Great Wall Motor (เกรท วอลล์ มอเตอร์) เจ้าของแบรนด์รถยนต์ Haval (ฮาวาล) ที่กำลังจะเปิดตัวในอีกไม่ช้า หลายท่านเห็นแบรนด์ดังกล่าวนี้ แล้วก็เกิดข้อสงสัย พวกเขามาจากไหน มาทำอะไร? เพราะการเปิดตัวนั้นนอกจากการโปรโมทในโลกโซเชี่ยลแล้ว ก็ให้ความรู้สึกเหมือนรถแบรนด์นี้โผล่ขึ้นมาจากอากาศ

แน่นอนครับว่า นั่นมันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ Great Wall Motor ย่อมต้องสั่งสมประสบการณ์ และพัฒนารถยนต์ของพวกเขามาเป็นเวลานานหลายสิบปีแล้ว จนในปัจจุบันเป็นหนึ่งในบริษัทรถที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในเมืองจีน

แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ที่เขากำลังจะเปิดตัวรถใหม่ในไทย สร้างแบรนด์ให้ติดตลาด คงจะมีน้อยคนที่ทราบถึงที่มาของแบรนด์กำแพงเมืองจีนนี้ วันนี้เราจึงจะมาแถลงไข ว่าที่มาของ Great Wall Motor นั้น น่าสนใจพอตัวเลย!

จุดเริ่มต้นของ Great Wall Motor เกิดจากรถบรรทุก

Great Wall Motor ถือกำเนิดขึ้นมาในปี 1976 ในชื่อ Great Wall Refit Works โดยบิดาของนาย แจ๊ค เว่ย ผู้ซึ่งเป็นประธานบริษัทคนปัจจุบัน โดยบริษัทนั้นเริ่มต้นจากการนำแชสซีมาผลิตรถบรรทุกเพื่อใช้ในการขนส่งในประเทศ อันเป็นจุดเริ่มต้นที่เหมือนกับหลาย ๆ บริษัทของจีน

เนื่องจากในยุคสมัยนั้น รัฐบาลของจีนแผ่นดินใหญ่ ไม่สนับสนุนให้ประชาชนมีรถยนต์ส่วนตัว เมืองใหญ่ของจีนเน้นใช้จักรยานเป็นหลัก และจีนก็ไม่ได้มีอุตสาหกรรมผลิตยานยนต์ขนาดใหญ่จนกระทั่งช่วงยุค 1990 หลังจากที่ Volkswagen (โฟล์คสวาเกน) เปิดตลาดด้วย VW Santana (โฟล์คสวาเกน ซานตานา)

รถยนต์คันแรกของ Great Wall Motor เป็นรถที่ไม่เรียกว่าได้แรงบันดาลใจ ต้องเรียกว่าก๊อปปี้ 100%

ในปี 1989 นายเว่ย ดาเหลียง บิดาของนายแจ๊ค เว่ย ผู้ซึ่งเป็นประธานของโรงงานประกอบรถบรรทุก Great Wall เกิดประสบอุบัติเหตุ ทำให้ แจ๊ค เว่ย ต้องขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป นั่นทำให้ แจ๊ค เว่ย มีอำนาจใจการตัดสินใจเกี่ยวกับกิจการในบริษัท

ในขณะนั้น ประเทศจีนให้ทำการเปิดประเทศ และเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจให้เป็นแบบทุนนิยมผสมคอมมิวนิสต์ อีกทั้งยังยอมให้เกิดการเป็นเจ้าของรถยนต์มากขึ้น

แจ๊ค เว่ย ผู้ที่เห็นโอกาสทางธุรกิจ จึงซื้อรถ Nissan Cedric (นิสสัน เซดริก) เพื่อที่จะนำมาศึกษา และคัดลอกชิ้นส่วน จนเกิดมาเป็นรถยนต์ Great Wall CC1020 เพื่อวางจำหน่ายในต้นยุค 1990

นอกจากนั้น นี่ไม่ใช่รถรุ่นเดียวที่ Great Wall Motor ผลิตในช่วงแรก เพราะแจ๊ค เว่ย ได้ตัดสินใจนำรถ Toyota Crown (โตโยต้า คราวน์) ขนาดใหญ่กว่า มาเป็นแรงบันดาลใจ ในการผลิตรถ Great Wall CC1020S อีกด้วย

ที่น่าสนใจกว่านั้น คือ Great Wall พยายามออกแบบรถที่มีดีไซน์ของตัวเอง แต่ก็ยังใช้แรงบันดาลใจจากรถยนต์หรูยี่ห้อทั้ง Mercedes-Benz (เมอเซเดส-เบนซ์) และ Rolls-Royce (โรลส์-รอยส์) จากพื้นฐานรุ่น CC1020S ด้วย เกิดเป็นรุ่นไมเนอร์เชนจ์ในกลางยุค 1990

แต่สุดท้าย ในปี 1996 Great Wall Motor ก็ถูกรัฐบาลจีนสั่งห้ามไม่ให้ผลิตรถยนต์อีกต่อไป เนื่องจากว่าไม่มีใบอนุญาตที่ถูกต้อง

