![Tesla ดึงวิธี “ทัวร์โรงงาน” กลับมาอีกครั้ง เพื่อสร้างความเชื่อมั่น โดยให้รางวัลมากกว่าเดิม 01]()
Tesla (เทสล่า) ถือเป็นค่ายรถที่ฉีกกฎการทำตลาดรถยนต์แบบดั้งเดิม ยกตัวอย่างเช่น การขาย การทำตลาด แต่ครั้งนี้ค่ายรถไฟฟ้าจากสหรัฐฯ ได้นำวิธีแบบดั้งเดิมมาใช้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า นั่นคือการทัวร์โรงงานนั่นเอง
โดยการที่เปิดให้ลูกค้าสามารถทัวร์โรงงานได้นั้นเป็นหนึ่งในวิธีทางการตลาดภายใต้ referral program ที่ทำให้ลูกค้าเกิดการบอกต่อกับคนรู้จัก เพื่อน หรือครอบครัวให้ทำความรู้จักกับแบรนด์
![Tesla ดึงวิธี “ทัวร์โรงงาน” กลับมาอีกครั้ง เพื่อสร้างความเชื่อมั่น โดยให้รางวัลมากกว่าเดิม 02]()
กลับมาใช้วิธีนี้อีกครั้ง
หลายคนอาจจะทราบว่า Tesla เคยยกเลิกการทำตลาดแบบปากต่อปากเช่นนี้ไปเมื่อนานมาแล้ว และได้มีการนำเสนอวิธีนี้กลับมาอีกครั้งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้จะไม่ใช่การ “อ้างอิงและได้รับสิทธิประโยชน์” ในแบบที่เคยทำ
ซึ่งจะเป็นการที่เจ้าของรถ Tesla เดิม (ลูกค้าเก่า) สามารถอ้างอิง (ว่าเป็นผู้ชักชวน) ลูกค้าใหม่ (ให้มาซื้อ) โดยลูกค้าใหม่สามารถรับ Tesla Credits และสามารถนำเครดิตนี้ไปแลกรางวัล เช่น การชาร์จ Tesla Supercharger, สินค้าจากร้านค้าออนไลน์ ไปจนถึงการลุ้นรับรางวัลใหญ่อย่าง Cybertruck
![Tesla ดึงวิธี “ทัวร์โรงงาน” กลับมาอีกครั้ง เพื่อสร้างความเชื่อมั่น โดยให้รางวัลมากกว่าเดิม 01]()
ปรับรางวัลใหม่ให้น่าสนใจยิ่งขึ้น
ขณะที่ Tesla กำลังปรับเปลี่ยนรางวัลแบบใหม่ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น แต่สิ่งที่โดดเด่นเป็นพิเศษคือคำเชิญสำหรับการเข้าร่วมงานส่งมอบ Cybertruck ที่กำลังจะมาถึงนี้
อย่างไรก็ตาม การกลับมาของการ “ทัวร์โรงงาน” อาจทำให้ผู้ที่ชื่นชอบ Tesla ต้องตาลุกวาว เพราะการได้เห็นกระบวนการทำงานในโรงงานที่เมือง Fremont และ Gigafactory ในเท็กซัสนั้นเป็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับพวกเขา
![Tesla ดึงวิธี “ทัวร์โรงงาน” กลับมาอีกครั้ง เพื่อสร้างความเชื่อมั่น โดยให้รางวัลมากกว่าเดิม 02]()
น่าเสียดายที่ในตอนนี้ แพ็คเกจทัวร์ Gigafactory ในเท็กซัสถูกตั้งเครื่องหมายว่า “หมด” ตั้งแต่เพิ่งเปิดให้จองไม่นาน แต่ Tesla ก็รับรองว่าจะมีทัวร์อื่น ๆ ในอนาคตอย่างแน่นอน
![Tesla ดึงวิธี “ทัวร์โรงงาน” กลับมาอีกครั้ง เพื่อสร้างความเชื่อมั่น โดยให้รางวัลมากกว่าเดิม 03]()
ค่ายรถอื่นกำลังเข้ามาอย่างช้า ๆ
