มันยากที่จะจินตนาการว่า Isuzu (อีซูซุ) ผู้ผลิตรถยนต์อเนกประสงค์ ได้เคยสร้างรถสปอร์ตรุ่นเจ๋ง ๆ ไว้ในอดีต เพราะปัจจุบันนี้อีซูซุผลิตรถยนต์ได้สองรุ่น คือ Isuzu D-Max กระบะ 1 ตันที่มีมีชื่อเสียงในด้านเครื่องยนต์ดีเซลที่น่าเชื่อถือและแรงบิดสูง และความสามารถในการบรรทุก อีกรุ่นคือเอสยูวีขนาดใหญ่ Isuzu MU-X ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบในหมู่คนรักความลุย ทนทาน และสะดวกสบายไปพร้อมกัน
อีซูซุเป็นที่รู้จักมาอย่างยาวนานในฐานะผู้ผลิตรถยนต์เพื่อการพาณิชย์และรถบรรทุก ซึ่งเป็นอีกด้านของธุรกิจที่เจริญรุ่งเรืองมาจนถึงทุกวันนี้ แต่คุณรู้หรือไม่ว่า อีซูซุเคยสร้างรถยนต์นั่งส่วนบุคคลคันแรกในญี่ปุ่นด้วย
ชื่อ Isuzu มาจากอะไร ?
ในปี 1922 คือช่วงปีที่ 3 หลังจากก่อตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่าง Tokyo Ishikawajima Shipbuilding and Engineering และ Tokyo Gas and Electric Industrial ซึ่งร่วมกันรับจ้างประกอบรถยนต์นั่งส่วนบุคคล โดยใช้สายการผลิตในอู่ต่อเรือของบริษัท รถรุ่นแรกที่รับจ้างประกอบคือรถ Wolseley Fifteen A9 15/40 HP ซึ่งกำหนดทิศทางของบริษัทมุ่งเอาดีด้านทำรถยนต์ ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น Isuzu ในปี 1934 ซึ่งตั้งตามแม่น้ำในญี่ปุ่น หมายถึง ระฆัง 50 ใบ (fifty bells)
ความร่วมมือดังกล่าวถือเป็นการร่วมทุนครั้งแรกกับหลาย ๆ กิจการ ซึ่งต่อมามีความสัมพันธ์อันยาวนานกับ รถยนต์อังกฤษและญี่ปุ่นหลายค่ายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ Isuzu มีประสบการณ์สร้างรถยนต์นั่งที่ค่อนข้างเรียบร้อยประณีต แต่ไม่ได้โด่งดังเปรี้ยงเหมือนคู่แข่งในญี่ปุ่นบางค่าย ซึ่งรุ่นที่สมควรจะเป็นที่จดจำว่า เป็นผลงานที่อีซูซุคิดและผลิตขึ้นเอง มีทั้งหมด 4 รุ่นดังนี้
อ่านเพิ่มเติม : รวมรถมือสอง 5 รุ่นสุดทนทายาด แม้เก่าเกิน 30 ปียังเห็นวิ่งได้เต็มถนน
Isuzu 117 Coupe รถสปอร์ตดีเซลรุ่นแรกของโลก
เพื่อดึงดูดผู้ซื้อให้เข้าสู่โชว์รูม Isuzu ตัดสินใจว่าต้องการรถที่ดึงดูดความสนใจ ซึ่งรถสปอร์ตสามารถทำหน้าที่นี้ได้ดี โดยได้รับความช่วยเหลือจาก Giorgetto Giugiaro ดีไซเนอร์ชื่อดังชาวอิตาลี มาออกแบบ 117 Coupe อันสวยงาม และได้เปิดตัวในปี 1968 และขายจนถึงปี 1981
