Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส-เบนซ์) เล็งทำตลาดรถยนต์ออนไลน์เต็มรูปแบบ พร้อมเดินหน้าส่งสินค้าใหม่ทั้ง Mercedes-Benz E-Class (เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส) Mercedes-AMG GLA 35 (เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี จีแอลเอ 35) รวมถึง Mercedes-Maybach (เมอร์เซเดส-มายบัค) ในอนาคต
โรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในปีนี้ บริษัทจะเดินหน้าเข้าสู่ระบบการทำตลาดแบบออนไลน์เต็มรูปแบบในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ซึ่งรวมถึงการเชื่อมต่อระบบการจ่ายเงินแบบออนไลน์เต็มรูปแบบ เพื่อรองรับลูกค้าในอนาคต
ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่าบริษัทจะปิดการให้บริการด้านการซื้อขายรถยนต์ที่ตัวแทนจำหน่าย โดยยืนยันว่าจะไม่มีการปิดหรือขยายตัวแทนจำหน่ายในช่วงจากนี้ไป แต่จะปรับมาให้บริการในรูปแบบของออนไลน์เพิ่มขึ้น ซึ่งเชื่อว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคจะปรับตัวไปในอนาคตอันใกล้
"มันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเลือกดีลเลอร์หรือออนไลน์ เพราะลูกค้าจะเป็นคนเลือกในที่สุด โดยเราประเมินว่า 25% ของลูกค้าจะหันมาซื้อรถยนต์แบบออนไลน์ใน 4-5 ปีข้างหน้า ทำให้เราต้องเตรียมความพร้อมทั้งหมด โดยเฉพาะเรื่องการชำระเงิน ที่จะต้องมีการเชื่อมต่อระบบกันในปีนี้"
นอกจากนี้ ในปีนี้จะเป็นปีที่บริษัทเดินหน้าเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่เพื่อทำตลาดเพิ่มเติมเพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์อันหรูหราของแบรนด์ต่อไป โดยที่ผ่านมา 12% ของยอดขายเป็นรถคอมแพคท์ 40% เป็นรถรุ่นมาตรฐาน และที่เหลือเป็นกลุ่มเอสยูวีและกลุ่มดรีมคาร์อย่างละประมาณ 25% เท่า ๆ กัน
ยืนยันทำรถไฟฟ้าแน่ แต่ไม่ใช่ปี 2564
เมื่อถูกตั้งคำถามถึงการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย จากเดิมที่มีแผนการนำเข้า Mercedes-Benz EQC เข้ามาทำตลาด ผู้บริหารของค่ายรถยนต์ตราดาวบอกว่า ก่อนอื่นนั้น ขอให้ลืมเมอร์เซเดส-เบนซ์ อีคิวซีไปก่อน เนื่องจากไม่สามารถทำตลาดได้อย่างแน่นอน จากช่วงเวลาของสินค้าใหม่
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนที่จะทำตลาดรถยนต์กลุ่มรถไฟฟ้าอย่างแน่นอน แต่จะไม่เกิดขึ้นในปี 2564 นี้ เนื่องจากการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่จำเป็นที่จะต้องใช้เวลา และยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะมีการทำตลาดรถรุ่นใดในอนาคต แต่ขอยืนยันว่า บริษัทมีการลงทุนเพื่อรองรับโครงการเหล่านี้เป็นที่เรียบร้อย
"มันคงเป็นการง่ายมากสำหรับเรา หากจะนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาทำตลาดแบบสำเร็จรูป แต่เรามองไปที่ความยั่งยืนของการทำตลาด จึงอยากใช้สายการผลิตในประเทศให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด นั่นคือสาเหตุที่พวกคุณจะไม่ได้เห็นรถไฟฟ้าของพวกเราอย่างแน่นอนในปีนี้"
มั่นใจปีที่แล้วไม่ได้พลาด ไม่ต้องปรับแผนงานปีนี้
สำหรับการตกเป็นผู้นำตลาดอันดับ 2 ในปีที่ผ่านมา โรแลนด์ระบุว่าตัวเลขการจำหน่าย 10,613 คันที่บริษัทสามารถทำได้นั้น เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ และเป็นตัวเลขที่บริษัทได้คุยกับทางดีลเลอร์และบริษัทแม่ โดยอยู่บนพื้นฐานของโควิด-19 และผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับตลาด
"แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ตลาดนั้นไม่ได้เป็นไปตามที่เราคาดการณ์ว่าตลาดรถยนต์หรูหราน่าจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง และน่าจะใช้เวลา 4-5 ปีกว่าที่ตลาดจะกลับสู่ภาวะปกติ ซึ่งผลก็คือตลาดนั้นได้รับผลกระทบน้อยกว่าที่คาด แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีปัจจัยที่ทำให้เราทำยอดขายมากกว่านี้ไม่ได้"
นอกจากนี้ ก็ยังมีเรื่องของการเปิดตัวสินค้าที่ช้าลงไป 6-8 สัปดาห์จากการที่วิศวกรไม่สามารถเข้ามาควบคุมและดูแลการผลิตรถยนต์ในกลุ่มคอมแพคต์ ไม่ว่าจะเป็น Mercedes-Benz A-Class หรือ Mercedes-Benz GLA ทำให้ยอดจำหน่ายหายไปหลักพันคันในช่วงเวลาดังกล่าว
นอกจากนี้ ยังมีสัญญาณบวกที่ดีในปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นยอดขายของเมอร์เซเดส-เอเอ็มจีที่เพิ่มสูงขึ้น 14.9% หรือเติบโตถึง 33.9% ในช่วงไตรมาส 4 แสดงให้เห็นว่าความต้องการรถยนต์สมรรถนะสูงจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ยังคงเพิ่มขึ้น หรือ Mercedes-Benz V-Class ก็เติบโต 59.2% เช่นกัน
โรแลนด์กล่าวว่าสถานการณ์ในช่วงที่ผ่านมาตลอด 20 ปี ถือเป็นเรื่องประหลาดที่บริษัทที่ขายของแพงที่สุดกลับมีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด และหากย้อนกลับไปเมื่อปีที่ผ่านมา เราก็เชื่อว่าเราทำสิ่งที่ถูกด้วยการเลือกที่จะรักษาผลประโยชน์ของตัวแทนจำหน่าย เพื่อให้อยู่รอดได้อย่างดีในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
"สิ่งที่เราทำได้นั้นถือว่าไม่พลาด แต่สิ่งที่เราพลาดคือความคาดหวังของตลาดที่เราไม่มีสินค้ามารองรับความต้องการ ข้อดีก็คือจำนวนสต็อกรถที่ดีลเลอร์ต่ำมากในช่วงนี้ ซึ่งพอเกิดสถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่ กลับกลายเป็นผลดีต่อการทำตลาดของตัวแทนจำหน่ายของเราในปัจจุบัน"
โรแลนด์กล่าวว่าในปี 2564 นั้น บริษัทมองว่าสถานการณ์จะกลับมาดีขึ้น และเมื่อมองไปที่ความพร้อมของบริษัททั้งเรื่องของสินค้า เครือข่ายตัวแทนจำหน่ายที่พร้อมที่สุดในประเทศไทย และความแข็งแกร่งที่ผู้แทนจำหน่ายผ่านสถานการณ์ในปีที่ผ่านมาได้ จะทำให้พวกเขาไม่ต้องตอบคำถามเหล่านี้อีกในอนาคต
2021 Mercedes-Benz E-Class 3 รุ่นย่อย เคาะราคา 3.19-3.77 ล้านบาท
เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส คือหนึ่งในรถยนต์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดรุ่นหนึ่งของแบรนด์ ด้วยยอดจำหน่ายสะสมมากถึง 14 ล้านคันทั่วโลกหลังเปิดตัว โดยการเปิดตัวในประเทศไทยในปีนี้ มาพร้อมทางเลือกเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริดและดีเซล ด้วยทางเลือก 3 รุ่นย่อยในการทำตลาด
เครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริด เจนเนอเรชั่นที่ 3 ของค่ายถูกนำมาติดตั้งในรุ่นอี300 อี อวานการ์ด ราคา 3.19 ล้านบาทและอี 300 อี เอเอ็มจี ไดนามิค ค่าตัว 3.77 ล้านบาท ขณะที่รุ่นอี 220 ดี จะเป็นเครื่องยนต์ดีเซล สมรรถนะสูงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยมาตรฐานยูโร 6 วางราคาจำหน่าย 3.54 ล้านบาท
