จบสิ้นกันไปด้วยดีสำหรับงานแสดงรถยนต์ Bangkok International Motor Show ครั้งที่ 42 ซึ่งจัดกันอย่างรัดกุมท่ามกลางภาวะการแพร่ระบาดระบลอกใหม่ของโควิด-19 ซึ่งตัวเลขที่ได้มาจากงานนี้ก็ถือว่าไม่ธรรมดา เพราะยังรักษามาตรฐานงานแสดงรถยนต์ที่มียอดจำหน่ายเติบโตในช่วงสุดสัปดาห์สุดท้ายเอาไว้ได้เหมือนเดิม

ตัวเลขที่ทางกรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้จัดงานประกาศเอาไว้อย่างเป็นทางการนั้นไม่มีอะไรเซอร์ไพร์ส เพราะส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวของเศรษฐกิจและการอั้นกำลังซื้อในช่วงก่อนหน้านี้ รวมถึงการกลับมาจัดงานในช่วงก่อนเทศกาลวันหยุดยาว ทำให้มีความครึกครื้นกลับมาเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ กรังด์ปรีซ์ยังโชคดีที่ปีนี้มีแม่เหล็กอย่างดีในงานที่ชื่อ Great Wall Motor ที่ก่อปรากฎการณ์คนเข้าแถวยาวเหยียดเพื่อรอเช้าชมบูธจัดแสดงรถยนต์ ที่พวกเขาเข้าร่วมและนำสินค้ารุ่นใหม่ ๆ มาจัดแสดงจำนวนมาก เพราะหากไม่มีค่ายกำแพงใหญ่แล้ว โอกาสที่การจัดงานจะไม่คึกคักขนาดนี้ก็เป็นไปได้ค่อนข้างมาก

ตัวเลขคนเข้างานที่เพิ่มขึ้นถึง 28.6% หรือมีจำนวน 1.34 ล้านคนนั้น ถือว่าเหนือกว่าที่มีการคาดการณ์ไปพอสมควร ถ้าจะมีเหตุให้น่าเสียดาย ก็คงจะเป็นการที่เกรทวอลล์ไม่ยอมเปิดรับจองรถยนต์ในงานนี้เท่านั้น ไม่อย่างนั้นอาจจะเห็นปรากฎการณ์ล้มแชมป์กันได้เหมือนกัน เพราะดูแล้วคนสนใจกันเยอะเหลือเกิน

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขยอดจองรถยนต์ในงานปีนี้ก็ยังถือว่าไม่ธรรมดา ด้วยยอดจองรวม 27,868 คัน เติบโต 51.5% เมื่อเทียบกับยอดจองในปีที่ผ่านมา สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนมากกว่า 3 หมื่นล้านบาท โดยยังมีปัจจัยจากการเปิดตัวรถใหม่และการอัดแคมเปญของผู้ประกอบการเพื่อสร้างยอดขายกันอย่างคึกคักเหมือนเดิม

การกระตุ้นตลาดด้วยสินค้าใหม่และแคมเปญ

ตัวเลขยอดจำหน่ายที่เติบโตขึ้นของค่ายรถในงานนั้นเป็นเรื่องปกติ เพราะเรียกว่าทุกค่ายต่างก็เติบโตกันเกือบทั้งสิ้นอยู่แล้ว แต่ใครจะโตเยอะโตน้อยนั้น แน่นอนว่าต้องขึ้นกับปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องตัวสินค้าที่น่าสนใจ แคมเปญที่ดึงดูดใจผู้บริโภค หรือไม่ก็จต้องมีฐานลูกค้าระดับมัดใจเอาไว้ให้อย่างเหนียวแน่น

เพราะฉะนั้นหากมาดูตัวเลขกันจริง ๆ ก็จะพบว่าค่ายรถที่เติบโตสูงที่สุดในงานไม่ใช่ค่ายรถที่มียอดจำหน่ายสูงสุด เพราะ Isuzu (อีซูซุ) นั้นอาศัยกระแสที่ยอดเยี่ยม เพิ่มยอดจองในงานนี้ให้ตัวเองถึง 46.8% ส่วนหนึ่งเพราะกระแสของ Isuzu MU-X (อีซูซุ มิว-เอ็กซ์) ที่ในงานปีก่อนยังไม่ได้เปิดตัวรุ่นใหม่มาทำตลาด

