ไม่นานมานี้ ได้มีการปรับปรุงโฉมใหม่ของ Toyota Corolla Altis GR Sport ที่แต่เดิมจะมีมาให้ในรุ่นเบนซินเท่านั้น ในครั้งนี้กลับมีการเพิ่มมาให้ในรุ่น HEV ด้วย
ซึ่งก็จะมีการเพิ่มราคาเล็กน้อย เนื่องจากมีการเพิ่มออพชั่นมาให้หลากหลาย แต่ว่ามันจะคุ้มค่าหรือไม่?
เพิ่มอีก 50,000 บาท
สำหรับในรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 เดิมมีราคาอยู่ที่ 1,009,000 บาท แต่หลังการปรับโฉม มีการขึ้นราคาไปอีก 50,000 บาท อยู่ที่ 1,059,000 บาท
สำหรับรุ่น HEV GR Sport เดิมก็คือตัวท็อป HV Premium Safety ราคา 1,099,000 บาท มีการเพิ่มราคาอีก 41,000 บาท อยู่ที่ 1,114,000 บาท
ซึ่งถือว่ามีการขึ้นราคาที่ก้าวกระโดดไปมากเลยทีเดียว แต่ก็มาพร้อมออพชั่นใหม่ ๆ เช่นกัน
อยากได้หน้าใหม่หรือเก่า?
การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนคือกระจังหน้าของ Toyota Corolla Altis GR Sport ที่มีสีดำขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยกรอบคล้ายเขี้ยว เสริมด้วยไฟตัดหมอก LED และชิ้นส่วนสีดำใต้โลโก้ Toyota (โตโยต้า)
นอกจากนี้ยังมีเสกิร์ต GR Sport รอบคันมาให้ ล้ออัลลอย 17 นิ้วลายใหม่ ที่ท้ายรถมีสัญลักษณ์ GR Sport ด้วย ซึ่งจะขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานว่าสวยขึ้นหรือไม่ หรือว่าแบบเดิม ๆ ดีอยู่แล้ว แต่ก็ถือว่าดูลงตัวกว่าเดิมเล็กน้อย
ภายในแต่งเพิ่มเล็กน้อย
ภายในมีการตกแต่งเบาะหนังเพิ่มเติม ด้วยการเดินตะเข็บด้ายสีแดง พนักพิงศีรษะและปุ่มกดสตาร์ทตกแต่งด้วยสัญลักษณ์ GR มี Paddle Shift ให้ในรุ่นเบนซินเท่านั้น
อุปกรณ์ยังมีให้ครบครัน อาทิ ช่องเสียบ USB , หน้าจอ HUD, เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า พร้อมปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้า , ระบบ Illuminate entry system, ระบบแจ้งเตือนลมยาง TPMS
กล่าวกันง่าย ๆ ว่าหากคุณไม่คิดมากเรื่องภายในหรือการตกแต่งเพิ่มเติม ก็อาจจะยังไม่จำเป็นต้องซื้อก็ได้
เครื่องเดิม แต่ช่วงล่างแน่นขึ้น
แม้ภายนอกจะจัดเต็มด้วยหน้าตาสปอร์ต แต่ยังใช้เครื่องแบบเดิมอยู่ คือ ไฮบริดเบนซิน ขนาด 1.8 ลิตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าและเกียร์ E-CVT กำลังสูงสุด 122 แรงม้า และเบนซินล้วน 2ZR-FBE ขนาด 1.8 ลิตร และเกียร์อัตโนมัติ SUPER CVT-I 7 สปีด พร้อม Sequential Shift กำลังสูงสุด 140 แรงม้า
แต่ได้รับการปรับจูนช่วงล่างใหม่แบบสปอร์ต ประกอบด้วยชุดคอยล์สปริงและช็อคอัพ พร้อมเหล็กกันโคลงด้านหลังที่พัฒนาใหม่ ให้ความรู้สึกในการขับขี่ที่เกาะถนนกว่าเดิม
ดูไม่ต่าง แต่ซื้อดีไหม?
แม้ว่า โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส จีอาร์สปอร์ต จะดูไม่ต่างจากเดิม มีเพียงชุดแต่งรอบคัน รายละเอียดภายในเล็กน้อย และช่วงล่างใหม่
แต่นอกจากนี้ ยังมีออพชั่นใหม่ ๆ ที่เรามองว่าคุ้มค่ากับเงินที่เพิ่มเข้าไป
- Head Up Display หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบเปลี่ยนสีบนกระจกหน้ารถ
- nanoe ระบบกรองอากาศภายในห้องโดยสารช่วยขจัดกลิ่นอับและยับยั้งเชื้อโรค
- Auto Rain Sensor ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
- Rear Sunshade ม่านบังแดดที่กระจกหลัง
- Tire Pressure Monitoring System ระบบแจ้งเตือนเมื่อลมยางผิดปกติ
ซึ่งก็ถือว่าคุ้มค่า เพราะว่าคุณก็จะได้ออพชั่นของรุ่นท็อปมาด้วย ในราคาที่เพิ่มจากเดิม 41,000-50,000 บาทเท่านั้น พร้อมแคมเปญ
- ดอกเบี้ยเริ่มต้น 1.35% พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 โตโยต้าแคร์
หรือ
ในรุ่นไฮบริด รับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริด 5 ปี