พันธมิตรกลุ่มรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมในภูมิภาคยุโรปเผยรถปลั๊กอินไฮบริดหรือ PHEV มีการปล่อยมลพิษและบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงสูงกว่าที่เคลมไว้หลายเท่าตัว
Emissions Analytics หนึ่งในกลุ่มรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมทำการทดสอบอัตราการปล่อยมลพิษคาร์บอนไดออกไซด์ของรถปลั๊กอินไฮบริด 3 รุ่นได้แก่ BMW X5 (บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์5), Volvo XC60 (วอลโว่ เอ็กซ์ซี60) และ Mitsubishi Outlander PHEV (มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี) พบว่ามีการปล่อยมลพิษมากกว่าที่ระบุไว้ในโฆษณา
“รถปลั๊กอินไฮบริดเป็นรถพลังงานไฟฟ้าจอมปลอม สร้างขึ้นเพื่อการทดสอบมาตรฐานสิ่งแวดล้อมในห้องแล็บปฏิบัติการเท่านั้นไม่ใช่ในการขับขี่จริง” จูเลีย โปลิสคาโนวา ผู้อำนวยการอาวุโสกลุ่มรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อม Transport and Environment (T&E) กล่าวกับสำนักข่าว Reuters
T&E และกลุ่มรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมส่วนใหญ่ระบุว่า เมื่อไฟฟ้าในแบตเตอรี่รถปลั๊กอินไฮบริดหมดลง เครื่องยนต์สันดาปจะทำงานหนักกว่าปกติเพื่อขับเคลื่อนตัวรถและชาร์จแบตเตอรี่ไปพร้อมกัน ทำให้มีการปล่อยมลพิษสูงอย่างมาก
เรียกร้องให้หยุดการอุดหนุนด้านภาษี
หลังจากได้ผลลัพธ์จากการทดสอบอัตรามลพิษ กลุ่ม T&E และพันธมิตรได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลในกลุ่มสหภาพยุโรป (EU) หยุดการใช้ภาษีของประชาชนหลายพันล้านยูโรไปให้การอุดหนุนแก่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่จำหน่ายรถปลั๊กอินไฮบริด
ที่ผ่านมา รถปลั๊กอินไฮบริดถูกมองว่าเป็น “เทคโนโลยีแห่งการเชื่อมต่อ” ระหว่างรถเครื่องยนต์สันดาปและรถพลังงานไฟฟ้า เนื่องจากผู้ขับขี่สามารถใช้งานในโหมดไฟฟ้าล้วน ๆ ได้แบบไม่ต้องกังวลด้านระยะทางขับขี่หรือไฟฟ้าในแบตเตอรี่จะหมด เพราะยังมีเครื่องยนต์สันดาปภายในช่วยขับเคลื่อนตัวรถ
ปัจจุบัน ยอดขายรถปลั๊กอินไฮบริดมีสัดส่วนสูงเกือบครึ่งหนึ่งของยอดขายรถยนต์ทั้งหมดในสหภาพยุโรป เนื่องจากผู้ซื้อส่วนใหญ่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ทำให้รถมีราคาจำหน่ายถูกลง
ปล่อยมลพิษเยอะแถมยังกินน้ำมันมากกว่าด้วย?
เมื่อต้นปี เว็บไซต์ Daily Mail ของอังกฤษรายงานว่ารถปลั๊กอินไฮบริดมีการปล่อยมลพิษคาร์บอนไดออกไซด์สูงกว่าค่าที่บริษัทรถยนต์ระบุไว้ถึง 3 เท่าตัว ไม่เพียงเท่านั้น รถปลั๊กอินไฮบริดบางรุ่นยังปล่อยมลพิษมากกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปภายในทั่วไปด้วยซ้ำ
ขณะเดียวกัน Daily Mail ยังรายงานโดยอ้างผลการศึกษาของ The Miles Consultancy ซึ่งเป็นบริษัทบริหารจัดการพลังงานที่ได้ทำการทดสอบอัตราบริโภคน้ำมันของรถปลั๊กอินไฮบริดค่าย BMW, Mercedes-Benz, Mitsubishi และ Volkswagen พบว่ามีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันสูงกว่าค่าที่โฆษณาไว้ 3 เท่าตัวเช่นกัน
The Miles Consultancy ยกตัวอย่างรถปลั๊กอินไฮบริดของ BMW ผลการทดสอบระบุมีการกินน้ำมันสูงถึง 14.9 กม.ต่อลิตร แตกต่างจากค่าเฉลี่ยที่ค่ายรถยักษ์เยอรมันเคลมไว้อย่างสวยหรูที่ 47.6 กม.ต่อลิตร
Daily Mail ได้สอบถามเพื่อขอความคิดเห็นไปยัง Volvo ก่อนจะได้รับคำตอบจากค่ายรถสัญชาติสวีเดนเพียงว่า “รถยนต์ Volvo ทุกคันได้รับรองมาตรฐานและผ่านการตรวจสอบตามกฎระเบียบด้านมลพิษ”
ขณะที่ Mitsubishi ระบุว่าการทดสอบของหน่วยงานอิสระนั้นอาจทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ไว้วางใจไม่ได้และแปรปรวนอันขึ้นอยู่กับสภาพการทดสอบที่ไม่ได้มาตรฐาน “เราไม่ยอมรับผลการทดสอบใด ๆ ที่เราไม่ได้มีส่วนร่วมในการสังเกตการณ์”
ทั้งนี้ ตลาดรถยนต์เมืองไทยมีรถปลั๊กอินไฮบริดหลายรุ่นออกจำหน่าย ตั้งแต่ MG HS PHEV ที่มีราคาย่อมเยาที่สุดในตลาด ส่วน Mitsubishi Outlander PHEV เปิดตัวพร้อมตำแหน่งรถปลั๊กอินไฮบริดที่ขายดีที่สุดในโลก รวมถึง Volvo ตระกูล Recharge ที่เพิ่งเปิดตัวยกล็อตภายในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2020