Suzuki (ซูซูกิ) เองก็มียอดการเติบโตที่น่าสนใจถึง 41.2% แม้จะไม่มีสินค้าใหม่ แต่ด้วยแคมเปญที่เร้าใจและคุ้มค่า เหมาะกับสถานการณ์ที่ทุกคนต้องรัดกระเป๋าอย่างมิดชิด ขณะที่ Mazda (มาสด้า) ก็อาศัยทั้งรถใหม่อย่าง Mazda BT-50 (มาสด้า บีที-50) และแคมเปญแรง ๆ สำหรับรถรุ่นอื่น ๆ กอดอัตราการเติบโตไปที่ 35.1%

ฟากรถยนต์หรูหรากันบ้าง ในปีนี้ ถือเป็นปีแห่งการฟาดฟันด้วยตัวสินค้าใหม่ที่ต่างฝ่ายต่างเปิดตัวมารวม ๆ กันเป็น 10 รุ่น โดย Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส-เบนซ์) ทำยอดไปมากที่สุด 1,863 คัน เอาชนะ BMW (บีเอ็มดับเบิลยู) ที่มียอด 999 คันไปได้เกือบเท่าตัว ขณะที่ Audi (อาวดี้) และ Volvo (วอลโว่) เติบโตใกล้เคียงกัน

ขณะที่ตลาดรถจักรยานยนต์มีเรื่องตลกเล็กน้อย เพราะ Honda (ฮอนด้า) นั้นไม่ยอมแจ้งยอดจองในงาน เลยปล่อยให้ Yamaha (ยามาฮ่า) เข้าวินด้วยยอด 815 คันตามรายงานอย่างเป็นทางการ ก่อนที่ยามาฮ่าจะส่งข่าวตามมาว่าปิดยอดขายในงาน 834 คัน ก่อนที่ผู้นำตลาดค่ายปีกบินจะแถลงในเพจส่วนตัวว่าทำยอดไปได้ 836 คันในปีนี้

แนวโน้มตลาดเริ่มปรับตัวดีขึ้น ผู้บริโภคเริ่มใช้เงิน

แม้ตัวเลขการจำหน่ายในงานจะไม่ได้เลิศเลอมากมายนัก แต่ก็เป็นกระแสที่ดีในหลาย ๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นภาพของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ยังคึกคักอยู่พอสมควร แม้จะอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดรอบใหม่ ที่มีข่าวคราวความรุนแรงมาเป็นระยะ แต่ผู้บริโภคก็ไว้วางใจที่จะไปร่วมงานดังกล่าวและจับจ่ายกันอย่างคึกคัก

ตัวเลขการจองในงานนั้นอาจจะยังไม่ใช่ทั้งหมด เพราะเอาจริง ๆ ต้องดูลูกค้าที่อยู่นอกงานและยังไม่ได้ตัดสินใจกันอีกว่าจะกลับมาเป็นยอดจองทั้งหมดเท่าไร เพราะที่สังเกตดู ค่ายรถเกือบทุกรายก็ต่อแคมเปญและโปรโมชั่นมอเตอร์โชว์กันต่อไปจนถึงสิ้นเดือนนี้กันเกือบทั้งสิ้น ผู้บริโภคเองก็ไม่ต้องรีบร้อนตัดสินใจอะไร

ก็ได้แต่หวังว่าความคึกคักในการจัดงานปีนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์กลับมาเติบโตได้อีกครั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งสุดท้ายที่ต้องฝากความหวังกันก็คือ บรรดาผู้ประกอบการไฟแนนซ์ทั้งหลาย จะยอดอนุมัติการจองรถทั้งหมดในงานนี้ เพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้าไปได้อย่างราบรื่นไม่ติดขัด

ถ้าสถานการณ์ยังไปได้แบบนี้ อาจจะเห็นการขยับเป้าหมายการขายปีนี้ก็ได้นะ...