James Bond หรือพยัคฆ์ร้าย 007 สายลับหน้าหล่อจากประเทศอังกฤษ นอกจากความเก่งกาจในการต่อสู้ และคารมคมคายของเขาแล้ว เขายังมีพาหนะคู่ใจที่ใช้ในหนังแต่ละเรื่องที่พกความแรงและอุปกรณ์ไฮเทคมาด้วย
โดยเราได้รวบรวมรถ 10 คันที่น่าสนใจของเจมส์ บอนด์มาให้ดูกัน
James Bond หรือพยัคฆ์ร้าย 007 สายลับหน้าหล่อจากประเทศอังกฤษ นอกจากความเก่งกาจในการต่อสู้ และคารมคมคายของเขาแล้ว เขายังมีพาหนะคู่ใจที่ใช้ในหนังแต่ละเรื่องที่พกความแรงและอุปกรณ์ไฮเทคมาด้วย
โดยเราได้รวบรวมรถ 10 คันที่น่าสนใจของเจมส์ บอนด์มาให้ดูกัน
ต้องเริ่มกันด้วยคันที่โดดเด่นที่สุด Aston Martin DB5 เป็นหนึ่งในรถเป็นเอกลักษณ์ หลังจากสายลับ 007 ใช้เป็นพาหนะประจำตัว ในตอนที่สาม James Bond - Goldfinger ปี 1964
ถูกเปิดตัวในงานนิวยอร์กเวิลด์ปี 1964 ซึ่งแน่นอนว่าไม่ทันภาคแรกอย่าง Dr. No ที่ออกฉายในปี 1962 และ From Russia with Love ปี 1963 และมันก็ถูกขนานนามว่าเป็นรถที่มีคนรู้จักมากที่สุดในโลก หลังจากหนังออกฉาย
Aston Martin (แอสตัน มาร์ติน) ได้วางเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 6 กระบอกสูบ 4.0 ลิตร กำลัง 282 แรงม้า แรงบิด 390 นิวตันเมตร ระบบส่งกำลังใช้เกียร์ธรรมดา 5 สปีดของ ZF เร่งจาก 0-100 กิโลเมตรใน 8.0 วินาที ความเร็วสูงสุด 230 กม./ชม.
ปรากฏตัวในตอน: Goldfinger (1964), Thunderball (1965), GoldenEye (1995), Tomorrow Never Dies (1997), The World Is Not Enough (1999), Casino Royale (2006), Skyfall (2012), Spectre (2015), No Time To Die (2020)
เป็นรถยนต์คันเดียวที่ปรากฏบนหนังเจมส์ บอนด์ตอน You Only Live Twice แม้ว่าจะไม่ได้ขับโดยบอนด์ แต่ถูกใช้โดยตัวละครที่ชื่ออากิ ด้วยเหตุที่พระเอกของเรานั่งไปด้วยจากการช่วยเหลือของเธอขณะถูกไล่ล่า ทำให้ Toyota 2000GT เป็นรถญี่ปุ่นคันเดียวที่เข้าฉากสำคัญในเจมส์ บอนด์ นานต่อเนื่องร่วม 3 นาทีครึ่งเลยทีเดียว
จริง ๆ แล้ว 2000GT รุ่นนี้จะออกจำหน่ายไปทั่วโลก แต่ความสูงของ Sean Connery ทำให้ทาง Toyota (โตโยต้า) ต้องหั่นหลังคาออกถึงจะสามารถนำมาเข้าฉากได้
วางเครื่องยนต์ 6 สูบ 2.0 ลิตร 150 แรงม้า แรงบิด 175 นิวตันเมตร จับคู่เกียร์ธรรมดา 5 สปีด น้ำหนักตัว 1,100 กิโลกรัม
ปรากฏตัวในตอน: You Only Live Twice (1967)
เปิดตัวในงานแสดงรถยนต์ปารีสมอเตอร์โชว์ ต.ค. 1975 ผลิตในมิ.ย. 1976 แทนที่ รุ่น Europa ออกมาตอนเดียว แต่เรียกเสียงฮือฮาและยังได้รับการจดจำมากที่เป็นรองก็แค่ DB5 เท่านั้น เพราะในภาค The Spy Who Loved Me ปี 1977 นั้น คือยุคของเทคโนโลยี และเป็นการนำเสนอความไฮเทคในหนังของบอนด์ ดังนั้นเจ้า Esprit S1 หรือ Wet Nellie เป็นรถเจมส์บอนด์คันแรกที่สามารถดำน้ำได้ แถมยังปล่อยมิสไซล์ได้อีกด้วย
