จนกระทั่งเมื่อวันก่อน ทีมงานของฮาวาล ได้เชิญชวน AutoFun Thailand ไปร่วมสัมผัสคันจริง ๆ ตัวเป็น ๆ ของเวอร์ชั่นผลิตในประเทศ พร้อมทั้งให้รายละเอียดต่าง ๆ ของรถมากขึ้น แน่นอนว่าทำให้มองเห็นความน่าสนใจที่มากขึ้นของรถเช่นเดียวกันในตอนนี้
แม้จะยืนยันว่าเป็นรถที่ดีและน่าสนใจ แต่การทำราคาจำหน่ายสำหรับแบรนด์รถยนต์ใหม่ก็ยังทำได้ยากอยู่ดีในตลาดปราบเซียนอย่างประเทศไทย ที่มีตัวอย่างให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ ทำให้เราเชื่อว่าการประกาศราคาจำหน่ายในเดือนมิถุนายนของเอช6 เอชอีวี ก็ยังน่าสนใจ
เพราะหากดูจากคู่แข่ง MG HS PHEV (เอ็มจี เอชเอส พีเอชอีวี) ที่ 1.359 ล้านบาท Mitsubishi Outlander PHEV (มิตซูบิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี) ราคา 1.6-1.7 ล้านบาท รวมไปถึง Mazda CX-5 (มาสด้า ซีเอ็กซ์-5) Honda CR-V (ฮอนด้า ซีอาร์-วี) ตัวท็อปก็ 1.7 ล้านกว่า
ช่องว่างเดียวทีพอจะตีกับคนอื่นได้ก็คือการทำราคาไปท้าชนกับคู่แข่งที่ให้สมรรถนะและของเล่นน้อยกว่า ทำให้เราคาดการณ์ราคาที่ประมาณ 1.4-1.5 ล้านบาท และรถเองก็มีความน่าสนใจมากพอที่จะทำราคาจำหน่ายในระดับนั้นได้เสียด้วย ถ้าไม่เชื่อก็ลองมาดูกัน
ภายนอกที่ผสมความสปอร์ต บึกบึนและหรูหราลงตัว
หากมาดูที่ตัวถังของรถโดยภาพรวมนั้น จะเห็นการออกแบบที่ต้องการให้ตัวรถดูบึกบึน แข็งแกร่ง และมีความหรูหราในแบบเอสยูวีจากทางยุโรป ตัวรถนั้นถูกตีโป่งโดยรอบทั้งคัน และมีการเล่นมิติของตัวถังด้วยเส้นสายและการออกแบบที่มีมิติโดดเด่นอย่างมาก
ฮาวาลบอกว่า รถเอสยูวีของพวกเขานั้นมาพร้อมขนาดตัวถังใหญ่ที่สุดในกลุ่มซี-เอสยูวีในประเทศไทย ด้วยความกว้าง 1,886 มิลลิเมตร ยาว 4,653 มิลลิเมตร สูง 1,724 มิลลิเมตร พร้อมระยะฐานล้อ 2,738 มิลลิเมตร แต่ที่เด่นกว่าขนาดก็คือการออกแบบในภาพรวม
ด้านหน้าของรถโดดเด่นด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่ที่ตีโป่งออกมาจากตัวถัง มาพร้อมลวดลายสามมิติที่ถักกันเป็นโครงตาข่ายโครเมียมสวยงาม พร้อมโลโก้ HAVAL ขนาดใหญ่ ชุดกันชนหน้าเป็นชิ้นเดียวกันทั้งหมด พร้อมฝังไฟตัดหมอกแอลอีดีไว้ที่มุมกันชนด้านหน้า
กรอบโคมไฟหน้าแบบแอลอีดี มาพร้อมไฟโปรเจกเตอร์ขนาดใหญ่ 2 ดวง และไฟส่องสว่างเวลากลางวัน ที่ให้ความสว่างอย่างชัดเจน มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ที่ติดตั้งยางสำหรับใช้งานในเมืองเป็นหลัก แต่ไม่ได้ตีซุ้มล้อโป่ง ๆ เหมือนเอสยูวีทั่ว ๆ ไป
