เข้ารับตำแหน่งรองประธานบริหารอาวุโสของ Mazda (มาสด้า) ประเทศไทยในปีที่ผ่ามา สำหรับ ธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ลูกหม้อของบริษัท ท่ามกลางภาวะความไม่แน่นอนของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่ได้รับผลกระทบหลายด้านอย่างต่อเนื่องในปี 2564

ภาพรวมของตลาดที่หดตัวลงไป รวมถึงผลการดำเนินการของมาสด้าที่ได้รับผลกระทบอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทำให้มาสด้าตัดสินใจปรับแผนงานหลายอย่างในช่วงที่ผ่านมา รวมไปถึงการเพิ่ม-ลดรุ่นย่อยและปรับราคาจำหน่ายของเอสยูวีรุ่นหลักที่ทำตลาดอยู่

ขณะเดียวกันหลายคนอาจจะสงสัยถึงตลาดปิกอัพที่ดูเหมือนไม่ค่อยเห็นวิ่งบนท้องถนนสักเท่าไร และแผนงานอื่น ๆ ที่เหลือในปีนี้ AutoFun Thailand มีโอกาสคุยกับผู้บริหารของค่ายปีกบิน เพื่อทำความเข้าใจถึงปัญหาและแนวทางแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้น

จะเรียกว่าเป็นการปรับตัวที่้น่าสนใจอีกครั้งก็ไม่ผิด...

Q: หลายคนมองว่ามาสด้ากำลังทำสงครามราคาเอสยูวี

A: เอาจริง ๆ ต้องบอกว่าเราเรียนรู้จากสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตมากกว่า เราเคยปรับสินค้าใหม่เหมาะสมและมีความคุ้มค่าในตลาดมาก่อนกัน Mazda CX-3 (มาสด้า ซีเอ็กซ์-3) ซึ่งลูกค้าก็ให้การยอมรับและเลือกเป็นเจ้าของ ซึ่งเป็นแนวทางที่เราคิดว่าเหมาะสม

มาในปีนี้ เราก็มองว่าจากตลาดที่หดตัวลงไป มาสด้าเองก็กระทบเช่นกัน โดย 10 เดือนแรกของปีเรามียอดขายที่ลดลงไป 6% ส่วนแบ่งตลาดเหลือที่ 4.7% ถ้าเราอยากรักษาเป้าหมายส่วนแบ่งตลาด 5% ให้ได้ในปีนี้ เราก็ต้องมีการปรับตัวตามสถานการณ์

ซึ่งหากไปดูในรายละเอียดการขายของมาสด้าในปีนี้ จะพบว่าตลาดรถยนต์นั่งเราหดตัว 11% ขณะที่ตลาดเอสยูวีที่เราทำตลาดอยู่ 4 รุ่น เติบโตขึ้นมาถึง 19% จึงตัดสินใจปรับ Mazda CX-8 (มาสด้า ซีเอ็กซ์-8) และ Mazda CX-5 (มาสด้า ซีเอ็กซ์-5) ในช่วงนี้

Q: ส่วนหนึ่งเป็นเพราะยอดจำหน่ายที่ลดลงหรือเปล่า

A: ถ้าไปดูจาก 19% ที่เราเติบโตมา Mazda CX-30 (มาสด้า ซีเอ็กซ์-30) ยังมียอดจำหน่ายดีสุดที่ 5,757 คัน ตามมาด้วยซีเอ็กซ์-3 ที่ 3,493 คัน ขณะที่อีก 2 รุ่นมียอดจำหน่ายที่ 717 และ 692 คันตามลำดับ ซึ่งเรามองว่าสินค้ายังสามารถเดินหน้าทำตลาดต่อไปได้

หากมองไปที่รถที่ทำตลาดอยู่ จะพบว่ามีความหลากหลายทั้งเรื่องเครื่องยนต์ให้เลือกมากกว่าคู่แข่ง ห้องโดยสารที่หลากหลายรูปแบบตอบสนองความต้องการได้มากกว่า ไหนจะเรื่องของระบบความปลอดภัยที่เราติดตั้งให้มากสุดในตลาดถึง 11 ระบบ

การปรับของเราก็คือการเลือกเพิ่มหรือลดรุ่นที่คาดว่ามีศักยภาพ พร้อมทั้งการทำราคาจำหน่ายให้สามารถแข่งขันได้มากขึ้นในเซกเมนต์ที่มีความต้องการมากที่สุด ซึ่งจะเห็นว่าในรถบางรุ่นย่อย มีการปรับราคาจำหน่ายลง 9 หมื่น - 1 แสนบาทเลยทีเดียว

อ่านเพิ่มเติม: คู่มือซื้อ 2021 Mazda CX-5 เผย 4 รุ่นย่อย ได้ออปชั่นอะไรบ้าง ทำไมราคาลดเหลือ 1.32 ล้านบาท?

