ด้วยราคาที่ห่างกันหลายหมื่นเช่นนี้ รถแฮทช์แบ็กทั้งสองรุ่นมีความได้เปรียบ-เสียเปรียบกันมากน้อยเพียงใด เราไปชมสเปกกันเลย
มิติตัวถัง
|
Honda Jazz RS+ |
Mazda 2 1.5 XDL |
ความยาว |
4,035 มม. |
4,065 มม. |
ความกว้าง |
1,695 มม. |
1,695 มม. |
ความสูง |
1,525 มม. |
1,495 มม. |
ระยะฐานล้อ |
2,530 มม. |
2,570 มม. |
ระยะต่ำสุดจากพื้น |
135 มม. |
143 มม. |
น้ำหนักรถ |
1,086 กก. |
1,160 กก. |
ถึงแม้เมื่อดูด้วยตาเปล่าจากภายนอก Honda Jazz ดูเหมือนจะมีขนาดใหญ่กว่า แต่ดูจากสเปกชีทจะพบว่าJazz มีตัวถังสั้นกว่าเล็กน้อย ขณะที่ความกว้างเท่ากัน และ Mazda 2 มีตัวถังเตี้ยกว่า อันนำมาซึ่งภาพลักษณ์ของตัวรถที่มีความสปอร์ตปราดเปรียวมากกว่า Jazz
อย่างไรก็ตาม Jazz สร้างชื่อเสียงมาเนิ่นนานหลายปีนับตั้งแต่เจนเนอเรชั่นแรกมาจนถึงเจนเนอเรชั่นปัจจุบันในเรื่องพื้นที่ใช้สอยในห้องโดยสารที่กว้างขวางที่สุดในคลาสนี้ ระบบพับเบาะอัลตราซีทแบบแบนราบช่วยเพิ่มเนื้อที่จัดเก็บสัมภาระได้อย่างยอดเยี่ยมและยังไม่มีรถรุ่นอื่นใดเทียบเท่าได้
ระบบขับเคลื่อน
|
Honda Jazz RS+ |
Mazda 2 1.5 XDL |
เครื่องยนต์ |
4 สูบ SOHC 16 วาล์ว i-VTEC |
ดีเซล 4 สูบ Skyactiv-D |
ความจุ |
1,497 ซีซี 1.5 ลิตร |
1,499 ซีซี 1.0 ลิตร |
พละกำลัง |
117 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที |
105 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที |
แรงบิด |
146 นิวตันเมตรที่ 4,700 รอบต่อนาที |
250 นิวตันเมตรที่ 1,500 – 2,500 รอบต่อนาที |
ระบบส่งกำลัง |
เกียร์อัตโนมัติ CVT |
เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด |
รองรับน้ำมันเชื้อเพลิง |
E85 |
ดีเซล |
อัตราบริโภคน้ำมัน |
15 กม.ต่อลิตร |
26.3 กม.ต่อลิตรก |
Honda Jazz ยังคงครองแชมป์การเป็นรถแฮทช์แบ็กบีเซกเมนท์ที่มีพละกำลังมากที่สุดในระดับเดียวกัน อย่างไรก็ตาม แรงบิดของขุมพลังดีเซลเทอร์โบใน Mazda 2 ก็รั้งผู้นำเซกเมนท์นี้ เรียกว่าแลกกันคนละหมัดเลยทีเดียว
สมรรถนะการขับขี่ของ Jazz ที่ใช้เครื่องยนต์ไร้ระบบอัดอากาศอาจจะสู้เพื่อนร่วมค่ายอย่าง City 1.0 Turbo รุ่นใหม่ไม่ได้ แต่ก็รองรับการใช้งานตามปกติได้อย่างไม่ติดขัดใด ๆ การขับขี่ตามความเร็วที่กฎหมายกำหนดทั้งในเมืองและนอกเมืองทำได้แบบสบาย ๆ
แต่ถ้าต้องการสมรรถนะที่เร้าใจมากขึ้น ขุมพลังดีเซลเทอร์โบของ Mazda 2 ตอบสนองความต้องการได้ตรงเป้ากว่าอย่างแน่นอน คุณสมบัติเด่นอีกอย่างของเครื่องยนต์ดีเซลคืออัตราบริโภคน้ำมันที่ประหยัดสุด ๆ ถึง 26.3 กม.ต่อลิตร เหยียบเค้นเต็มเหนี่ยวได้อย่างไม่ต้องกลัวกระเป๋าฉีก
รูปลักษณ์และอุปกรณ์อำนวยความสะดวก
ถึงจะโลดแล่นในตลาดโลกมานานเกือบ 6 ปี แต่รูปร่างหน้าตาของ Jazz โฉมนี้ยังโดดเด่น มีความลงตัวทั้งความสปอร์ต โฉบเฉี่ยว และน่ารักสำหรับลูกค้าผู้หญิงก็ดีผู้ชายก็ได้ ไฟหน้า LED มีเดย์ไลท์ในตัว ไฟท้าย LED พร้อมไฟตัดหมอกคู่หน้า กระจังหน้าสีดำเงาพร้อมคิ้วโครเมียมและสัญลักษณ์ RS มีสเกิร์ตข้างและสปอยเลอร์หลัง คิ้วฝากระโปงท้ายประดับโครเมียม กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวในตัว ปรับและพับไฟฟ้า เสาอากาศแบบสั้น และใช้ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วในรุ่นท็อป หุ้มด้วยยาง 185/55 R16
ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยสีดำเป็นหลัก วัสดุหุ้มเบาะรุ่นท็อปเป็นแบบสปอร์ตตกแต่งด้วยด้ายสีส้ม วัสดุตกแต่งคอนโซลหน้าแบบเปียโนแบล็ก เบาะด้านหลังแบบอัลตราซีท พับแยก 60:40 และพับให้แบนราบได้ พื้นที่ใช้สอยในห้องโดยสารของ Jazz คือจุดเด่นที่ยังไม่มีใครเทียบเท่า จำนวนที่วางแก้วมีให้ 7 ช่องในรุ่นท็อปและ 9 ช่องในรุ่นรองลงมา