ห้องโดยสารนั้นถูกยกขึ้นไปค่อนข้างสูง การก้าวเข้าไปรถรถต้องมีการเขย่งพอสมควร แต่บานประตูเปิดได้กว้างขวางเข้าออกไม่ยาก มาพร้อมระบบสมาร์ทเอนทรีที่พกกุญแจไว้ก็เปิดประตูคู่หน้าได้ทันที มีกาบประตูสีดำด้าน รวมถึงติดตั้งแร็คหลังคาสีเงินมาเรียบร้อย
ด้านท้ายรถมาพร้อมการออกแบบที่มีสัดส่วนที่ลงตัว บานประตูท้ายขนาดใหญ่ โดดเด่นด้วยแถบไฟแอลอีดีที่พาดยาวไปตามความกว้างของตัวรถ ชุดไฟแบบเพรียวบาง มาพร้อมสปอยเลอร์พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 ที่มีความยาวเกือบเท่ากับความกว้างของกระจกมองหลัง
ประตูบานหลังนั้นเปิดและปิดได้ด้วยไฟฟ้า แต่เท่าที่เราลองมายังไม่รองรับการเปิดแบบเตะใต้กันชน สามารถเปิดได้ด้วยการกดปุ่มที่รีโมท หรือการกดปุ่มที่อยู่ที่ตำแหน่งมือจับเท่านั้น มองไปด้านบนจะเห็นเสาอากาศแบบครีบฉลามขนาดเล็กติดตั้งที่ตำแหน่งท้ายรถ
ด้วยการออกแบบมี่ทำให้รถมีหลังคาที่ลาดเอียงเล็กน้อย และเน้นความบึกบึนของโครงสร้างตัวถัง ทำให้กระจกบานหลังของรถนั้นถูกเบียดบังพื้นที่ไปเล็กน้อย และทำให้ที่ปัดน้ำฝนหลังก็สั้นลงไปด้วย อันนี้เดาว่าน่าจะมีผลต่อการขับขี่และใช้งานจริงอยู่พอสมควรเลยนะ
ห้องโดยสารภายในโออ่า ลงตัวและไม่โอเวอร์
การออกแบบห้องโดยสารภายในของเอช6 เอชอีวี เป็นการเลือกสรรที่ลงตัวได้อย่างน่าประหลาด ทั้งเรื่องของการเลือกใช้สี วัสดุและตำแหน่งการเซตอัพต่าง ๆ ที่ถือว่าดีเลย และยังสามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย ไม่ดูโอเวอร์เกินไปจนทำให้สึกแปลก ๆ ในการเป็นเจ้าของ
ด้านหน้ารถนั้นมาพร้อมกับการเลือกโทนสีโรสโกลด์ ตัดกับสีครีมอ่อนและสีดำ เป็นการผสานวัสดุโลหะ พลาสติกและวัสดุผิวนุ่มมาอย่างลงตัว แต่อย่างที่บอกไปในวีดีโอก่อนหน้านี้ ก็คือไม่ชอบสีเบาะที่เป็นสีครีมอ่อน ๆ ตัดกับสีดำ พร้อมเล่นกราฟฟิกที่ดูเยอะไปสักนิด
หน้าจอกลางขนาดใหญ่นั้น รองรับความสามารถในการใช้งาน สั่งงานและควบคุมรถยนต์คันนี้ทั้งหมด มีปุ่มให้กดน้อยมาก ๆ ในการคุมรถคันนี้ โดยการทำงานส่วนหนึ่งแบ่งไปไว้ที่พวงมาลัยมัลติฟังชั่นส์ที่ใช้งานอย่างหลากหลาย แสดงผลบนหน้าจอเล็กหลังพวงมาลัย
นอกจากนี้ ก็ยังมีการแสดงผลข้อมูลการขับขี่ผ่านระบบเฮดอัพดิสเพลย์ที่ยิงขึ้นไปที่กระจกบังลมหน้าเลย เบาะผู้โดยสารด้านหน้ามาพร้อมระบบปรับได้จากที่นั่งตอน 2 แบบไฟฟ้า คอนโซลกลางแบบลอยตัว เพิ่มพื้นที่ใช้สอย พร้อมด้วยระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย
ห้องโดยสารตอนหลังนั้น มาพร้อมช่องแอร์และที่ชาร์จไฟด้านหลัง เบาะที่นั่งรับน้ำหนักได้ดี แต่ติดที่ตำแหน่งการรองเข่านั้น สั้นไปทั้งด้านหน้าและด้านหลัง พาโนรามิกซันรูฟขนาดใหญ่ที่พาดยาวเต็มพื้นที่ห้องโดยสาร เพิ่มความหรูหราโอ่อ่าในการใช้งานรถคันนี้
