Nissan March (นิสสัน มาร์ช) เจเนเรชั่น 4 รหัสตัวถัง K13 เปิดตัวเมื่อปี 2010 เริ่มขายทั้งในประเทศญี่ปุ่น และที่ประเทศไทยในฐานะอีโค่คาร์รุ่นแรก ปัจจุบันนี้ก็ยังมีขายอยู่ทั้ง 2 ประเทศ ท่ามกลางสมรภูมิการแข่งขันดุเดือดของรถขนาดเล็กทั้งหลาย โดยยังไม่มีรุ่นใดสามารถแทนที่ได้โดยตรง ทำให้คนทั่วไปเริ่มรู้สึกเบื่อ แต่คราวนี้มีสื่อญี่ปุ่นชื่อ Bestcarweb วิเคราะห์ว่า ทำไมรถรุ่นนี้ถึงมีความสำคัญ และไม่ควรหยุดการผลิต (อย่างน้อยในตอนนี้)
ราคาถูก
ในประเทศญี่ปุ่น Nissan March เป็นรถที่มีราคาถูกสุดในระดับเดียวกัน ปัจจุบันขายอยู่ที่ 1.28 ล้านเยน และแทบไม่มีการปรับราคาขึ้นมากนักตลอดเวลา 11 ที่ผ่านมา โดยมีราคาถูกกว่า Nissan Note ที่มีราคาขึ้นไปแตะระดับ 2 ล้านเยนแล้ว
ในประเทศไทย ยังมีขาย Nissan March ราคาเริ่มต้น 420,000 บาทในรุ่นเกียร์ธรรมดา หากต้องการเกียร์ออโต้ CVT จะมีราคา 495,000 บาท ไม่รวมส่วนลด ซึ่งอาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่คุ้มค่าสักเท่าไหร่ เพราะว่ามี Suzuki Celerio รุ่นเกียร์ออโต้ที่ราคา 408,000 บาท หรือเพิ่มเงินจากมาร์ชอีก 20,000 บาทก็ได้ Nissan Almera แล้ว
อ่านเพิ่มเติม :
มีรูปทรงเป็นมิตร
คนญี่ปุ่นยังมีรสนิยมชอบรถยนต์น่ารัก ตามวัฒนธรรม Pop ทั้งหลาย ซึ่งในตลาดรถยนต์ญี่ปุ่นปัจจุบัน Nissan March ยังเป้นตัวเลือกเดียวที่สามารถตอนสนองความต้องการนี้ได้ ในขณะที่ Nissan Note ออกไปแนวไฮเทค ส่วน Honda Fit ก็ดูค่อนมาทางน่ารัก แต่ไม่ใช่ค่แข่งที่น่ากลัว เพราะมีราคาสูงกว่า
ในประเทศไทย ไม่มีรถทรงกลมป้อมแบบนี้ออกมาขายในระดับราคานี้อีกแล้ว นั่นคงเป็นสาเหตุที่ทำให้ หลายคนไม่ยอมเพิ่มเงินนิดหน่อย เพื่อ Almera แต่กลับมาซื้อ March จำนวนหลายร้อยคน/เดือน
อ่านเพิ่มเติม : ยอดจดทะเบียนรถ Ecocar ครึ่งปีแรก 2021
มีเครื่องเบนซินล้วน
ปัจจุบันนี้ รถยนต์รุ่นใหม่มักใช้เครื่องไฮบริดกันหมด ไม่เว้นแม้แต่รถขนาดเล็ก ทำให้หลายคนที่ยังไม่อยากจ่ายแพงเพื่อเทคโนโลยีนี้ หันกลับมาใช้เครื่องยนต์เบนซินจาก Nissan March ที่ยังให้อัตราการกินน้ำมันประมาณ 20 กม./ลิตร ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขที่น่าพึงพอใจสำหรับการขับปกติทั่วไปแล้ว
ในประเทศไทยเรามี Nissan March ด้วยสเปคเครื่องยนต์ 3 สูบ 12 วาล์ว ขนาด 1.2 ลิตร ส่งกำลัง 79 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 106 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที และยังมีรถยนต์อีกหลายรุ่นที่เป็นเบนซินล้วนให้เลือก โดยมีรุ่นที่ให้ความประหยัดมากก็คือ Suzuki Celerio ที่มีอัตราสิ้นเปลือง 20 กม./ลิตรหรือมากกว่า
อ่านเพิ่มเติม : จัดอันดับ 9 Eco Car เมืองไทยคันไหนประหยัดที่สุด
ระบบความปลอดภัยไม่แย่
Nissan March รุ่นปี 2020 ในญี่ปุ่น ได้เพิ่มระบบช่วยเบรคอัตโนมัติที่ด้านหน้า ระบบเตือนรถออกนอกเลน และระบบลดไฟสูงลงอัตโนมัติเมื่อมีรถสวนมา ทำให้รถรุ่นนี้ยังคงไม่ตกยุค สามารถขายสู้กับรถรุ่นน้องสมัยใหม่ได้ แม้ว่าจะเข้าสู่ปีที่ 11 แล้วก็ตาม
Nissan March ในประเทศไทย มีระบบความปลอดภัยที่ดูจะโล้นไปหน่อย โดยให้มาเพียงถุงลมคู่หน้า กับเบรค ABS และ EBD เท่านั้น
อ่านเพิ่มเติม : มีเงิน 3 แสนแต่อยากซื้อรถ มาดู 5 ป้ายแดงราคาถูกที่สุดในเมืองไทย
Nissan March ในญี่ปุ่น มีการปรับปรุงตัวเอง และพัฒนาออพชั่นใหม่ ๆ ให้มีความสดใหม่ แม้ว่าหน้าตาจะเก่าไปบ้าง โดยยังเน้นขายความน่ารัก สีสันสดใส ได้เครื่องยนต์ประหยัดน้ำมันทัดเทียมไฮบริด โดยไม่คิดจะนำมาร์ชโฉมยุโรปเข้ามาขายอีกต่อไป ปล่อยให้ Note ทำตลาดระดับไฮเทคราคาสูง
อ่านเพิ่มเติม : มือสองต้องรู้ Nissan March Bolero สำหรับคนชอบทรงคลาสสิค
ประเทศไทยไม่มี Note ใหม่
แต่ในประเทศไทย ไม่มีการปรับปรุงรถรุ่นนี้ตั้งแต่การปรับออพชั่นเมื่อปี 2017 เพื่อบีบให้คนไปซื้อ Nissan Note ที่มีออพชั่นเยอะกว่า และราคาแพงกว่า ทำให้ มาร์ช เหลือจุดขายเดียว นั่นคือ การเป็นรถทรงน่ารักเพียงรุ่นเดียวในระดับนี้ ก็ยังมีคนซื้อใช้ในระดับ 100-200 คัน/เดือน โดยไม่คิดจะนำ Note ใหม่เข้ามาขายแต่อย่างใด เพราะสเปคใหม่ไม่เข้าข่ายอีโค่คาร์ จึงอาจมีราคาสูงกว่ารุ่นเดิมนั่นเอง
อ่านเพิ่มเติม : 2022 Nissan Note e-Power ถ้าหากขายไทย อาจมีราคาเริ่มต้น 735,000 บาท