Isuzu 117 Coupe (อีซูซุ 117 คูเป้) รุ่นดั้งเดิมที่ผลิตตั้งแต่ปี 1968 ถึงปี 73 ยังคงเป็นที่ต้องการมากที่สุดในหมู่นักสะสม มีการผลิตและประกอบด้วยมืออย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผลิตได้ประมาณ 50 คัน/เดือนเท่านั้น อีกทั้งอีซูซุไม่ได้ขี้เหนียววัสดุอุปกรณ์ ด้วยการให้เบาะหนังแท้ และแผงหน้าปัดทำจากไม้การบูร ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ตลอดอายุการทำตลาด Isuzu 117 Coupe ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์หลากหลายประเภท รวมถึงในตอนแรกเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง 1.6 ลิตร DOHC แคมคู่ พร้อมหัวฉีด ใช่ครับอ่านไม่ผิด รถในปีนั้นกล้าใส่ระบบแคมคู่และหัวฉีดมาให้แล้ว ทำกำลังได้ 130 แรงม้า ซึ่งนับว่ามากมายกว่าใครในยุคเดียวกัน จับคู่กับกระปุกเกียร์ธรรมดา 4 สปีด ขับล้อหลัง
Isuzu 117 Coupe ยังมีรุ่นเครื่องยนต์เบนซินอื่น ๆ ออกขายตามมา รวมทั้งเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ที่มีให้เลือกทั้งแบบฉีดเชื้อเพลิงหรือคาร์บูเรเตอร์ เบนซิน 2.0 ลิตรหลายรุ่น และสุดท้ายคือดีเซล 2.2 ลิตรที่ทำให้ Isuzu 117 Coupe ได้รับเกียรติให้เป็นสปอร์ตดีเซลคันแรกของวงการรถยนต์
ในขณะที่การผลิตยังคงถูกจำกัดในช่วงปีแรก โดยผลิตได้ไม่ถึง 2,500 คันระหว่างปี 1968-1973 เมื่อเจเนอรัล มอเตอร์ส เข้าร่วมลงทุนในปี 73 ทำให้การผลิตก็เพิ่มขึ้น และในไม่ช้าโรงงานก็มีการผลิตรถยนต์ประมาณ 10,000 คันต่อปี เมื่อสิ้นสุดการผลิตในปี 1981 Isuzu 117 Coupe จำนวน 86,192 คัน ได้แล่นผ่านโรงงานผลิตคาวาซากิของผู้ผลิต มันถูกแทนที่ด้วยรถเก๋งรุ่นใหม่ที่ออกแบบโดย Giugiaro เช่นกัน
อ่านเพิ่มเติม : รวมประวัติ Isuzu ทุกรุ่นในไทย ฉลองผลิต 5 ล้านคัน ตั้งแต่ KB, TFR, Cameo, Vertex, Trooper ฯลฯ
Isuzu Piazza รถญี่ปุ่นสไตล์ยุโรป
Isuzu Piazza (อีซูซุ เพียซซ่า) หรือขายในชื่อ Isuzu Impulse ในสหรัฐอเมริกา เป็นรถสปอร์ตยุค 80 ที่มาแทนที่รุ่น 117 คูเป้ โดยใช้บริการนักออกแบบรายเดิม Giorgetto Giugiaro ที่ทำรถต้นแบบมาสด ๆ ร้อน ๆ ชื่อว่า Asso di Fiori ซึ่งเป็นการสร้างสรรค์ล่าสุดของเขาสำหรับ Isuzu อย่างแท้จริง อีกทั้งเป็นรูปทรงที่เกิดจากไอเดียสดใหม่ พลิกโฉมจากเดิมจากสิ้นเชิง
Isuzu Asso di Fiori ได้เปิดตัวสู่สาธารณะในงานโตเกียวมอเตอร์โชว์ปี 1979 ผ่านไปด้วยดี สาธารณชนและสื่อต่างอึ้งกับดีไซน์รูปลิ่มอย่างรถสปอร์ตจริง นั่นทำให้อีซูซุอนุมัติโครงการแทบจะทันที โดยรูปทรงการผลิตจริงแทบจะไม่เปลี่ยนแปลงจากรถแนวคิดเดิม