ที่เก็บสัมภาระด้านท้ายมีขนาดใหญ่มาก สามารถขนกระเป๋าเดินทางหรือถุงกอล์ฟไปได้พร้อมกัน 2-3 ใบสบาย ๆ สิ่งที่ทำให้รถคันนี้ดูหรูหราขึ้นมาก็คือคันเกียร์ไฟฟ้าแบบปุ่มหมุน ที่มีการออกแบบที่สวยงาม แถมงานประกอบในภาพรวมก็ถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว
เครื่องยนต์แรงบิดสูงและระบบช่วยเหลือเต็มคัน
เอช6 เอชอีวีเลือกใช้เครื่องยนต์ไฮบริดรุ่นใหม่ล่าสุด สำหรับรถเอนกประสงค์เอสยูวีของค่ายที่พัฒนาบนแพลตฟอร์มเลมอน ที่ให้ทั้งความยืดหยุ่นในการขับขี่และใช้งาน มีการออกแบบสำหรับรถที่ใช้เครื่องยนต์ไฮบริดโดยเฉพาะ ด้วยโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย 4 รูปแบบ
ฮาวาลเลือกใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร พร้อมเทอร์โบซูเปอร์ชาร์จเจอร์ (วีจีที) มาจับคู่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของมอเตอร์ไฟฟ้าออกมาแต่อย่างใด แต่เมื่อรวมกันแล้ว รถคันนี้มาพร้อมกำลังสูงสุด 243 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 530 นิวตันเมตร
ติดตั้งระบบเกียร์ไฮบริดเป็นครั้งแรก โดยมาพร้อม 2 เกียร์ที่เครื่องยนต์ และ 1 เกียร์ที่มอเตอร์ขับเคลื่อน เพื่อให้โหมดการขับขี่ที่ใช้งานได้อย่างลงตัว 4 แบบ ประกอบไปด้วยโหมดมาตรฐาน, สปอร์ต, ประหยัด และถนนลื่น โดยเกียร์จะเลือกทำงานให้อย่างลงตัว
ไม่ใช่แค่เรื่องของเครื่องยนต์ที่พวกเขาคุยว่าไม่แพ้ใคร แค่ระบบต่าง ๆ ที่ติดตั้งมาให้ในรถคันนี้นั้นก็เหนือชั้น เพราะฮาวาลตั้งใจที่จะให้เอช6 เอชอีวี จับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการสินค้าที่มาพร้อมนวัตกรรมใหม่ ๆ โดยที่ไม่ได้มองว่ารถจากประเทศจีนจะต้องมีราคาถูกเท่านั้น
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ พวกเขาเลือกติดตั้งระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ เลเวล 2 ให้กับรถคันนี้ ซึ่งในประเทศไทยเองมีรถไม่กี่คันจริง ๆ ที่มาพร้อมระบบนี้ และยังเลือกระบบช่วยเหลือด้านการขับขี่ต่าง ๆ ที่น่าสนใจ มาติดตั้งเอาไว้อย่างเต็มที่รอให้ทุกคนไปลองกันเมื่อเปิดตัว
ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยจอดรถยนต์อัตโนมัติ 3 รูปแบบ ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ระบบแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา และยังรองรับการอัปเกรดโปรแกรมออนไลน์ซะด้วย