Mazda 2 ปี 2020 มาพร้อมไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED และกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ เพิ่มระบบปรับระดับไฟหน้า สูง-ต่ำ อัตโนมัติ ไฟเดย์ไลท์และไฟท้าย LED เปลี่ยนกันชนหน้า ไฟท้าย และกันชนท้ายใหม่ กระจกบังลมหน้ากันเสียงรบกวน พร้อมกับมีสีตัวถังเพิ่มเติมเข้ามาคือ สีเทา Polymetal Grey และสีขาวเมทัลลิก Ceremic Metallic ส่วนเสาอากาศเป็นแบบครีบฉลาม และล้ออัลลอย 16 นิ้วปรับดีไซน์ใหม่เช่นกัน พร้อมยาง 185/60 R16
ภายในห้องโดยสาร เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง สีเทาสลับหนังกลับ Grand Luxe Suede ระบบเครื่องเสียงรองรับแอปเปิล คาร์เพลย์ และแอนดรอยด์ ออโต้ ติดตั้งกล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา และเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า 4 ตำแหน่ง
ฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกของ Honda Jazz RS+ มีดังนี้
- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมแผงควบคุมแบบสัมผัส
- ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ
- ระบบควบคุมประตูอัจฉริยะ
- เบาะนั่งด้านหลังแบบอัลตรา ซีท แยกพับ 60:40
- พนักพิงเบาะนั่งด้านหลังปรับเอนได้
- ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ 7 สปีด
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
- มาตรวัดเรืองแสง สีฟ้า พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID
- ไฟแสดงผลการขับขี่แบบประหยัด ECO Coaching
- ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch
- รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน รองรับแอปเปิลคาร์เพลย์ / WebLink
- รองรับระบบสั่งการด้วยเสียง
- ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย Bluetooth
- สวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย พร้อมปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์
- ช่องเชื่อมต่อ USB 2
- จำนวนลำโพง 6 ตำแหน่ง
ฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกของ Mazda 2 1.5 XDL มีดังนี้
- หน้าจอแสดงผลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า Head-up Display แบบสี
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
- มาตรวัดเรืองแสง Optitron
- หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID
- ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ
- ระบบกุญแจ Smart Keyless Entry
- ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start Button
- หน้าจอกลาง Center Display แบบสี ขนาด 7 นิ้ว
- เครื่องเสียง วิทยุ AM/FM CD MP3
- ปุ่มควบคุมกลาง Center Commander
- ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth
- ระบบสั่งงานด้วยเสียง
- ลำโพง 6 ตำแหน่ง
- สวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย
- ช่องเชื่อมต่อ AUX
- ช่องเชื่อมต่อ USB
- ช่องใส่ SD CARD รองรับระบบนำทางเนวิเกชั่น Navigation System
- รองรับแอปเปิลคาร์เพลย์ และแอนดรอยด์ ออโต้
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกเรียกได้ว่าสูสีกันอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นระบบกุญแจคีย์เลส ขนาดหน้าจออินโฟเทนเมนท์ จำนวนลำโพง การเชื่อมต่อต่าง ๆ แต่สิ่งที่ Mazda 2 ได้เปรียบก็คือการมีระบบนำทางเนวิเกชั่นมาให้ด้วย และรองรับการเชื่อมต่อแอนดรอยด์ออโต้
