• ยืนยันเตรียมผลิตออร่าในประเทศไทย
• โรงงานระยองคือฐานการบุกอาเซียน
• ตั้งเป้าปีนี้โต 7 เท่าตัวในตลาดแห่งนี้

GWM หรือ Great Wall Motor (เกรท วอลล์ มอเตอร์) ฉลองครบรอบ 1 ปีในประเทศไทยอย่างยิ่งใหญ่ ได้ทั้งเงินและกล่อง เมื่อสามารถกวาดยอดจองไปได้เกินคาดหมาย และขึ้นแท่นผู้นำรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย ในการเข้าสู่ประเทศไทยปีแรก

เอลเลียต จาง ประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทย เปิดเผยว่า ประเทศไทยจะเป็นฐานการผลิตหลักในการการเดินหน้าบุกเจาะตลาดอาเซียนของบริษัทในอนาคต ซึ่งในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะขยายตลาดเพิ่มเติมอีก 4 ประเทศ

"ด้วยงบประมาณการลงทุนที่เราใช้ที่โรงงานไปแล้วกว่า 2.2 หมื่นล้านบาท ในเรื่องของการติดตั้งเครื่องจักรเพื่อการผลิต เราจะเดินหน้าลงทุนในโรงงานที่ระยองของเราต่อไป เพื่อให้สามารถผลิตสินค้าทั้งสำหรับประเทศไทยและอาเซียนให้ได้เต็มที่ที่สุด"

รวมถึงการเตรียมเปิดสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าก็เช่นกัน!!!

อ่านเพิ่มเติม: GWM ลุยเปิดตัวรถ 5 รุ่น เพิ่ม 50 ดีลเลอร์ พร้อม 55 สถานีชาร์จ มัดใจลูกค้าปี 2565

เปิดสายการผลิต ORA ในประเทศไทยในอีก 2 ปี

เขาระบุว่าประเทศไทยจะก้าวขึ้นไปสู่การเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของกลุ่มยี่ห้อ ORA (ออร่า) อย่างแน่นอนในอนาคต โดยจะมีการลงทุนเพิ่มเติมทั้งในส่วนของโรงงานผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ ซึ่งจะเริ่มผลิตได้จริงในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2566 เพื่อป้อนแบตเตอรี่ให้กับการผลิตรถยนต์ที่จะเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2567 แต่ยังไม่ได้ระบุว่าจะเป็นรถรุ่นใดที่จะมาผลิตในโรงงานแห่งนี้

ชี้คนไทยเริ่มเปิดใจรับอีวี - อยากเห็นนโยบายสนับสนุน

สาเหตุที่ทางเกรทวอลล์ฯ ให้ความสนใจในการเปิดสายการผลิตในครั้งนี้ เนื่องจากมองว่าตลาดมีความเป็นไปได้ และคนไทยก็เริ่มเปิดใจให้กับตลาดนี้ โดยเห็นได้จากยอดจอง ORA Good Cat (ออร่า กู๊ดแคท) ที่มียอดจองตอนแรกเข้ามากว่า 1 หมื่นคัน และสามารถแปลงกลับมาเป็นยอดจองได้มากกว่า 2,000 คัน แสดงว่าคนเริ่มเปิดใจให้กับเทคโนโลยีแล้ว หากมีนโยบายสนับสนุน เพิ่มเติม ก็เชื่อว่าตลาดจะเติบโตไปมากกว่านี้

ผู้บริโภคสนใจราคา-ความสะดวกในการเลือกใช้งาน

"จริง ๆ แล้วการเลือกใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า 100% นั้นมีเรื่องที่ต้องพิจารณาแค่ 2 ด้าน หนึ่ง ราคาจำหน่ายเมื่อเทียบกับรถเครื่องยนต์สันดาปภายใน และสอง ความสะดวกสบายในการใช้งาน เพราะฉะนั้นก็ต้องมองเรื่องการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสม ควบคู่ไปกับการสร้างนโยบายส่งเสริมการใช้งานของผู้บริโภค ซึ่งเรามองว่าหากรัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าก็จะเป็นเรื่องที่ดี" จางกล่าว

ยอดขายปีที่ผ่านมา 3,702 คัน ตั้งเป้าปีนี้โตหลายเท่า

ในปีที่ผ่านมา GWM Thailand มีตัวเลขการจดทะเบียนรถยนต์ในประเทศไทย 3,702 คัน แบ่งออกเป็นรถยนต์ไฟฟ้ากู๊ดแคท 462 คัน และรถยนต์ไฮบริด Haval H6 (ฮาวาล เอช6) 2,641 คัน รวมถึง Haval Jolion (ฮาวาล โจไลอ้อน) จำนวน 599 คัน และจากแผนการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่อีก 5 รุ่นในปีนี้ ทางเกรทวอลล์ตั้งเป้าหมายว่าพวกเขาจะสามารถทำยอดจำหน่ายได้มากกว่า 2 หมื่นคันในประเทศไทยอย่างแน่นอน

มั่นใจการดูแลลูกค้า ชี้โจไลอ้อนปัญหาลดลง

ในส่วนของการให้บริการลูกค้า นอกเหนือจากการขยายเครือข่ายสถานีบริการและการตั้งศูนย์อะไหล่ ยอมรับว่ามีปัญหาเกี่ยวกับตัวสินค้าหลายครั้ง แต่ก็ได้มีการจัดทีมงานเข้าไปดูแลและสื่อสารกับลูกค้าตลอด ซึ่งต้องขอขอบคุณลูกค้าที่ให้โอกาส แต่ทางบริษัทก็มีการพัฒนาเช่นกัน เช่น จะพบว่าโจไลอ้อนนั้นมีแทบจะไม่มีปัญหาเรื่องเทคนิค ซึ่งเป็นผลมาจากที่มีการผลิตและทุกอย่างในประเทศไทย ทำให้แก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว

มั่นใจไทยต้นแบบอาเซียน พร้อมเดินหน้าบุกเต็มที่

จางกล่าวว่าด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน ต้องยอมรับว่าประเทศไทยเป็นที่หนึ่งในอาเซียนในด้านโครงสร้างของอุตสาหกรรมยานยนต์ ทำให้เกรทวอลล์ตัดสินใจเปิดโรงงานใรประเทศไทย เพื่อเป็นฐานในการบุกตลาด จากที่มีอยู่ 4 ประเทศ ในปีนี้จะเพิ่มเป็น 8 แห่ง ซึ่งจะทำให้มีการส่งออกสินค้าจากประเทศไทยเพิ่มเติม รวมถึงการศึกษาตลาดอินโดนีเซีย ที่เป็นหนึ่งในตลาดที่มีศักยภาพ ก็อยู่ในแผนงานที่จะเดินหน้าต่อไปในอนาคตเช่นกัน

AutoFun วิเคราะห์แผน GWM ถือว่ายังน่าสนใจ

AutoFun Thailand เคยยกให้การเข้ามาของ Great Wall Motor คือหนึ่งในการสร้างความแปลกใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปี 2564 และอาจจะเป็นการกรุยทางให้กับยานยนต์จากแดนมังกรเข้ามากันมากขึ้น การตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจะเกิดขึ้นในช่วงเดียวกับการหมดเวลาของสิทธิพิเศษการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนพอดี ขณะที่รถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ที่เข้ามาในปีนี้ ก็จะหลากหลายและครบทุกเซกเมนต์กันเสียที

แม้ตอนเริ่มจะขลุกขลักไปบ้าง อยากเห็นตอน GWM ลุยเต็มสปีดจะเป็นยังไง...