Q: ปรับหลัก ๆ ที่ CX-8 และ CX-5 เลย

A: เราพยายามทำความเข้าใจกับตลาดและปรับให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค ในซีเอ็กซ์-5 เรายกเลิกการทำตลาดรุ่นเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลรุ่นเริ่มต้น พร้อมทั้งปรับราคาจำหน่ายรุ่นที่เหลือทั้ง 4 รุ่นลงมาเพื่อให้แข่งขันได้มากขึ้น

ขณะที่ในซีเอ็กซ์-8 นั้น ก็มีการเพิ่มรุ่นย่อยเข้ามาอีก 1 รุ่น ได้แก่ รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 6 ที่นั่ง เป็นครั้งแรกของเซกเมนต์นี้ ด้วยราคาจำหน่าย 1.639 ล้านบาท รวมไปถึงการปรับราคาจำหน่ายรุ่นย่อยอื่น ๆ ให้เหมาะสม เพื่อให้เจาะลูกค้าได้เพิ่มขึ้นเช่นกัน

ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่าตลาดรถยนต์เอนกประสงค์ทั้งขนาดกลางและขนาดใหญ่เป็นตลาดที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และมาสด้าเองก็นำเสนอสินค้าที่มีความพร้อมมากที่สุดในตลาด โดยเฉพาะเรื่องระบบความปลอดภัยที่ให้มาเต็มคัน

อ่านเพิ่มเติม: คู่มือซื้อรถ 2021 Mazda CX-8 เพิ่มรุ่นย่อย ใส่ออพชั่นแน่น ราคาถูกลง เริ่มต้น 1.499 ล้านบาท

Q: ดูเหมือนตลาดกระบะจะยังเหนื่อยอยู่

A: ถ้าพูดถึง Mazda BT-50 (มาสด้า บีที-50) ก็ต้องย้อนไปว่าช่วงที่เราเปิดตัวตอนต้นปี ช่วงแรกเรามีปัญหาเรื่องการส่งมอบรถที่ล่าช้า กว่าที่เราจะได้มา ก็เข้าช่วงของโควิด-19 รอบสองพอดี ประกอบกับรถของเรานั้นแตกต่างจากคู่แข่งในการทำตลาด

ต้องบอกว่ามาสด้านั้นจับกลุ่มลูกค้าที่ค่อนข้างจะเป็นกลุ่มตลาดบน ที่เน้นรูปลักษณ์และการขับขี่แบบเอสยูวี ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้นั้น ไม่มีความจำเป็นต้องรีบรับมอบรถยนต์ พอมีปัญหา อย่างล่าสุดน้ำท่วม ก็ขอเลื่อนรับรถกันเลยก็มี ซึ่งเป็นปกติสำหรับกลุ่มนี้นะ

แต่ก็ยอมรับว่าเรามีปัญหาในการเจาะกลุ่มลูกค้าระดับผู้ใช้งานเชิงพาณิชย์จริง ๆ ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่มากสำหรับตลาดปิกอัพในประเทศไทย กลุ่มลูกค้านั้นมีสัดส่วนถึง 45% เมื่อเราไม่สามารถเข้าไปได้ ก็ส่งผลต่อการทำงานและแผนงานของเราพอสมควร

Q: แต่ตอนจบมันจะทำให้เราไม่ถึงเป้า 1.5 หมื่นคัน

A:ต้องบอกว่าตลาดปิกอัพในประเทศไทยนั้นไม่ง่ายนะ การที่เราเป็นพันธมิตรกับ Isuzu (อีซูซุ) ในบางมุมก็เป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับเราได้ เรื่องของอะไหล่ เครือข่ายต่าง ๆ แต่ก็เป็นโจทย์ที่เราต้องทำว่าจะเดินหน้าตลาดนี้ต่อไปให้ได้อย่างไร