สำหรับ Tesla เองนั้นมีฐานแฟนคลับอยู่แล้ว แต่ข้อมูลจากการศึกษาโดย S&P Global Mobility ระบุว่า Rivian และ Lucid นั้นค่อย ๆ ดำเนินธุรกิจอย่างช้า ๆ แต่ต้องมั่นใจว่าสร้างการรับรู้ต่อผู้คน
การศึกษายังระบุว่าเจ้าของ Tesla Model 3 กว่า 72.8% นั้นจะยังใช้ Tesla อยู่เมื่อเปลี่ยนรถ แต่ก็คิดว่า Lucid Air และ Rivian R1T เป็นสิ่งทดแทนในอันดับต้น ๆ
หากเจาะลึกถึงข้อมูลแล้ว Lucid Air เป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับเจ้าของ Tesla Model S กว่า 3.4% ส่วน Rivian R1T และ R1S กลายเป็นตัวเลือกที่มีเอกลักษณ์ที่ได้รับความสนใจเช่นกัน เพราะกลายเป็นตัวเลือกที่ไม่ใช่เทสล่าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจากเจ้าของ Model 3 และ Model Y
![Tesla ดึงวิธี “ทัวร์โรงงาน” กลับมาอีกครั้ง เพื่อสร้างความเชื่อมั่น โดยให้รางวัลมากกว่าเดิม 04]()
ถึง Tesla จะยังเป็นที่หนึ่งอยู่ แต่ก็ต้องระวังไว้
แม้จะมีสถิติเหล่านี้ แต่ชื่อเสียงของ Tesla ก็ยังมีอิทธิพลอยู่ เนื่องจากยังมีข้อมูลที่ว่า เจ้าของ Model 3 กว่า 40.3% เมื่อเปลี่ยนรถยังต้องการเป็น Model Y อยู่ และหากลองย้อนไปในปี 2015 จะพบว่าเจ้าของ Tesla กว่า 89% ยืนยันว่าพวกเขาจะไม่เปลี่ยนใจใช้แบรนด์อื่น แม้ตัวรถจะไม่ได้รับมาตรการช่วยเหลือด้านภาษีจากรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม J.D. Power ยังศึกษาว่า เจ้าของ Tesla เพียง 4% เท่านั้นที่จะพิจารณา Tesla เป็นรถคันต่อไปของพวกเขา นั่นอาจเป็นผลมาจากการเข้ามาของ EV แบรนด์ต่าง ๆ ที่มากขึ้นทุกวัน สิ่งที่น่าสนใจคือ ขณะที่ผู้ชื่นชอบ Model Y ต้องการเปลี่ยนไปใช้อีวียี่ห้ออื่นนั้น หลายคนยังต้องการใช้เอสยูวีเครื่องยนต์สันดาปอยู่
![Tesla ดึงวิธี “ทัวร์โรงงาน” กลับมาอีกครั้ง เพื่อสร้างความเชื่อมั่น โดยให้รางวัลมากกว่าเดิม 05]()
อย่างไรก็ตาม Tesla ยังคงดึงดูดลูกค้าทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ได้ดี เพราะคนที่ซื้อ Model Y กว่า 74% นั้นมาจากรถแบรนด์อื่นมาก่อน และ Tesla ยังได้รับส่วนแบ่งทางการตลาดรถ EV ในสหรัฐฯ ถึง 60%
รายงานของ Consumer Reports ระบุว่า แบรนด์ที่ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของรถยนต์ไฟฟ้าได้จะพบว่าตนมีส่วนแบ่งการตลาดที่น้อยลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อนาคตนั้นไปข้างหน้าด้วยรถยนต์ไฟฟ้า โดยมี Tesla เป็นผู้นำ แต่ตอนนี้คู่แข่งก็เริ่มตามทันแล้ว
อ่านเพิ่มเติม: จัดอันดับ EV รุ่นขายเร็วสุดในสหรัฐ ต้องใช้เวลาเฉลี่ย 50 วันถึงจะมีคนซื้อ 1 คัน เพราะเลิกเห่อแล้ว ?