มีข่าวออกมาว่า ราคาคันต้นแบบที่เข้าฉากซึ่งถูกนำไปจัดแสดงที่ National Motor Museum ในอังกฤษ ถูกประมูลไปที่ราคา 865,000 ดอลลาร์ (30ล้านบาท) เมื่อปี 2013 และในปัจจุบันอยู่ในการครอบครองของ Elon Musk
ขับเคลื่อนโดยเครื่องยนต์ Lotus 907 เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตรให้กำลัง 162 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ใน 6.8 วินาทีและความเร็วสูงสุด 222 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แซสซีส์เหล็กและห่อหุ้มด้วยตัวถังไฟเบอร์กลาส น้ำหนักเบาเพียงแค่ 1,000 กิโลกรัม
ปรากฏตัวในตอน: The spy who loved me (1977)
รถยนต์คันนี้นับว่าข้ามไปไม่ได้ เพราะใน The Man with the Golden Gun มีฉากที่ต้องถ่ายทำที่ประเทศไทย ทั้งจังหวัดพังงา, กรุงเทพมหานคร, จังหวัดปทุมธานีและจังหวัดภูเก็ต
อีกทั้งยังทำให้เขาตะปูในอ่าวพังงา เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ในชื่อของ “เกาะเจมส์บอนด์” โดยแฮทช์แบคจาก AMC เข้ามามีบทตอนที่บอนด์ขโมยรถจากโชว์รูมเพื่อไปช่วย Mary Goodnight
ยังมีฉากโชว์พลิกรถยนต์ 360 องศาข้ามสะพานที่ฮือฮามาก ๆ อีกด้วย ควงสว่านข้ามสะพานขาดเหนือคลองชลประทาน พร้อมกับแล่นลงอย่างนิ่มนวล
ปรากฏตัวในตอน: The Man with the Golden Gun (1974)
รถยนต์ของเจมส์ บอนด์ในยุคกลางทศวรรษที่ 1990 จนถึงต้น 2000 ถูกครอบครองโดย BMW (บีเอ็มดับเบิ้ลยู) เป็นหลัก แต่คันที่โดดเด่นและเท่ห์ที่สุดคือ BMW Z8 Roadster ที่จังหวะหนังเข้าฉายก็เปิดตัวออกสู่ตลาดโลกพอดี จึงถูกส่งเข้ามาอยู่ในเรื่อง The World Is Not Enough
BMW Z8 Roadster ของ 007 ถูกติดตั้งระบบ Sonic Laser กับจรวดต่อต้านรถถังสำหรับต่อกรกับบรรดาวายร้าย สุดท้าย มันถูกผ่าออกเป็นสองซีกด้วยเลื่อยแบบไม่ค่อยจะมีบทบาทเท่าที่ควร
รถ Z8 Roadster วางเครื่องยนต์แบบV8 4.4 ลิตร 400 แรงม้า เป็นเครื่องยนต์ของรถ M5 E39 เร่งจาก 0-100 กม./ชม.ใน 4.4 วินาทีและมีความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม.
ปรากฎตัวในตอน: The World Is Not Enough (1999)
Aston Martin จัดหารถ Vanquish มาเข้าฉากไล่ล่าในหนังเจมส์บอนด์ถึง 7 คัน ในตอน Die Another Day ปี 2002 ซึ่งมีฉากไล่ล่าสุดระทึกบนหิมะกับ Jaguar XKR โดยติดตั้งช่วงล่างแบบขับเคลื่อนสี่ล้อของ Ford สำหรับเข้าฉากขับไล่ล่าบนผิวน้ำแข็ง
ซึ่งสุดท้าย รถ Vanquish พุ่งเข้าชนโดมน้ำแข็งเพื่อช่วยเหลือนางเอกที่กำลังจมน้ำ และนับเป็นหนังบอนด์ตอนสุดท้ายที่แสดงโดย Pierce Brosnan
ใช้เครื่องยนต์ขนาด 6.0 ลิตร V12 ให้กำลังถึง 500 แรงม้า แรงบิด 542 นิวตันเมตร ร้อมกับอาวุธแรง ๆ อย่างตอร์ปิโด
ปรากฎตัวในตอน: Die anothe day (2002)
