ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่ซุปเปอร์คาร์ได้พัฒนาไปมาก เราได้เห็น Bugatti Chiron Super Sport รถคันแรกที่สามารถทำได้ 300 ไมล์/ชม. (482 กม./ชม.)
แต่หากมาลองดูเหล่ารถแรง ๆ ใหม่นี้แล้ว จะพบว่าเกือบทุกคันจะมีเทอร์โบ,ซุปเปอร์ชาร์จเจอร์ หรือมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยทั้งนั้น ทำให้รถยนต์ที่ไร้ระบบอัดอากาศหาได้ยากขึ้น
เราจะพาย้อนกลับไปดูกันว่า ในช่วงยุคปี 2010-2020 นั้น จะมีรถรุ่นไหนบ้างที่แรงได้โดยไม่ต้องพึ่งระบบอัดอากาศ
5. Lamborghini Centenario - 349 กม./ชม.
สำหรับ Lamborghini Centenario นั้นเป็นรถที่ถูกผลิตออกมาจำกัด เปิดตัวในงาน 2016 Geneva Motor Show เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบอายุ 100 ปีของผู้ก่อตั้งแลมบอร์กินี่ Ferrucio Lamborghini
รวมถึงการโชว์เทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น การบังคับล้อหลัง, ช่องรับอากาศหน้าแบบสองชั้น, และระบบจอความบันเทิงใหม่ของ Lamborghini
สำหรับเครื่องยนต์นั้น เป็นการจูนมาจาก Lamborghini Aventador V12 ขนาด 7.5 ลิตร ให้กำลังแรงม้าระดับ 770 แรงม้า แรงบิด 690 นิวตันเมตร เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 2.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 349 กม./ชม.
ตัวรถมีน้ำหนักเพียง 1,520 กิโลกรัม ซึ่งเป็นผลมาจากเทคโนโลยี โมโนค๊อกคาร์บอนไฟเบอร์ พร้อมทั้งการเลือกใช้วัสดุน้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่งทั้งคันทำให้มีน้ำหนักตัวที่เบาและแข็งแรง ในส่วนภายในมีการตกแต่งด้วยหนังอัลคันทาร่าพร้อมเดินขอบด้วยสีเหลืองเช่นเดียวกันกับตัวถังรถยนต์
4. Lamborghini Aventador SVJ - 352 กม./ชม.
SVJ ย่อมาจากคำว่า Super Veloce Jota สื่อถึงสมรรถนะขั้นสุดยอด ถือเป็น Aventador ที่แรงที่สุดในปัจจุบัน
ใช้เทคโนโลยี Aerodinamica Lamborghini Attiva ซึ่งเป็นหลักอากาศพลศาสตร์ เพื่อเพิ่มแรงกด (Down Force) อีก 40% และลดแรงต้านอากาศ (Drag coefficient) ลง 1%
เครื่องยนต์ N/A ขนาด 6.5 ลิตร V12 ให้กำลัง 770 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 720 นิวตันเมตร
เร่ง 0-100 กม./ชม. ใช้เวลา 2.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 350 กม./ชม. ตัวรถมีการทุบสถิติ Nurburgring ในปี 2018 มาแล้ว
3. Aston Martin One-77 - 354 กม./ชม.
ในปี 2009 Aston Martin (แอสตัน มาร์ติน) ได้เปิดตัว One-77 ในงาน 2009 เจนีวา มอเตอร์โชว์ เป็นหนึ่งในการบอกให้โลกรู้ว่า นี่คือการออกแบบของ Aston Martin ที่จะได้เห็นกันในอนาคต
One-77 เป็นซุปเปอร์คาร์ที่ทำด้วยมือหรือ hand-made จะถูกผลิตออกมาเพียง 77 คันเท่านั้นตามชื่อรุ่น เพื่อมาชนซุปเปอร์คาร์อย่าง Bugatti Veyron และ Ferrari Enzo
เครื่องยนต์ใช้ขนาด 7.3 ลิตร V12 ให้กำลังมากถึง 750 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตร ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา3.5 วินาที พร้อมความเร็วสูงสุด 354 กม./ชม.
นี่จึงเป็นหนึ่งในรถยนต์อังกฤษที่หายากที่สุดในเวลานี้
2. Lamborghini Veneno - 355 กม./ชม.
Lamborghini Veneno ถือเป็นอีกหนึ่งซุปเปอร์คาร์ที่หาจับตัวยาก เนื่องจากถูกสร้างมาในปี 2014 เพื่อหวังจะแย่งตลาดกับกลุ่มไฮเปอร์คาร์ที่มีราคาหลายร้อยล้านอย่าง Bugatti อีกทั้งยังเพื่อเฉลิมฉลองการก่อตั้งครบรอบ 50 ปีของทางค่าย
ตัว Veneo เองนั้นมีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 4 ล้านดอลลาร์ เป็นลัมบอร์กินี่ที่แพงที่สุดที่เคยขายมาจนถึงในปัจจุบัน
Veneno ใช้เครื่องยนต์ V12 6.5 ลิตร วิ่งด้วยกำลังแรงสูงสุดถึง 750 แรงม้า มาพร้อมกับระบบเกียร์ ISR 7 สปีด ทำอัตราเร่ง 0 - 100 กม./ชม.ภายใน 2.8 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุด 355 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ถือเป็นอีกหนึ่งรถที่หาได้ยากมากเช่นกัน เนื่องจากมีการผลิตแบบโร้ดสเตอร์ไร้หลังคา 9 คัน และแบบธรรมดา 3 คันเท่านั้น
1. Pagani Zonda HP Barchetta
รถรุ่นนี้ถูกเปิดตัวในปี 2017 เป็นรุ่นพิเศษที่สุด เนื่องจากเป็นของขวัญ 60 ปีให้กับเจ้าของค่าย Horacio Pagani เป็นการฉลอง 18 ปีของ Zonda และที่น่าเศร้าคือเป็น Pagani Zonda สุดท้ายที่ถูกผลิตออกมา
Zonda HP Barchetta เคยได้ขึ้นชื่อว่าเป็นรถที่แพงที่สุดในโลกช่วงหนึ่งด้วยราคา 17.5 ล้านดอลลาร์ หรือก็คือ 590 ล้านบาท
เพื่อให้เป็นการสมศักดิ์ศรีจึงเลือกใช้เครื่องยนต์ 7.3 ลิตร V12 จาก Mercedes Benz ที่ให้กำลังมากถึง 789 แรงม้า แรงบิด 850 นิวตันเมตร
อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้มันหายากคือ มีการผลิตออกมาเพียง 3 คันเท่านั้นและไม่มีอีกแล้ว ซึ่งคันหนึ่งเป็นของเจ้าของค่าย และก้แน่นอนว่าอีก 2 คันถูกขายไปแล้ว ทำให้เรียกได้ว่า มีเงินก็ซื้อไม่ได้แน่นอน