เปรียบกับ Toyota Corolla Cross, Honda CR-V และมีงานฝีมือเทียบชั้น Mercedes-Benz
ว่ากันว่าในการอบรมเรื่องตัวสินค้าของ Haval H6 นั้น มีรถหลายรุ่นที่ถูกนำมาเปรียบเทียบกันอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็น Toyota Corolla Cross (โตโยต้า โคโรลล่า ครอส) ที่ทำให้เรายังเชื่อว่าพวกเขาจะทำตลาดรถเอสยูวีเครื่องยนต์เบนซิน ในระดับราคา 1 ล้านบาทบวกลบแน่นอน
มีการพูดถึงเอสยูวีขวัญใจมหาชนอย่าง Honda CR-V โดยมุ่งเน้นไปที่การออกแบบของตัวรถที่มีความโดดเด่นที่สุด และเราก็เห็นด้วยจริง ๆ ว่ารถคันนี้มีการออกแบบทั้งภายนอกและภายในที่เรียกว่าไม่แพ้ใครอย่างแน่นอน หากเทียบกันโดยไม่มีปัจจัยเรื่องแบรนด์มาเกี่ยว
และแน่นอนว่ามีการเน้นย้ำว่างานประกอบหรือการออกแบบต่าง ๆ ที่เรียกรวม ๆ กันว่า Craftmanship นั้น เทียบเคียงได้ถึง Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส-เบนซ์) เลยทีเดียว อ่านถึงตอนนี้ แฟน ๆ ค่ายรถตราดาวอย่าเพิ่งเบ้ปาก เพราะถ้าให้พูดแบบแฟร์ ๆ ก็ยังไม่ถึงนั่นแหละ
เพียงแต่ว่า การเปิดตัวรถใหม่รุ่นแรกของฮาวาลนั้น ถือว่าพวกเขาตีโจทย์การทำตลาดในประเทศไทยได้ดีพอสมควร การออกแบบภายนอกนั้นดูใหญ่โต บึกบึน หรูหรา ห้องโดยสารภายในโอ่อ่า ของเล่นเยอะและดูทันสมัย เรียบ ๆ แบบไม่โอเวอร์ปุ่มเยอะแยะไปหมด
ตัวรถนั้นเหมือนศูนย์รวมของสิ่งที่ควรจะมีในรถยนต์ยุคใหม่ ดีไซน์ ระบบ อุปกรณ์ ทั้งหมดนี้ก็น่าจะทำให้พวกเขาได้รับความสนใจอยู่ เว้นแต่เรื่องของการประกาศราคาที่ดูช้าเหลือเกิน จนบรรดาแฟน ๆ เริ่มบ่นกันแล้วว่าช้าขนาดนี้ คนอื่นเขาขายกันไปเป็นพัน ๆ หมื่น ๆ คันแล้ว
ด้วยของที่มันเยอะขึ้นมานี่แหละครับ ที่ทำให้เราคิดว่า GWM น่าจะไม่ลงไปลุยในตลาดราคา 1 ล้านบาทบวกลบด้วยรุ่นนี้แน่ ๆ เพราะว่ายังไงพวกเขาก็น่าจะเปิดตัวเวอร์ชั่นเครื่องยนต์เบนซินแน่นอน แต่จะมาพร้อมกันหรือตามมาห่าง ๆ ก็คงต้องไปรอเขาประกาศกันเดือนหน้า
ยังยืนยันว่าราคาที่น่าจะเหมาะสมที่สุดในการทำตลาดน่าจะอยู่ที่ล้านกลาง ถ้าคิดจะทำราคาไปแข่งกับบรรดาตัวท็อปบอกเลยว่าเจ็บตัวแน่นอน เพราะเรื่องของแบรนด์อิมเมจ ความไว้วางใจและการให้บริการลูกค้านั้น ก็ยังต้องอาศัยเวลาในการพิสูจน์ว่าจะไม่มีปัญหาอะไร
แต่หากใจดีสู้เสือทำราคาลงไปจริง ไม่ต้องลงไปเยอะ แค่ไปชนกับคู่แข่งจากประเทศเดียวกันก็พอ ขอบอกว่าคงสนุกดีไม่น้อย เพราะผู้บริโภคเองน่าจะชอบของเล่นมากกว่าการเสียบปลั๊ก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น รอให้ฮาวาลมาตอบเอาเองเมื่อถึงเวลานั้นก็แล้วกันนะ...