Remote Engine Start

ดูจากคุณสมบัติทั้งหมดแล้ว ค่าตัว 90,000 บาทที่เพิ่มขึ้นมาถือว่าคุ้มค่าพอสมควร ถ้าไม่ติดตรงที่เพิ่มเงินอีกสักแสนกว่า ๆ ก็จะขยับขึ้นไปเล่นรถเก๋งซีเซกเมนท์รุ่นพี่อย่าง Honda Civic (ฮอนด้า ซีวิค) หรือแบรนด์คู่แข่ง Toyota Corolla Altis (โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส) รุ่นไฮบริดได้เลยทีเดียว