ห้องโดยสารของ Mazda 2 ยังมีความพรีเมียมมากกว่าโดยเฉพาะวัสดุที่ใช้ตกแต่ง แต่อย่างที่เรียนไว้ตอนต้น Jazz เหนือกว่าในด้านพื้นที่ใช้สอย เบาะหลังนั่งสบายกว่า Mazda 2 มากซึ่งจะเห็นได้ชัดเมื่อต้องเดินทางไกลหรือใช้เวลาอยู่ในรถนาน ๆ
ระบบความปลอดภัย
ระบบความปลอดภัยของ Honda Jazz RS+ มีดังนี้
- ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง ประกอบด้วยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมด้านข้าง
- ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) และกระจายแรงเบรก (EBD)
- ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA)
- ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA)
- สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS)
- กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ
- เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติ
- เข็มขัดนิรภัยด้านหน้าแบบ 3 จุด 2 ตำแหน่ง
- เข็มขัดนิรภัยด้านหลังแบบ 3 จุด 3 ตำแหน่ง
- ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer พร้อมสัญญาณกันขโมย
- จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก
ระบบความปลอดภัยของ Mazda 2 1.5 XDL มีดังนี้
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง
- ระบบป้องกันล้อล็อก พร้อมระบบกระจายแรงเบรก ABS, EBD และ BA
- ระบบป้องกันล้อฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS
- ระบบควบคุมช่วยการทรงตัว DSC
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HLA
- กล้องมองหลัง
- ระบบแสดงภาพรอบคันแบบ 360 องศา
- ระบบเตือนจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM
- ระบบเตือนเมื่อจุดอับสายตาขณะถอย RCTA
- ระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้ง G-Vectoring PLUS
- ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ
- ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer พร้อมระบบสัญญาณกันขโมย
- เซนเซอร์กะระยะช่วยจอดด้านหน้าและด้านหลัง 8 ตำแหน่ง
- จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX
- ระบบกุญแจ Immobilizer
- ระบบสัญญาณกันขโมย
Mazda 2 และ Jazz ยืนอยู่แถวหน้าในเซกเมนท์นี้ในด้านความปลอดภัย โดย Jazz มีถุงลมนิรภัยติดตั้งมาให้ถึง 6 ตำแหน่ง ขณะที่ Mazda 2 มีแค่ 2 ตำแหน่งเท่านั้น แต่แลกมาด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่เหนือกว่า Jazz ไม่ว่าจะเป็นระบบแสดงภาพรอบคันแบบ 360 องศา ระบบเตือนจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน และระบบเตือนเมื่อจุดอับสายตาขณะถอย RCTA
ราคาจำหน่าย
Honda Jazz รุ่น RS+ ราคา 754,000 บาท
Honda Jazz รุ่น RS ราคา 739,000 บาท
Mazda 2 รุ่น 1.5 Turbo XDL AT ราคา 799,000 บาท
Mazda 2 รุ่น 1.5 Turbo XD AT ราคา 782,000 บาท
สรุป
ราคาจำหน่ายที่ห่างกันหลายหมื่นบาทอาจไม่ใช่ปัจจัยสำคัญเท่ากับฐานลูกค้าของทั้งสองแบรนด์ Honda ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการเลือกค่ายยักษ์ใหญ่เจ้าตลาด ไว้วางใจได้ในเรื่องการบริการและราคาขายต่อที่ไม่ทำให้ใจหายเมื่อต้องบอกลากัน
แต่สำหรับ Mazda แน่นอนว่าย่อมถูกใจคนที่ต้องการทางเลือกใหม่ มีสมรรถนะการขับขี่ที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่ง และมีห้องโดยสารที่ให้บรรยากาศพรีเมียมกว่าคู่แข่ง คนที่เลือก Mazda 2 รุ่นดีเซลเทอร์โบคือคนที่ถูกใจในแบรนด์ Mazda และชื่นชอบสมรรถนะการขับขี่จนมองข้ามค่าตัวที่สูงกว่าใครเพื่อนไปได้