รถยนต์ไฮบริดในปัจจุบันกำลังขาขึ้น เพราะมีหลายยี่ห้อนำขุมพลังทางเลือกมาให้ใช้งานกันอย่างแพร่หลาย ส่วนใหญ่มักอยู่ในรถขนาดกลางและใหญ่ เช่น Toyota Corolla Cross (โตโยต้า โคโรลล่า ครอส), Honda Accord (ฮอนด้า แอคคอร์ด), MG HS PHEV (เอ็มจี เอชเอส พีเอชอีวี) ฯลฯ ล่าสุดมีรถไฮบริดขนาดเล็กเข้ามาเปิดตัวใหม่ นั่นคือ 2021 Honda City e:HEV ในราคา 839,000 บาท (ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี) ซึ่งการที่รถเล็กใช้พลังไฮบริดแบบนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่มันเคยมีรถเล็กพลังไฮบริดเปิดตัวเมื่อ 8 ปีก่อนมาแล้ว ไปย้อนรอยดูรถ 3 รุ่นดังพลังไฟฟ้าลูกผสมกันครับ
2012 Toyota Prius C Hybrid
เปิดตัวเมื่อปี 2012 ในไทย นำเข้าจากญี่ปุ่นทั้งคัน มีปุ่ม push start ที่หน้าปัดมีจอสีขนาด 3.5 นิ้ว ไว้แสดงข้อมูลของการขับขี่ มีระบบความปลอดภัยจัดเต็มด้วย ABS, VSC, TRC มีถุงลมนิรภัยถึง 7 ลูก ถือว่าล้ำสมัยมากในปีดังกล่าว
สเปคขุมพลังของพริอุส ซี ไฮบริดคือ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 74 แรงม้าที่ 4,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 111 นิวตันเมตรที่ 4,800 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว กำลังสูงสุด 61 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 169 นิวตันเมตร รวมทั้งระบบไฮบริดได้กำลังที่ 100 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหน้าผ่านเกียร์ CVT มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ที่ 35.4 และ 40 กม./ล. Toyota Prius C Hybrid มีสีตัวถัง 3 เฉดคือ สีขาว, สีส้ม, สีเงิน, และสีดำ ตั้งราคาขายที่ 1.39 ล้านบาท ยอมรับว่าแพงเพราะเป็นแบบนำเข้าจากญี่ปุ่นทั้งคัน คนเลยไม่นิยม
2012 Honda Jazz Hybrid
2012 ฮอนด้า แจ๊ส ไฮบริด เปิดตัวเมื่อปี 2012 ด้วยพื้นฐานเดียวกับ Jazz GK ออพชั่นเด่นประกอบด้วยปุ่ม ECON ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ หน้าจอ MID แสดงข้อมูลการขับขี่ของระบบ Hybrid ส่วนระบบความปลอดภัยมีเบรค ABS EBD และถุงลมนิรภัยคู่หน้า
สเปคขุมพลังของฮอนด้า แจ๊ส ไฮบริด คือ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 1.3 ลิตร กำลังสูงสุด 88 แรงม้าที่ 5,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 121 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว กำลังสูงสุด 14 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 78 นิวตันเมตร รวมทั้งระบบไฮบริดได้กำลังที่ 98 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหน้าผ่านเกียร์ CVT มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ที่ 21.3 กม./ล. ทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลา 12.6 วินาที โดยมีความเร็วสูงสุดที่ 177 กม./ชม. 2012 Honda Jazz Hybrid ขายในราคา 768,000 บาท มีสีตัวถัง 4 เฉดคือ สีขาวบริลเลียนท์ สีเงินอลาบาสเตอร์ สีเขียวเฟรชไลม์ และสีฟ้าเซรูเลียน
2021 Honda City e:HEV (ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี)
2021 ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี เปิดตัววันที่ 24 พ.ย. 2020 กับออพชั่นเด่นตรงมาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว คอนโซลกลางใส่หน้าจออินโฟเทนเม้นท์แบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay พร้อม Google Maps และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI สตาร์ทเครื่องยนต์ พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท
เรื่องความปลอดภัยของ 2021 ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี มีจุดเด่นที่ระบบ Honda Sensing กล้องด้านหน้าจับภาพมุมกว้างและไกล มีพร้อมระบบหลักคือ ระบบเตือนการชนด้านหน้า ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกเลนและออกนอกถนน ระบบแปรผันความเร็วตามคันหน้า ร่วมด้วยกล้องมองข้าง Honda LaneWatch และดิสก์เบรกหลัง ให้เบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Hold ครบถ้วน
สเปคขุมพลังของ 2021 Honda City e:HEV ประกอบด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว 98 แรงม้า พร้อมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวกำลัง 109 แรงม้า ทำงานขนานไปพร้อมกันรวมทั้งระบบแล้วมีกำลังสูงสุด 126 แรงม้า ให้แรงบิดสูงสุด 253 นิวตัน-เมตร จับคู่เกียร์อัตโนมัติ E-CVT และใช้แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน มีอัตราการประหยัดน้ำมันถึง 27.8 กม./ล. รองรับน้ำมัน E20
เปรียบเทียบรถเล็กไฮบริด
จากสเปคและออพชั่นทั้ง 3 รุ่น เรานำมาใส่ตารางเทียบชัดๆ เพื่อให้เห็นความแตกต่างทางเทคโนโลยีเมื่อ 8 ปีที่แล้วกับปัจจุบัน
ออพชั่นและสเปค
|
Toyota Prius C
|
Honda Jazz Hybrid
|
Honda City e:HEV
|
หน้าจออินโฟเทนเม้นท์
|
-
|
-
|
8 นิ้ว
|
รีโมทสตาร์ท
|
-
|
-
|
มี
|
จอแสดงข้อมูลการขับ
|
จอสี 3.5 นิ้ว
|
ขาวดำขนาดเล็ก
|
จอ TFT 7 นิ้ว
|
เครื่องยนต์
|
1.5 ลิตร 74 แรงม้า
|
1.3 ลิตร 88 แรงม้า
|
1.5 ลิตร 98 แรงม้า
|
มอเตอร์ไฟฟ้า
|
61 แรงม้า
|
14 แรงม้า
|
109 แรงม้า
|
กำลังรวมทั้งระบบ
|
100 แรงม้า
|
96 แรงม้า
|
126 แรงม้า
|
อัตราการกินน้ำมัน
|
35.4 กม./ล.
|
21.3 กม./ล.
|
27.8 กม./ล.
|
ราคา
|
1,390,000 บาท
|
768,000 บาท
|
839,000 บาท
|
การเปรียบเทียบนี้ เพื่อดูว่าภายใน 8 ปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีก้าวกระโดดไปได้ขนาดไหนแล้วเมื่อเทียบกับรถ 2012 Honda City e:HEV รุ่นล่าสุด แสดงให้เห็นว่าระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ไม่ใช่เรื่องใหม่ และไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปแล้ว เป็นการพัฒนาที่ขาขึ้นเรื่อยๆ อย่างน่าสนใจไม่น้อย