ระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าถูกนำมาใช้กับรถยนต์ยุคใหม่เพื่อลดมลพิษ อัพเกรดสมรรถนะ และเพิ่มความประหยัดน้ำมัน แต่แนวทางการประยุกต์ใช้นั้นมีหลากหลายรูปแบบที่มีข้อดี-ข้อด้อยแตกต่างกัน
รถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าช่วยขับเคลื่อนที่วางจำหน่ายในบ้านเรานั้นมีตั้งแต่รถไฮบริดที่ใช้พลังงานไฟฟ้าขับเคลื่อนไปพร้อมกับเครื่องยนต์ รถปลั๊กอินไฮบริดที่เสียบปลั๊กชาร์จไฟได้ รถยนต์ไฟฟ้าที่มีเครื่องยนต์ช่วยปั่นไฟ ตลอดจนรถยนต์ไฟฟ้าล้วน ๆ ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่อย่างเดียว เราไปชมกันเลยว่า รถแบบใดจะใช่สำหรับคุณและเหมาะกับเมืองไทยมากที่สุด
รถยนต์ไฮบริด (HEV)
รถยนต์ไฮบริดออกทำตลาดมานานที่สุดในอุตสาหกรรมยานยนต์ เทคโนโลยีไฮบริดได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มีความประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้นและมีมลพิษลดลง ตลาดรถยนต์บ้านเรามีรถไฮบริดหลายรุ่นให้เลือกสรร อาทิ Honda Accord (ฮอนด้า แอคคอร์ด) Toyota C-HR (โตโยต้า ซี-เอชอาร์) และ Toyota Camry (โตโยต้า คัมรี) เป็นต้น
เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำงานพร้อมกันเพื่อขับเคลื่อนตัวรถ รถยนต์ไฮบริดจึงเหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการใช้รถที่มีความประหยัดน้ำมัน
รถยนต์ไฮบริด |
จุดเด่น |
จุดด้อย |
- ประหยัดน้ำมันมากกว่าและมีมลพิษต่ำกว่า เมื่อเทียบกับรถเครื่องยนต์สันดาปทั่วไป |
- ความประหยัดและการปล่อยมลพิษยังสู้รถปลั๊กอินไฮบริดไม่ได้ |
- ไม่ต้องกังวลว่าพลังงานไฟฟ้าจะหมดลงกลางทาง |
- แบตเตอรี่อาจทำให้พื้นที่จัดเก็บสัมภาระแคบลง |
|
- ราคาจำหน่ายอาจสูงกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปทั่วไป |
รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV)
เปรียบเสมือนสะพานเชื่อมระหว่างรถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดสามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วน ๆ ได้ในระยะทางสั้น ๆ เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองแบบปราศจากมลพิษ ขณะเดียวกัน ไม่ต้องมีความกังวลว่าไฟฟ้าจะหมดลงกลางทาง รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดที่จำหน่ายในเมืองไทย อาทิ BMW X5 xDrive45e Plug-in Hybrid (บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์5) และ 2019 Mercedes-Benz C300e Plug-in Hybrid (เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาส)
ขณะเดียวกัน รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดที่มีราคาพอเอื้อมถึงได้และกำลังจะเปิดตัวออกจำหน่ายในบ้านเราคือ Mitsubishi Outlander PHEV (มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี) ที่คาดว่าจะมีราคาจำหน่ายประมาณ 1.3 – 1.4 ล้านบาท รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดเหมาะสำหรับคนที่ต้องการรถที่ประหยัดน้ำมันมากขึ้น ขับขี่ในเมืองและเดินทางไกลได้อย่างสบายใจ
รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด |
จุดเด่น |
จุดด้อย |
- ประหยัดน้ำมันมากกว่าและมีมลพิษต่ำกว่า เมื่อเทียบกับรถยนต์ไฮบริดและรถเครื่องยนต์สันดาปทั่วไป |
- ยังมีการปล่อยมลพิษ |
- ไม่ต้องกังวลว่าพลังงานไฟฟ้าจะหมดลงกลางทาง |
- แบตเตอรี่อาจทำให้พื้นที่จัดเก็บสัมภาระแคบลง |
|
- การชาร์จไฟฟ้าใช้เวลานาน |
|
- ราคาจำหน่ายอาจสูงกว่ารถยนต์ไฮบริดหรือรถเครื่องยนต์สันดาปทั่วไป |
รถยนต์ไฟฟ้ามีเครื่องยนต์ช่วยขยายระยะทางขับเคลื่อน (Range-Extender BEV)