กว่าจะประสบความสำเร็จได้ ต้องเข้าใจตลาดเสียก่อน

แน่นอนครับว่ารถเก๋งของ Great Wall นั้น สู้รถเก๋งหรูอย่าง VW Santana ไม่ได้เลย และไม่ได้รับความนิยมเสียเท่าไหร่

แต่แจ๊ค เว่ย ก็ไม่คิดที่จะยอมแพ้แม้ว่าจะถูกรัฐบาลสั่งห้าม Great Wall Motor ไม่ได้รับอนุญาตให้ผลิตรถเก๋ง แต่การผลิตรถกระบะนั้นสามารถทำได้ ในปี 1996 Great Wall Motor จึงได้เปิดตัว รถกระบะ Great Wall Deer (เกรท วอลล์ เดียร์) ซึ่งแน่นอนครับว่า ไม่ต้องทายว่ามีพื้นฐานมาจากรถกระบะรุ่นใด ของแบบนี้มันชัดเจนอยู่แล้ว

รถกระบะ Great Wall Deer นั้น ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ประสบความสำเร็จเสียจน แจ๊ค เว่ย กลายมาเป็นเศรษฐีหมื่นล้านในยุคสมัยนั้น และสร้างอาณาจักรของรถยนต์ที่เติบโตขึ้นมา ประสบความสำเร็จทุกวันนี้

Great Wall Deer คือรถกระบะที่มาถูกที่ ถูกเวลา ในขณะที่จีนกำลังสร้างเศรษฐกิจในยุคของ เติ้งเสี่ยวผิง ให้กลับมาโดดเด่นในสายตาชาวโลก รถยนต์เพื่อการพาณิชย์เป็นสิ่งที่สำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปให้ดีได้ เราจึงไม่แปลกใจนักที่ Great Wall ประสบความสำเร็จด้วยรถยนต์กระบะ

ทำกระบะประสบความสำเร็จแล้ว ก็กลับมาทำรถเก๋งกันบ้าง

ในปี 2003 Great Wall Motor จดทะเบียนหลักทรัพย์ในฮ่องกง และจำหน่ายรถกระบะต่อมาเรื่อย ๆ ยอดขายมากขึ้น ชื่อเสียงดีขึ้น และในที่สุด Great Wall Motor ก็ตัดสินใจหันกลับมาทำรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในปี 2010

Great Wall Voleex C30 คือหนึ่งในรถยนต์เก๋งรุ่นแรกที่กลับมาทำตลาดของ Great Wall ใช้เครื่องยนต์ชนิด 4G15 ของ Mitsubishi (มิตซูบิชิ) และมีรูปลักษณ์ที่ Great Wall ออกแบบเองทั้งหมด เรียกได้ว่าแม้จะไม่สวยงาม แต่พวกเขาก็ไม่ได้คัดลอกเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป

รถอีกรุ่นหนึ่งที่น่าสนใจ เปิดตัวในปี 2011 นั่นคือ Great Wall Hover H6 อันเป็นรถที่เราอาจจะคุ้นชื่อมากที่สุด เพราะมันถูกจำหน่ายในชื่อ Haval H6 หรือชื่อเดียวกับที่กำลังจะเปิดตัวในไม่ช้านี่เอง! Haval H6 รุ่นแรก ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร พ่วงเทอร์โบชาร์จเจอร์ สร้างพละกำลังสูงสุด 150 แรงม้า และแม้ว่าอาจจะยังเทียบชั้นรถจากญี่ปุ่นหรือยุโรปไม่ได้ แต่สื่อยานยนต์นานาชาติ ก็รายงานว่า มันมีภายในที่กว้างขวาง สะดวกสบาย และราคาคุ้มค่า

Haval H6 หรือ Great Wall Hover H6 นี้ กลายมาเป็นรถยนต์ SUV ที่ขายดีที่สุดในประเทศจีน และในปี 2020 พวกเขาก็เปิดตัว Haval H6 รุ่นที่ 3 ที่เราจะได้สัมผัสกันในอีกไม่ช้านี้

สรุป

เราอาจจะบอกได้ว่า Great Wall Motor และ Haval อาจจะเป็นบริษัทรถยนต์ที่พัฒนาตัวเองมาได้อย่างรวดเร็ว และเร็วที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ พวกเขาเริ่มต้นผลิตรถยนต์กันครั้งแรกเมื่อไม่ถึง 30 ปีที่ผ่านมา และรถยนต์ที่พวกเขาพัฒนาขึ้นเอง ก็เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อ 10 ปีที่แล้วเท่านั้นเอง

การพัฒนา Haval H6 ให้ดูน่าสนใจขนาดนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน และก็น่าสนใจเป็นอย่างมากว่า Haval จะสามารถประสบความสำเร็จในไทยได้หรือไม่

ยิ่งไปกว่านั้น ในอีก 10 ปีข้างหน้า พวกเขาจะพัฒนาไปไกลถึงไหนกัน?