Mazda 2 ได้รับการปรับโฉมเมื่อปลายปี 2019 ที่ผ่านมา เพิ่มความสดใหม่เพื่อต่อกรกับคู่แข่งในตลาดรถเล็กที่ทยอยเปิดตัวรุ่นใหม่ออกมาทำตลาดกันอย่างต่อเนื่อง
ตัวท็อปของ Mazda 2 ไมเนอร์เชนจ์ยังเป็นเครื่องยนต์ดีเซลเช่นเดิม แต่ถูกลดรุ่นย่อยจาก 3 รุ่นเหลือเพียง 2 รุ่น ส่วนราคาจำหน่ายก็ขยับเพิ่มขึ้นอีก 10,000 บาท โดยมีราคาดังนี้
รุ่น 1.5 Turbo XD AT ราคา 782,000 บาท
รุ่น 1.5 Turbo XDL AT ราคา 799,000 บาท
รายละเอียดการปรับโฉมมีทั้งไฟหน้าดีไซน์ใหม่ เพิ่มระบบปรับระดับไฟหน้า สูง-ต่ำ อัตโนมัติ เปลี่ยนกันชนหน้าใหม่ ไฟท้ายใหม่ กันชนท้ายใหม่ ล้ออัลลอย 16 นิ้วปรับดีไซน์ใหม่ สีตัวถังมีเพิ่มเติมเข้ามาคือ เทา Polymetal Grey และขาวเมทัลลิก Ceremic Metallic นอกจากนี้ยังมีการอัพเกรดระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้ง G-Vectoring Control PLUS
ภายในห้องโดยสาร เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง สีเทาสลับหนังกลับ Grand Luxe Suede ระบบเครื่องเสียงรองรับแอปเปิล คาร์เพลย์ และแอนดรอยด์ ออโต้ ติดตั้งกล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา และเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า 4 ตำแหน่ง
เครื่องยนต์ยังคงบล็อกเดิม ดีเซล 4 สูบ Skyactiv-D 16 วาล์ว ขนาด 1.5 ลิตร เทอร์โบชาร์จ พละกำลังสูงสุด 105 แรงม้าที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตรที่ 1,500 – 2,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
3 จุดเด่นที่ควรซื้อ Mazda 2 ดีเซล
1. ภายในห้องโดยสารพรีเมียมที่สุดในระดับเดียวกัน
Mazda 2 ยังคงรักษาจุดเด่นด้านการตกแต่งภายในห้องโดยสารที่ให้บรรยากาศหรูหรา พรีเมียมราวกับเป็นรถระดับบน โดยในรุ่นไมเนอร์เชนจ์ เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังสีเทาสลับหนังกลับ Grand Luxe Suede ขณะที่แดชบอร์ดหน้า บุนุ่มหุ้มด้วยหนัง เดินตะเข็บด้ายจริงที่ให้ผิวสัมผัสนุ่มมือ น่าจับต้องใช้งานอย่างมาก
2. แรงบิดสุดเร้าใจ
เครื่องยนต์ดีเซลขึ้นชื่อลือชาในด้านการให้แรงบิดที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว และ Mazda 2 ดีเซลก็ไม่มีข้อยกเว้น มีแรงบิดสูงสุดถึง 250 นิวตันเมตรที่ 1,500 – 2,500 รอบ/นาที มากที่สุดในระดับเดียวกัน เหลือเฟือสำหรับการใช้งานในเมือง ซอกแซกฟันฝ่าการจราจร และการขับขี่ออกต่างจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นขึ้นดอยสูงหรือลงเขา ไม่หวั่นทุกเส้นทาง
3. สมรรถนะการขับขี่ยอดเยี่ยม
อีกหนึ่งคุณสมบัติสำคัญของ Mazda 2 ก็คือแฮนดลิ่งการควบคุมที่เฉียบคม การเซ็ทอัพช่วงล่างที่แข็งแน่นเกาะหนึบ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรถยนต์ Mazda หลายรุ่น น่าจะถูกใจคนรุ่นใหม่เป็นอย่างดี
3 จุดด้อยควรคำนึงถึงก่อนซื้อ Mazda 2 ดีเซล
1. ภายในห้องโดยสารแคบกว่าคู่แข่ง
ถึงแม้ Mazda 2 จะมีการตกแต่งภายในที่พรีเมียมและหรูหรา แต่จุดอ่อนก็คือพื้นที่ใช้สอยที่คับแคบกว่าคู่แข่งโดยเฉพาะเบาะหลัง ถ้าผู้โดยสารสูงเกินกว่า 175 ซม. ขึ้นไปก็อาจจะรู้สึกอึดอัดระหว่างการเดินทางไกลหรือต้องนั่งเป็นเวลานาน
2. ราคาจำหน่ายตัวท็อปแพงกว่าใครเพื่อน
ค่าตัวของ Mazda 2 รุ่นสูงสุด 1.5 Turbo XDL AT เคาะอยู่ที่ 799,000 บาท แพงกว่าตัวท็อปของคู่แข่งอย่าง Honda City RS อยู่ 6 หมื่นบาทและสูงกว่า Nissan Almera รุ่น 1.0L Turbo VL CVT ตัวท็อปไลน์อยู่ถึง 1.6 แสนบาท
3. ถุงลมนิรภัยแค่ 2 ตำแหน่ง
ระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันของ Mazda 2 มีครบครันและยังติดตั้งกล้องมองภาพรอบคันเพิ่มเติมเข้ามาด้วย แต่มูลค่าทางการตลาดกลับด้อยลงไปเมื่อมีถุงลมนิรภัยเพียง 2 ตำแหน่ง เทียบกับคู่แข่งที่มีถึง 6 ตำแหน่ง ทำให้ลูกค้าอาจเกิดความลังเล บวกกับราคาจำหน่ายที่สูงก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนใจไปมองยี่ห้ออื่นได้