กลายเป็นอีกหนึ่งรถพลังงานทางเลือกที่กำลังมาแรง รถยนต์ไฟฟ้าแบบมีเครื่องยนต์ช่วยปั่นไฟที่เพิ่งเปิดตัวในบ้านเราเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาคือ Nissan Kicks e-Power (นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์) และมีแนวโน้มว่าจะตามมาด้วย All-New Nissan Note e-Power (นิสสัน โน๊ต อี-พาวเวอร์) ภายในปีหน้า
รถยนต์ประเภทนี้ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเหมือนกับรถยนต์ไฟฟ้า แต่ไม่ต้องเสียบปลั๊กชาร์จไฟ หากมีเครื่องยนต์ขนาดเล็กช่วยปั่นกระแสไฟฟ้าป้อนเข้าสู่แบตเตอรี่แทน ผู้บริหารของ Nissan เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าระบบ e-Power เหมาะกับเมืองไทยที่ยังขาดแคลนสาธารณูปโภคด้านสถานีชาร์จไฟฟ้า รถยนต์ไฟฟ้าแบบมีเครื่องยนต์ขยายระยะทางขับเคลื่อนเหมาะสำหรับผู้ที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมและใช้งานรถเป็นประจำทั้งทางใกล้-ทางไกล
รถยนต์ไฟฟ้าแบบมีเครื่องยนต์ปั่นไฟ |
จุดเด่น |
จุดด้อย |
- ประหยัดน้ำมันมากกว่าและมีมลพิษต่ำกว่า เมื่อเทียบกับรถยนต์ไฮบริด และใกล้เคียงกับรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด |
- ยังมีการปล่อยมลพิษ |
- มีความเงียบสงบในการขับขี่ |
- ถ้าแบตเตอรี่มีขนาดเล็ก เครื่องยนต์จะทำงานบ่อย |
- แรงบิดตอบสนองได้ดีสไตล์รถพลังงานไฟฟ้า |
- แบตเตอรี่อาจทำให้พื้นที่จัดเก็บสัมภาระแคบลง |
รถยนต์ไฟฟ้า (BEV)
รถยนต์ไฟฟ้าใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ล้วน ๆ (Battery Electric Vehicle หรือ BEV) ถ่ายทอดพลังงานสู่มอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนตัวรถ รถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังมาแรงในตลาดรถยนต์เมืองไทยคือ MG ZS EV (เอ็มจี แซดเอส อีวี) ที่เป็นเจ้าตลาด นอกจากนี้ยังมี Nissan Leaf (นิสสัน ลีฟ) Hyundai Kona (ฮุนได โคน่า) และ IONIQ (ฮุนได ไอโอนิค)
คาดว่าจะมีรถยนต์ไฟฟ้าเปิดตัวตามมาอีกหลายรุ่นในอนาคตอันใกล้ อย่างไรก็ตาม รถยนต์ไฟฟ้าเหมาะสำหรับการเป็นรถคันที่ 2 หรือคันที่ 3 ในครอบครัวเมื่อพิจารณาจากสถานีชาร์จไฟฟ้าในบ้านเราที่มีจำนวนจำกัดและยังไม่ครอบคลุม รวมถึงการชาร์จไฟที่ใช้เวลานาน
รถยนต์ไฟฟ้า 100% |
จุดเด่น |
จุดด้อย |
- มีมลพิษเป็นศูนย์ |
- การชาร์จไฟฟ้าใช้เวลานาน |
- มีความเงียบสงบในการขับขี่ |
- การเดินทางออกต่างจังหวัดต้องวางแผนการชาร์จไฟอย่างรอบคอบ |
- แรงบิดตอบสนองได้ดี |
- ราคาจำหน่ายสูงกว่ารถยนต์ประเภทอื่น ๆ |
สรุป
ปฏิเสธไม่ได้ว่าถนนทุกสายในอุตสาหกรรมยานยนต์โลกล้วนมุ่งหน้าสู่การนำเสนอรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ทั้งสิ้น แต่การจะไปถึงเป้าหมายดังกล่าวไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อคำนึงถึงบริบทแวดล้อมของแต่ละประเทศที่ส่วนใหญ่ยังไม่เอื้อต่อการใช้งานจริง
หลายชาติในทวีปยุโรป อาทินอร์เวย์และเยอรมนี มีการส่งเสริมการใช้รถพลังงานไฟฟ้าอย่างจริงจัง ทั้งการขยายสถานีชาร์จไฟสาธารณะที่ครอบคลุม การออกนโยบายอุดหนุนผู้ซื้อรถพลังงานไฟฟ้า และการสนับสนุนเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง จึงไม่น่าแปลกใจที่ตลาดรถอีวีจะเติบโตอย่างรวดเร็วและมั่นคง
แต่สำหรับในประเทศไทย โครงสร้างพื้นฐานด้านสถานีชาร์จไฟฟ้าที่จำกัดไม่เอื้ออำนวยต่อการใช้งานจริง อีกทั้งราคาจำหน่ายของรถพลังไฟฟ้าที่ค่อนข้างสูงทำให้เป้าหมายการสร้างตลาดรถยนต์ไฟฟ้ายังอยู่อีกไกลซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เหมือนกับในอีกหลายประเทศทั่วโลก
รถยนต์ไฮบริด รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้าที่มีเครื่องยนต์ช่วยปั่นไฟจึงเป็นโซลูชั่นส์ที่เหมาะสมที่สุดในเวลานี้และเป็นเหมือนบันไดที่เชื่อมต่อระหว่างรถเครื่องยนต์สันดาปทั่วไปสู่การใช้รถยนต์ไฟฟ้า 100% อันเป็นเป้าหมายสูงสุด
แต่การจะเลือกจับจองเป็นเจ้าของรถยนต์ประเภทใดนั้น อาจต้องคำนึงถึงกำลังทรัพย์และขนาดของตัวรถเป็นสำคัญ