ครั้งนี้ Daniel Craig เข้ามารับบทบาทของ 007 ต่อจาก Pierce Brosnan ด้วยพาหนะประจำตัวรุ่นใหม่นั่นก็คือ Aston Martin DBS V12 โดยไม่มีอุปกรณ์ไฮเทคมาคอยช่วยเหลือ ผู้กำกับต้องการให้ตอน Casino Royale ออกมาแบบสมจริงสมจังมากที่สุด ใกล้เคียงกับความเป็นไปได้
แม้ว่าจะเข้าฉากครั้งแรกตอน Casino Royale แต่ที่เด่นสุดคือฉากเปิดสุดมันส์ ในตอนที่พระเอกเราต้องขับ DBS V12 หนีการไล่ล่าของผู้ร้ายในรถ Alfa Romeo 159 นอกจากแรงแล้วยังทั้งถึกและทน แม้จะโดนกระหน่ำยิงด้วยอาวุธสงคราม โดนรถบรรทุกเบียด ถูกทิ่มด้วยกันชนรถบรรทุก หรือจะหมุน 360 องศา แต่สุดท้ายพระเอกเราก็รอดตายมาได้
นอกจากนี้ยังมีเครื่องกระต้นหัวใจใต้คอนโซล ที่ทำให้บอนด์รอดจากการถูกวางยาพิษได้อีกด้วย
วางเครื่องยนต์ขนาด 6.0 ลิตร V12 ให้กำลัง 510 แรงม้า และแรงบิด 570 นิวตันเมตร เร่งจาก 0-100 ได้ใน 4.3 วินาที
ปรากฎตัวในตอน: Casino Royale (2006) และ Quantum of Solace (2008)
ใครจะไปคิดว่า James Bond จะขับรถยนต์ธรรมดา ๆ อย่าง Ford (ฟอร์ด) นี่คือการแสดงให้เห็นว่า Product Placement มีผลทำให้พระเอกของเราสามารถติดดินได้ ไม่จำเป็นจะต้องขับรถหรู แต่สามารถขับรถบ้าน ๆ อย่างรถยนต์ครอบครัวอย่าง Ford Mondeo ได้
โดย Mondeo เป็นโมเดลสำคัญของ Ford ในการรุกตลาดรถยนต์ D-Segment ทั่วโลก และเมื่อ Ford สนับสนุนภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็เลยถูกนำมาเป็นส่วนหนึ่งของการผ่านหน้าจอ ซึ่งแม้ว่าจะเป็นฉากสั้น ๆ ไม่ถึงนาทีเมื่อบอนด์มาถึง Bahamas แต่ก็เป็นความแปลกแยกของภาพยนตร์ จนบางครั้งดูเหมือนกับกำลังนั่งดูโฆษณา
ปรากฎตัวในตอน: Casino Royale (2006)
DB10 ของ Aston Martin คือหนึ่งในรถที่ถูกทำมาเพื่อตอน Spectre โดยเฉพาะ ทางค่ายทำงานร่วมกับแซม เมนเดส ผู้กำกับและทีมงานในการสร้างรถสปอร์ตคันนี้ขึ้นมาเพื่อใช้เข้าฉาก ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่แค่ม็อกอัป แต่ยังวางเครื่องยนต์ V8 4,700 ซีซี และวิ่งได้จริง
โดยมีเพียงแค่ 8 คันเท่านั้น และตัวแสดงอีก 2 คัน หนึ่งในนั้นเพิ่งถูกประมูลขายไปเมื่อปี 2016 ซึ่งจบที่ราคา 2.4 ล้านปอนด์ ถือว่าสูงมาก เพราะแอสตัน มาร์ติน ไม่ได้บรรจุ DB10 เข้าไปอยู่ในรถยนต์ที่ขาย และข้ามรุ่นนี้ไปเลย โดยรุ่นใหม่ที่เปิดตัวต่อจาก DB9 คือ DB11
ตัวรถสร้างจากคาร์บอนไฟเบอร์เรื่องความเบาเลยไม่ต้องพูดถึง ส่วนเรื่องความแรงแซงทุกโค้งด้วยแรงม้า 430 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใช้เวลาเพียง 4.0 วินาที
ปรากฎตัวในตอน: Spectre (2015)
ล่าสุด No Time To Die เป็นหนังสายลับ 007 ตอนสุดท้ายนักแสดงเจ้าบทบาทอย่าง Daniel Craig ถือเป็นการส่งท้ายและอำลาบทบาทบอนด์ที่ดูสมจริงมากที่สุด โดยจะฉายในโรงหนังวันที่ 7 ตุลาคมนี้กันแล้ว
ขายรถเก่า-ซื้อคันใหม่ ไม่ยุ่งยาก ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง
Aston Martin Db11 5.2L
แลก
เพิ่มรถของคุณ