Suzuki (ซูซูกิ) ลั่นปีนี้ขอขาย 2.5 หมื่นคัน เติบโต 5% จากปีก่อน พร้อมอัดแคมเปญส่วนลด-ดอกเบี้ยพิเศษลุยมหกรรมยานยนต์ เปิดตัวชุดแต่งพิเศษ Suzuki XL7 (ซูซูกิ เอ็กซ์แอล7) มั่นใจฟันยอดขายในงานเพิ่ม ชี้ภาพรวมตลาดปีนี้ฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดทำตลาดหดตัวลดลงเหลือ 25% และกลับมาฟื้นตัว 5% ในปีหน้าแน่นอน ตามสถานการณ์เศรษฐกิจ
วัลลภ ตรีฤกษ์งาม กรรมการบริหารด้านการขายและการตลาด บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าในงานมหกรรมยานยนต์ที่จะถึงนี้ บริษัทเตรียมที่จะเปิดตัวชุดแต่งใหม่ให้กับรถรุ่นยอดนิยมอย่าง Suzuki XL7 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ประสบความสำเร็จอย่างมากกับ Suzuki Swift GL Max Edition (ซูซูกิ สวิทฟ์ จีแอล แม็กซ์ เอดิชั่น)
นอกจากนี้ ก็ยังมีการจัดแคมเปญพิเศษทั้งด้านการเพิ่มส่วนลด ของแถม และดอกเบี้ยอัตราพิเศษให้กับรถทุกรุ่นที่จะนำเข้าในงาน โดยจะเป็นการกระตุ้นการขายในช่วงปลายปี โดยตั้งเป้าหมายว่าในงานปีนี้ จะต้องมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นเป็น 2,500 คัน จากที่เคยทำได้ 2,308 คันในปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเติบโตที่สวนทางกับการคาดการณ์ของตลาด
ชุดแต่ง XL7 และแคมเปญสุดเร้าใจ
สาเหตุที่ซูซูกิเลือกเปิดตัวชุดแต่งใหม่ให้กับรถครอสโอเวอร์อย่างซูซูกิ เอ็กซ์แอล7 เป็นผลมาจากความต้องการในรถยนต์ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยังเป็นที่นิยมอยู่ โดยรถรุ่นนี้กวาดยอดจองไปกว่า 3,154 คัน และมีแบ็คออเดอร์ถึง 1,150 คัน เมื่อนับถึงสิ้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จากเป้าหมายการจำหน่ายที่วางเอาไว้ 300 คันต่อเดือน
นอกจากจะเปิดตัวชุดแต่งแอร์โรว์พาร์ทใหม่ที่ดูดุดันแข็งแกร่งแล้ว ภายในงานยังจะมีแคมเปญพิเศษสำหรับรถรุ่นนี้ ด้วยส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่า 1 หมื่นบาทหรือเลือกรับดอกเบี้ย 1.69% แฝดน้องอย่าง Suzuki Ertiga (ซูซูกิ เออร์ทิก้า) จะได้รับส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่า 2 หมื่นบาท หรือเลือกรับดอกเบี้ยอัตราพิเศษไปเลยที่ 1.09%
Suzuki Carry (ซูซูกิ แคร์รี่) รับส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่า 1 หมื่นบาท Suzuki Celerio (ซูซูกิ เซเลริโอ) จะได้รับส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่า 2 หมื่นบาท Suzuki Swift (ซูซูกิ สวิฟท์) รับส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่ง 3 หมื่นบาท หรือเลือกรับดอกเบี้ยพิเศษที่ 1.09% และ Suzuki Ciaz รับส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่ง 5 หมื่นบาท หรือดอกเบี้ยพิเศษ 0%
ชี้ตลาดปีนี้หดตัวน้อยกว่าคาด ปีหน้ากลับมาเติบโต
วัลลภระบุถึงภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยปีนี้ ว่าเมื่อถึงสิ้นปีจะมีการหดตัวน้อยกว่าที่ประเมินกันเอาไว้ โดยถึงตอนนี้ เชื่อว่าตลาดจะอยู่ที่ 7.6 แสนคัน หดตัวลงไป 25% ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ที่ดีมาก หากนับว่าเคยมีการประเมินตลาดว่าอาจจะหดตัวถึง 40-50% ในช่วงแรกของการเกิดโควิดและเกิดการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ
"ในตอนนั้นเราเคยคาดการณ์ตลาดว่าจะหดตัวรุนแรงมาก มีผลกระทบเกิดขึ้นแน่นอนจากปัญหาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการล็อกดาวน์ ภาพรวมเศรษฐกิจ จีดีพีหดตัว ซึ่งต้องถือเป็นความโชคดีที่รัฐบาลสามารถควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ได้เป็นอย่างดี ทำให้ภาคธุรกิจกลับมาเดินหน้าได้อีกครั้ง ประกอบกับพฤติกรรมผู้บริโภคก็เปลี่ยนไปเช่นกัน"
ทั้งนี้ จากการที่มีการประกาศมาตรฐานชีวิตแบบธรรมดาใหม่ ส่งผลให้เกิดกระแสการเว้นระยะห่างทางสังคม แน่นอนว่าผู้คนก็พยายามที่จะหลีกเลี่ยงการใช้งานรถสาธารณะ และมองหารถที่เป็นเจ้าของได้อย่างง่ายดาย ทำให้รถที่มีราคาถูกและมีแคมเปญที่จับต้องได้ง่าย ได้รับความนิยมเพิ่มเติม และเป็นผลให้ซูซูกิ เซเลริโอขายดีเช่นกัน
ซูซูกิ เซเลริโอ คือรถยนต์กลุ่มเอ-เซกเมนต์ของบริษัทที่เคยมียอดขายระดับ 100 คันต่อเดือนในปีที่ผ่านมา แต่ในปีนี้หลังเกิดโควิด-19 รถเล็กที่มีราคาเริ่มต้น 3.18 แสนบาทคันนี้ มียอดขายเดือนละ 400-500 คัน เติบโตถึง 293% ใน 10 เดือนแรก และกลับมามีแบ็คออเดอร์ 585 คัน โดยกลุ่มลูกค้าในกรุงเทพมหานครก็เพิ่มขึ้นจาก 25-30% เป็น 50% ของรุ่น
"เรามองไปที่การวางเซกเมนต์ของสินค้าให้มีความเหมาะสม รวมถึงการทำแคมเปญที่แตกต่างหลากหลายเฉพาะกลุ่ม ทำให้ 10 เดือนที่ผ่านมา เรามียอดขายที่ลดลงไปประมาณ 4% เทียบกับตลาดที่หดตัวอยู่ 27% และเราเชื่อว่าจะทำยอดขายได้อีก 5,380 คันในอีก 2 เดือนที่เหลือ เพื่อให้มียอดขายรวมปีนี้ 2.5 หมื่นคัน หรือเติบโต 5% จากปีที่ผ่านมา"
สำหรับภาพรวมตลาดรถยนต์ในปี 2564 นั้น ซูซูกิประเมินว่าจะเป็นปีที่ตลาดเริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง เป็นผลมาจากการที่ภาคธุรกิจเดินหน้าได้อย่างเต็มที่ สถานการณ์โควิดน่าจะคลี่คลายลง อย่างไรก็ตาม ธุรกิจรถยนต์จะไม่ได้รับผลดีในทันที อาจจะต้องใช้เวลาสักเล็กน้อย เนื่องจากกว่า 80% ของการซื้อขายรถยนต์ยังต้องอาศัยสินเชื่ออยู่
"เรามองภาพของตลาดน่าจะมีการเติบโตเล็กน้อยที่ 5% หรือมียอดจำหน่ายรวมกลับมาที่ระดับ 8 แสนคันอีกครั้ง ซึ่งการแข่งขันก็คงเหมือนเดิม แต่ซูซูกิจะเน้นย้ำความแข็งแกร่งของเราให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ในเรื่องของการเป็นรถประหยัดน้ำมัน และช่วยลูกค้าประหยัดเงินในการใช้งานระยะยาว ซึ่งเราเชื่อว่าลูกค้าก็ให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน"