- อนุมัติโครงการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า
- ลดภาษี-ให้เงินอุดหนุนช่วง 2 ปีแรกนี้
- ลดภาษีน้ำมัน 3 บาทลดภาระผู้บริโภค
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ได้อนุมัติวาระสำคัญหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการอนุมัติแพ็คเกจการสนับสนุนตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรือ อีวี ที่คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ช่วงกลางปีนี้ พร้อมการประกาศลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้อนุมัติโครงการตามที่กระทรวงพลังงานได้เสนอมติคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) ครั้งที่ 3/2564 และครั้งที่ 1/2565 เรื่องการสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าทั้งระบบ ซึ่งเป็นโครงการที่มีข่าวมาแล้วสักระยะ
โครงการดังกล่าวจะเป็นการสนับสนุนความต้องการของผู้ใช้งานรถไฟฟ้าในประเทศ ที่ครอบคลุมทั้งรถยนต์ รถกระบะและรถจักรยานยนต์ ด้วยมาตรการด้านภาษีที่ทำให้ผู้บริโภคสามารถเป็นเจ้าของรถได้ง่ายขึ้น และคาดการณ์ว่าจะเริ่มใช้งานได้กลางปีนี้
ใช้เงินกระตุ้นตีมานต์ 2 ปีแรก แลกการเดินสายผลิตปี 67-68
มาตรการสนับสนุนดังกล่าวจะเน้นการผลักดันให้เกิดดีมานต์ของการใช้งานอย่างรวดเร็วในปี 2556 ด้วยการลดภาษีสรรพสามิต การลดอากรขาเข้า พร้อมการให้เงินอุดหนุนสำหรับผู้บริโภคที่มีความต้องการซื้อรถที่มีราคาแตกต่างกันไปในแต่ละเซกเมนต์
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้ออกกฎให้ค่ายรถที่ต้องการเข้าร่วมโครงการดังกล่าว จะต้องมีการเปิดสายการผลิตอีวีเพื่อทดแทนการนำเข้าในสัดส่วน 1-1.5 คันต่อการนำเข้าในช่วง 2 ปีนี้ และจะต้องเปิดสายการผลิตกันในช่วง 2567-2568 สำหรับตลาดในประเทศ
แต่ละเซกเมนต์ได้ลดอะไรกันบ้าง
รถยนต์นั่งที่มีราคาขายปลีกไม่เกิน 2 ล้านบาท จะได้รับการลดอากรขาเข้าลงสูงสุด 40% พร้อมลดภาษีสรรพสามิตลงจาก 8% เหลือ 2% ได้เงินอุดหนุน 7 หมื่นบาทถ้าใช้แบตเตอรี่ต่ำกว่า 30 กิโลวัตต์ชั่วโมงและ 1.5 แสนบาทสำหรับแบตเตอรี่ใหญ่กว่านั้น
สำหรับรถยนต์นั่้งที่มีราคาขายปลีกสูงกว่า 2 ล้านบาท จะได้ลดอาการขาเข้าสูงสุด 20% พร้อมลดภาษีสรรพสามิตจาก 8% เหลือ 2% โดยค่ายรถจะต้องผลิตรถยนต์ชดเชย 1.5 คันต่อการนำเข้า 1 คัน ภายในปี 2568 และรถราคา 2 ล้านขึ้นไป ต้องผลิตรุ่นที่นำเข้า
รถกระบะที่มีราคาจำหน่ายไม่เกิน 2 ล้านบาท และทำการผลิตในประเทศ จะได้รับสิทธิพิเศษด้วยการลดภาษีสรรพสามิตเหลือ 0% การให้เงินอุดหนุน 1.5 แสนบาท สำหรับรถกระบะที่ใช้แบตเตอรี่ 30 กิโลวัตต์ชั่วโมง เพื่อให้เข้ากับเงื่อนไขโครงการนี้
นอกจากนี้ ยังมีสิทธิประโยชน์สำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ที่มีราคาขายปลีกไม่เกิน 1.5 แสนบาท ได้สิทธิประโยชน์เงินอุดหนุนคันละ 1.8 หมื่นบาท ทั้งรุ่นที่ผลิตในประเทศและรุ่นนำเข้า โดยจะต้องผลิตชดเชย 1.5 คันต่อการนำเข้า 1 คันก่อนปี 2568
นอกจากนี้ จะมีการยกเว้นอากรขาข้าสำหรับชิ้นส่วนเพื่อการผลิตอีก 9 รายการ โดยผู้ประกอบการที่สนใจจะต้องแจ้งความจำนงกับกรมสรรพสามิต พร้อมวางเงินค้ำประกัน หากไม่ทำตามต้องคืนเงินอุดหนุนพร้อมดอกเบี้ย และโดนยึดเงินมัดจำทันที
ลดภาษีดีเซล 3 บาทต่อลิตร อุ้มยาวนาน 3 เดือน
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้มีมติเห็นชอบการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ลงลิตรละ 3 บาท จากปัจจุบันที่จัดเก็บในอัตราลิตรละ 5.99 บาท โดยจะปรับลดลงประมาณ 3 เดือน เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนผ่านราคาน้ำมันที่ลดลง
ทั้งนี้ การปรับลดภาษีดังกล่าว จะทำให้กรมสรรพสามิตสูญเสียรายได้เดือนละ 5.7 พันล้านบาท รวมตลอดระยะเวลาประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีการประเมินว่า หลังจากเดือนพฤษภาคมไปแล้ว ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะปรับตัวลดลงสู่สภาวะปกติเช่นกัน