แม้ว่ากระแสยานยนต์ของโลกในปัจจุบัน จะผลักดันให้มีการไปสู่ยุคของรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น แต่เราเชื่อว่า ความกังวลในด้านของระยะในการวิ่งต่อการชาร์จ ก็ยังเป็นสิ่งที่หลายท่านยังกังวลใจอยู่

หลายค่ายรถยนต์ที่มีการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ ๆ มักจะมีการเคลมว่ารถของตนนั้น จะสามารถวิ่งได้ระยะทางได้ไกล แต่จะทำได้จริงหรือไม่ มีคนทดสอบมาให้เราดูแล้ว

ยูทูบเบอร์ Mat Watson จาก Carwow ได้นำรถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายรุ่นมาทดสอบ เพื่อดูระยะในการวิ่งจริง พร้อมทั้งแสดงให้เห็นว่า หากคุณขับจนแบตเหลือ 0% รถยนต์จะมีอาการอย่างไร

โดยจะประกอบไปด้วย

• Ford Mustang Mach E
• Audi Q4 e-tron
• BMW iX3
• Hyundai Ioniq 5
• Kia EV6
• Skoda Enyaq iV.

ในการทดสอบ จะมีการวิ่งบนมอเตอร์เวย์ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องยากสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากจะมีโอกาสในการเบรกได้น้อย ทำให้ไม่เกิดการ Regenerative Braking เพื่อชาร์จไฟฟ้ากลับเข้าไป

สำหรับคันแรกที่ไฟหมดไปก่อน คือ Ford Mustang Mach-e ที่มีแบตเตอรี่เล็กกว่าคนอื่น ซึ่งดับไปเมื่อวิ่งได้ 228 ไมล์ (365 กิโลเมตร) ทำได้เพียง 83% ของที่เคลมไว้ แม้จะไม่มีการบอกว่าเป็น Mac-e รุ่นใด แต่จากการคำนวนคร่าว ๆ คือรุ่น GT ขับสี่ ที่มีระยะ 273 ไมล์ (439 กิโลเมตร)

สำหรับคนที่หาจุดชาร์จไม่ทัน ระจะมีการหยุดชะงักและดับไปทันที ไม่สามารถขับต่อไปได้อีก

ต่อมาคือ Audi Q4 e-Tron ที่วิ่งได้ 374 กิโลเมตร หรือเพียง 78% ของที่เคลมไว้ 480 กิโลเมตร ตามมาด้วย Hyundai Ioniq 5 ที่วิ่งได้ 379 กิโลเมตร หรือ 83% ที่เคลมไว้ 460 กิโลเมตร

รถทั้ง 2 คันเมื่อแบตหมด จะค่อย ๆ วิ่งไปจนหยุดนิ่ง แต่ทาง Hyundai (ฮุนได) จะมีการเข้าเกียร์ P ก่อน

ส่วน 3 รุ่นที่ทำระยะได้ใกล้เคียงจากโรงงานที่สุดคือ BMW iX3 ด้วยระยะ 411 กม.หรือ 91% จาก 460 กม. และ Skoda Enyaq iV วิ่งได้ 422 กม. หรือ 91% จาก 460 กม.

ระบบที่น่าประทับใจใน Skoda Enyaq คือมันสามารถควบคุมได้ด้วยความเร็ว 6 กม./ชม. ก่อนที่แบตจะหมด เพื่อให้คนขับสามารถนำรถเข้าจอดได้อย่างปลอดภัย

อ่านเพิ่มเติม ขนาดของล้อ ส่งผลต่อระยะการวิ่งรถยนต์ไฟฟ้ามากแค่ไหน

ส่วนผู้ชนะที่วิ่งได้ไกล และใกล้เคียงกับระยะที่เคลมไว้มากที่สุดคือ Kia EV6 ด้วยระยะ 437 กม.หรือ 91% จาก 500 กม.

ปัจจัยในการวิ่งให้ได้ระยะทางสูงสุดของรถยนต์ไฟฟ้า นอกจากขนาดของแบตเตอรี่แล้ว ทั้งการออกแบบ ขนาดของล้อ ยางที่ใช้ ก็ยังสำคัญอีกเช่นกัน