นอกจากทรงสวยแล้ว เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตรจากรุ่น Isuzu 117 ก็ยังคงถูกนำมาใช้ เพราะยังความน่าเชื่อถือแต่ด้วยการควบคุมต้นทุนของ General Motors ทำให้ Isuzu Piazza ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม T-Body ของ GM พร้อมการติดตั้งช่วงล่างหลังแบบคานบิด
ด้วยเครื่องยนต์จากรุ่นเก่า และช่วงล่างคานบิด ทำใหสมรรถนะรถสปอร์ตรุ่นนี้ไม่น่าประทับใจ แม้ว่าภายหลังจะได้รับการติดเทอร์ดบเพิ่ม และให้ Lotus มาจูนช่วงล่างใหม่ แต่ก็ยังหนีไม่พ้นความจริงว่า มันคือพื้นฐานช่วงล่างคานบิดที่ลดต้นทุน
Isuzu Piazza ถูกจดจำด้วยรูปทรงลิ่มอันโดดเด่น ไปจนถึงไฟหน้าแบบกึ่งป๊อปอัพที่ออกแบบโดย Giugiaro ดูราวกับเป็นอนาคตเมื่อเปิดตัวในปี 1980 อีกทั้งยังได้ Lotus มาช่วยเสริมทัพให้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรถญี่ปุ่น และอาจจะไม่มีการรวมพลังจากค่ายรถอื่นแบบนี้อีกแล้วในปัจจุบัน
อ่านเพิ่มเติม : มือสองต้องรู้ รวมรถคูเป้ต่ำกว่า 5 แสน Toyota Celica, Nissan NX ฯลฯ ที่คนสะสม มีเงินก็ซื้อไม่ได้
Isuzu Bellett GT Type-R เล็กและแรง
รถคูเป้ขนาดกะทัดรัดของอีซูซุ Isuzu Bellett GT Type-R (อีซูซุ เบลเล่ต์ จีที ไทป์-อาร์) เข้าสู่ตลาดช่วงที่รถยนต์สมรรถนะสูงกำลังเติบโตในญี่ปุ่น Isuzu เปิดตัว Bellett GT มาตรฐานในปี 1964 โดยมีเครื่องยนต์เบนซินแบบ single overhead cam ขนาด 1.6 ลิตร ให้กำลัง 88 แรงม้า ที่สำคัญคือเป็นรถญี่ปุ่นคันแรกที่มีตรา GT
แต่ในปี 1969 Isuzu ก็ได้ออกรุ่นสมรรถนะจัดจ้านขึ้นเป็น Bellett GT Type-R ที่เน้นการแข่งขัน มันออกสู่ตลาดในช่วงเวลาที่รถสปอร์ตญี่ปุ่นมีความเฟื่องฟู โดยในระยะเวลานั้นมี Toyota 2000GT (1967), Mazda Cosmo (1967) ในขณะที่ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 1969 นิสสันได้เปิดเผยสิ่งที่จะกลายเป็นไอคอนแห่งสมรรถนะ รุ่นแรก Nissan Skyline GT-R (C10)
มันเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับรถสปอร์ตในประเทศ และอีซูซุก็ใช้ GT Type-R ของตัวเองมาบุกตลาด ด้วยเครื่องยนต์ 1.6 ลิตรที่ถูกหยิบยืมมาจากรุ่นพี่ 117 Coupe ทำกำลังได้ 120 แรงม้า กับแรงบิดที่ 142 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ภายใน 8.6 วินาที ซึ่งถือว่าใช้ได้ไม่แย่เกินไป สำหรับการเป็นรถสปอร์ตระดับเริ่มต้น
Isuzu Bellett GT Type-R มีเพียง 1,400 คันเท่านั้นที่ขายออกในปี 1969-73 ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่าเป็นรถหายากของค่ายนี้ ปัจจุบันมีมูลค่าน่าสะสมในวงการรถคลาสสิคญี่ปุ่นไม่แพ้รุ่นอื่น ๆ อย่างเช่น Toyota Trueno, Mitsubishi Lancer, Nissan Sunny