ล่าสุด เรามีการจัดกิจกรรมหลายอย่างเพื่อให้สามารถเข้าไปหากลุ่มผู้บริโภคเหล่านี้ได้ ทั้งรูปแบบของกิจกรรมจากบริษัทและการทำงานร่วมกับตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ซึ่งเราก็คาดหวังว่าจะสามารถขยายออกไปหากลุ่มลูกค้าอื่น ๆ ได้บ้างในอนาคต

มาที่เป้าหมายการขาย 10 เดือนแรกของปีนี้เรามียอดขายบีที-50 อยู่ที่ 1,032 คัน แน่นอนว่าคงมองเป้าที่ตั้งไว้ตอนเปิดตัวไม่ได้ แต่ก็จะพยายามทำให้ได้ไม่น้อยกว่ายอดของรุ่นเดิมที่เราทำเอาไว้ในปีที่ผ่านมาที่ประมาณ 2,600 คัน อันนี้เป็นเป้าของเราในปีนี้

อ่านเพิ่มเติม: Mazda หวังกระบะใหม่ BT-50 เพิ่มยอดขายปีนี้ 30% สร้างส่วนแบ่ง 6% หลังเปิดตัวมกราคมนี้

Q: ภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ในปี 2564

A: ต้องบอกว่าสถานการณ์ในปีนี้เป็นปีที่ยากลำบากและมีสถานการณ์ที่เป็นปัจจัยส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องของโควิด-19 ที่รุนแรงมาตลอดทั้งปี การขาดแคลนชิ้นส่วนเพื่อการผลิต ที่ไม่ได้มีแค่เซมิคอนดัคเตอร์ที่มีปัญหา แต่มีอีกหลายชื้นส่วน

ยอดจำหน่ายรถยนต์ในปีนี้หดตัวสูงสุดในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทำให้ตลาดรวม 10 เดือนนั้นหดตัวอยู่ราว 2% ซึ่งแตกต่างจากปีที่ผ่านมาที่ตลาดหดตัวสูงสุดในเดือนเมษายน ทำให้มีช่วงเวลาที่เหลือมากพอสำหรับการที่ตลาดจะฟื้นตัวกลับมาได้ดี

สำหรับมาสด้าเอง เราเชื่อว่าตลาดรถยนต์ในประเทศไทยนั้นผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว แต่ด้วยเวลาที่ไม่มาก ทำให้อาจจะฟื้นตัวได้ไม่ดีนัก และตลาดในปีนี้น่าจะปิดได้ที่ระดับ 7.2-7.5 แสนคัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่น้อยกว่าการคาดการณ์สถานการณ์ในช่วงต้นปี

Q: มาสด้าเองจะเป็นอย่างไรในปีนี้

A: ในเชิงของตัวเลขการขาย หากตลาดเป็นไปตามที่เราคาด เราก็คิดว่าจะมียอดจำหน่ายในปีนี้ที่ 3.8 หมื่นคัน หรือรักษาส่วนแบ่งตลาด 5% เอาไว้ให้ได้ ซึ่งหากโชคดี ตลาดโตไปมากกว่าที่เราคาดการณ์ เราเองก็จะรักษาสัดส่วนตลาดตรงนี้เอาไว้ให้ได้

บริษัทนั้นเชื่อว่าในช่วงปลายปีจะเป็นฤดูกาลซื้อขายที่มีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น จะมีการจัดงานต่าง ๆ ที่ทำให้ผู้บริโภคใช้เงิน รวมถึงแรงหนุนจากมาตรการรัฐ อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำและโปรโมชั่นจากผู้ประกอบการ จะทำให้ตลาดคึกคักในช่วงที่เหลือของปี

มาสด้าจะคงเป้าหมายเดิม คือการนำเสนอสินค้าที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ก่อนการมาถึงของยุคเครื่องยนต์ไฟฟ้า ซึ่งโรงงานในประเทศไทยไม่ได้รับผลกระทบจากการผลิตมากนัก ทำให้บริษัทพร้อมที่จะเดินหน้าต่อไป