Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส-เบนซ์) เปิดไลน์ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าใหม่นาม EQ ใช้แพลตฟอร์มใหม่ที่สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของตัวรถ และใช้ได้กับทุกรุ่น รวมถึงแบตเตอรี่ที่ต่างกัน และการออกแบบที่เฉพาะของตระกูลนี้ ทำให้เบนซ์สามารถผลิตได้ตั้งแต่รถยนต์ 4 ประตูไปถึง SUV ที่จะเปิดใหม่ 6 รุ่นให้ได้เห็น
โมเดล EQS เป็นรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับลูกค้าที่ต้องการความหรูหรา ใหญ่โต และด้วยระยะวิ่งถึง 700 กิโลเมตร ที่จะถือได้ว่ามากที่สุดในปัจจุบัน โดยจะใช้พื้นฐานของ S-Class เป็นหลัก และจะมีเทคโนโลยี MBUX (Mercedes-Benz User Experience) ระบบควบคุมตัวรถและความบันเทิงมาให้ โดยเราได้เห็นตัวลายพรางออกมาวิ่งกันแล้ว
ทั้งนี้ เบนซ์จะทำการเปิดตัวรถ SUV ไฟฟ้าใหม่อีก 2 คัน ที่มีพื้นฐานการพัฒนามาจาก GLA และ GLB คือรุ่น EQA และ EQB ใช้แพลตฟอร์มของ A-Class และดีไซน์ที่เฉพาะ ซึ่ง EQA จะเริ่มทำการผลิตภายในสิ้นปี EQB และ EQS จะตามมาในปี 2021
ทิศทางของ Benz ในอนาคต
ทาง Mercedes-Benz เอง ยังได้มีการประกาศแผนการดำเนินงานในอนาคต เพื่อการเติบโตและพัฒนาภาพพจน์แบรนด์ในฐานะผู้นำรถด้าน Luxury พร้อมด้วยการแตกไลน์ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและระบบ Software ภายในรถยนต์ โดยมีแผนสำคัญ คือ
แพลทฟอร์มใหม่สำหรับรถ 6 รุ่น
เบนซ์พัฒนาแพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ด้วยตัวเอง ชื่อว่า Electric Vehicle Architecture (EVA) เพื่อรถขนาดใหญ่ กับรถยนต์ไฟฟ้าอีก 6 รุ่น ออกมาตัวแรกคือ 2021 EQS เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่จะวิ่งได้ถึง 700 กิโลเมตรเมื่อทำการชาร์จเต็ม ตามมาด้วย EQS-SUV, EQE, EQE-SUV และยังมีแพลตฟอร์ม Mercedes-Benz Modular Architecture (MMA) สำหรับรถขนาดกลางและขนาดย่อม เช่น EQA และ EQB
ต้นแบบ Vision EQXX วิ่งได้เกิน 1,200 กม.
รถต้นแบบ Vision EQXX พลังไฟฟ้านั้นประหยัดและไปได้ไกลกว่าเดิม เพราะใช้เทคโนโลยีที่พัฒนาจาก Stuttgart เยอรมนี ร่วมมือกับทีม AMG ในอังกฤษที่มีประสบการณ์ด้านการแข่งและการใช้งานมอเตอร์ไฟฟ้า ผลทำให้รถต้นแบบคันนี้วิ่งได้ไกลถึง 1,207 กิโลเมตรกันเลย แต่ยังไม่มีรายละเอียดออกมาให้เห็นมากนัก
ลดต้นทุนการผลิต
เบนซ์ มีแผนที่จะลดต้นทุนลงมา 20% ภายในปี 2025 แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณจะได้รถที่แย่ หรือวัสดุห่วยลง แต่จะเป็นการลดต้นทุนที่คงที่ เช่น ค่าเช่า โรงงาน ที่ดิน บุคลากร หรือค่าลิขสิทธิ์ต่าง ๆ เนื่องจากการผลิตมอเตอร์ไฟฟ้านั้นมีต้นทุนที่น้อยกว่าการผลิตเครื่องยนต์ธรรมดา จึงเป็นไปได้ว่าเบนซ์จะเอากำไรที่ได้จากตรงนี้ไปพัฒนาด้านอื่นแทน นอกจากนั้น จะทำการพัฒนาพร้อมผลิต eMotor กับแบตเตอรี่ด้วยตัวเอง เพื่อที่จะเพิ่มระยะทางการวิ่ง ลดเวลาในการชาร์จ และลดค่าใช้จ่าย
แตกแบรนด์ G-Class ให้เป็นไฟฟ้าด้วย
ความต้องการของ G Class ที่มีมากขึ้น จึงทำให้ต้องทำการแตกแบรนด์ออกมาอีกหนึ่ง ทำให้มีทั้ง AMG, Maybach และ G ซึ่งแบรนด์ย่อยทั้งหมดนี้ จะก้าวไปใช้พลังไฟฟ้าออกมาในปี 2021
นับเป็นเรื่องน่าฮือฮาที่ตระกูล G-Class อันเก่าแก่และอนุรักษ์นิยม หันมาใช้พลังไฟฟ้า จากการที่แบรนด์เหล่านี้ แม่แต้ Benz เองยังแตะต้องไม่ได้ แต่เมื่อเจอกระแสรถยนต์ไฟฟ้า ก็ทำให้สะเทือนได้ไม่น้อย เพราะตอนนี้มีหลายแบรนด์ที่ทำรถไฟฟ้าขึ้นมา ราคาถูก สมรรถนะดี ขาดแต่ก็ความหรู เบนซ์เองก็คงจะเหนื่อยไม่น้อยหากไม่ทำอะไรเลย จึงต้องปรับตัวให้มันทันโลกมากขึ้น
แบงค์ให้ 3 คำ: ”โลก หมุน เร็ว”
การแข่งขันของรถยนต์ไฟฟ้านั้นมีสูงในปัจจุบัน Mercedes-Benz เองก็เร่งเครื่องขึ้นมา ด้วยไลน์การผลิต EQ เพื่อลูกค้าที่ต้องการความไฮเทค ประกอบกับการเติบโตของแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้ามากหน้าหลายตา ทำให้เมอร์เซเดส-เบนซ์เองก็ไม่สามารถอยู่เฉยได้ การที่ยอมเอาแบรนด์ระดับบน ไม่ว่าจะเป็นมายบัค เอเอ็มจี หรือ จี ลงมาลุยยานยนต์ไฟฟ้า ทำให้เห็นว่าพวกเขาเองก็ต้องปรับตัวไม่น้อย แต่เพราะการมีพื้นฐานที่ดี ทำให้พวกเขาทำทุกอย่างได้อย่างรวดเร็วว่องไว
เราจะได้เห็นเทคโนโลยีเหล่านี้ในปีหน้ากันแล้ว คุณล่ะ เตรียมตังค์กันให้พร้อมหรือยัง