อ่านเพิ่มเติม : ผลการวิจัยพบว่า รถที่คนมักจะเก็บนานเกิน 15 ปี ล้วนแล้วแต่เป็นรถญี่ปุ่น
Isuzu VehiCross สปอร์ตครอสโอเวอร์ ในตำนาน
Isuzu VehiCross ครอสโอเวอร์รุ่นแรกของอีซูซุ ซึ่งได้รับการอนุมัติทันที หลังจากได้รับการตอบรับที่ดีจากรถต้นแบบในงานโตเกียวมอเตอร์โชว์ในปี 1993 โดยผลิตในปริมาณน้อย ระหว่าง 1997 - 2001 เพียง 6,000 คัน เพราะรถยกสูง 2 ประตูรูปทรงล้ำหน้าอวกาศเกินยุคแบบนี้ ไม่ได้เป็นที่ถูกใจของบุคคลทั่วไปที่ต้องการรถอเนกประสงค์แน่นอน
รูปทรง Isuzu VehiCross นั้นดูไม่เหมือนใครในตลาดในขณะนั้น โดยผสมผสานสไตล์ล้ำยุคเข้ากับความสามารถแบบออฟโรดที่สมบุกสมบัน บนพื้นฐานของ และเครื่องยนต์เบนซิน V6 ขนาด 3.5 ลิตร ให้กำลัง 214 แรงม้า และแรงบิด 312 นิวตันเมตร ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ On-demand ที่ค่อนข้างล้ำหน้าในขณะนั้น โดยแบ่งกำลังไปยังล้อที่มีการยึดเกาะมากที่สุด โดยมีระบบขับเคลื่อนล้อหลังจะเป็นพื้นฐานการขับขี่บนถนน แต่สามารถส่งกำลังไปยังเพลาหน้าได้หากจำเป็น ซึ่งยังเป็นระบบที่มีใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน
Isuzu VehiCross ถูกจดจำในฐานะรถยนต์ครอสโอเวอร์ดีไซน์สวยแบบล้ำไปไกล นับว่าเป็นอีซูซุที่ดึงดูดความสนใจได้มากที่สุด ถึงขึ้นถูกนำไปใช้ประกอบฉากในหนังไซไฟ ซึ่งตัวถังถูกตัดแปลงเปลี่ยนเป็นหลังคาผ้าใบ ใช้ชื่อรุ่นว่า VX-02 อันเป็นรถต้นแบบของรถครอสโอเวอร์เปิดประทุนอีกด้วย
อ่านเพิ่มเติม : มือสองต้องรู้ Honda Tourmaster และ Isuzu Vertex สมควรซื้อเก็บไว้ ก่อนราคาโดนปั่นถึงหลักแสนบาท
นอกจากรถที่ถูกผลิตขายจริงแล้ว Isuzu ยังมีรถต้นแบบอีกมากมายทีแสดงถึงความเจ๋งในการทำรถเก๋ง เช่น Isuzu Bellett MX1600 รถสปอร์ตที่เป็นต้นแบบให้รถสปอร์ตอิตาลีในยุค 70 หรือรถซูเปอร์คาร์ Isuzu 4200R ที่วางเครื่องกลางลำ กำลัง 350 แรงม้า
หรือรถเก๋งขนาดกลาง Isuzu Aska Ceramic รถเก๋งดีเซลที่เคลือบเซรามิค และใช้เทอร์โบไปปั่นมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นไฮบริดแบบใหม่ ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน
ด้วยเทคโนโลยีเหล่านี้ถูกกลืนหายไป เพราะบริษัทมุ่งทำเงินด้านรถยนต์เพื่อการพาณิชย์เป็นหลัก ทำให้เราไม่มีวันได้พบรถเก๋งสุดเจ๋งจากแบรนด์นี้อีกต่อไป
อ่านเพิ่มเติม : ย้อนรอย Isuzu MU-X ประวัติ PPV มวยรอง 2 เจเนอเรชั่น ที่ขยันปรับปรุงทุกปี