โฟลเกอร์กล่าวถึงรถรุ่นนี้ว่า เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส ใหม่ ได้ยกระดับความหรูหราและสะดวกสบายเพิ่มขึ้นในทุกรายละเอียด ภายใต้ดีไซน์ใหม่สุดโฉบเฉี่ยว ผสานความหรูหราและความสปอร์ตเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ตั้งแต่ดีไซน์ภายนอกทั้งในส่วนของตัวถัง กระจังหน้า ไฟหน้าและไฟท้าย
ราคาจำหน่าย 2021 Mercedes-Benz E-Class |
E 300 e Avangarde |
3.19 ล้านบาท |
E 220 d AMG Sport |
3.54 ล้านบาท |
E 300 e AMG Dynamic |
3.77 ล้านบาท |
ห้องโดยสารภายในที่หรูหราและสะดวกสบายในทุกรายละเอียด ระบบความปลอดภัยที่ครบครัน ทำให้มั่นใจว่ารถรุ่นนี้จะเป็นรถยนต์รุ่นใหม่ที่พร้อมสร้างความคึกคักให้กับตลาดรถยนต์ลักชัวรีในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 ก่อนที่เราจะมีรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ทยอยมาสร้างความตื่นเต้นในปีนี้
เครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 4 สูบขนาด 1,991 ซีซี ผสานพลังมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 320 แรงม้า อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 5.7 วินาที อีกหนึ่งทางเลือกคือเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบขนาด 1,950 ซีซี. ให้กำลัง 194 แรงม้า พร้อมอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 7.3 วินาที
ดีไซน์ภายนอกโดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ของชุดแต่งเอเอ็มจี ที่มีการปรับดีไซน์ใหม่ให้ดูล้ำสมัยยิ่งขึ้น ด้วยกระจังหน้าแบบ diamond radiator ไฟหน้าแบบมัลติบีมแอลอีดีและไฟท้ายแบบแอลอีดีทั้งระบบ ออกแบบให้เข้ากันกับกันชนท้ายและฝากระโปรงท้ายดีไซน์ใหม่ และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 19 นิ้ว
หลังคาแก้วแบบพาโนรามิกที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าในรุ่นท็อป ห้องโดยสารโดดเด่นด้วยดีไซน์ที่หรูหราและสะดวกสบาย ชุดตกแต่งภายในแบบเอเอ็มจี พวงมาลัยดีไซน์สปอร์ตใหม่แบบ 3 ก้านท้ายตัด พร้อมปุ่มควบคุมแบบสัมผัส พร้อมเบาะนั่งแบบสปอร์ต คอนโซลหุ้มด้วยหนัง ARTICO ตลอดทั้งคัน
ไฟรอบรอบห้องโดยสารแบบพรีเมียม สามารถเลือกปรับได้มากถึง 64 เฉดสี พร้อมอนิเมชั่นเปลี่ยนสีอัตโนมัติแบบเคลื่อนไหวให้เลือกได้มากถึง 10 แบบ เพลิดเพลินตลอดการเดินทางด้วยระบบเสียงรอบทิศทางจากเบอร์เมสเตอร์ พร้อมลำโพง 13 ตำแหน่ง ให้เสียงกระหึ่มรอบทิศทาง
มาพร้อมระบบความปลอดภัยที่ล้ำหน้า อาทิ ระบบแจ้งเตือนขณะเปลี่ยนช่องจราจร พร้อมระบบแจ้งเตือนก่อนเปิดประตู ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน ระบบช่วยเหลือก่อนเกิดอุบัติเหตุ พร้อมเซ็นเซอร์รอบคันจำนวน 12 จุด พร้อมระบบช่วยการนำรถเข้าจอด และกล้องแสดงภาพรอบคันแบบ 360 องศา
Mercedes-Benz E-Class ใหม่ ผสานทุกการควบคุมผ่านระบบ MBUX รุ่นล่าสุดที่แสดงผลผ่านหน้าจอขนาด 12.3 นิ้วจำนวน 2 หน้าจอ ฟังก์ชันการติดต่อสื่อสารกับศูนย์บริการได้โดยตรงทั้งการสั่งงานผ่านหน้าจอรถยนต์ หรือผ่านแอปพลิเคชัน Mercedes me ที่ควบคุมรถยนต์จากระยะไกลผ่านโทรศัพท์มือถือได้
ทั้งนี้ 2021 เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส เป็นรถใหม่รุ่นที่ 2 ของค่ายรถยนต์ตราดาวที่เปิดตัวในประเทศไทยปีนี้ โดยที่ก่อนหน้านี้ พวกเขาได้เปิดตัวรถเอสยูวีรุ่นใหญ่อย่าง Mercedes-Benz GLS ที่ประกอบในประเทศ ทำราคาจำหน่ายลดลงไปกว่า 2 ล้านบาท เรียกเสียงฮือฮาในกลุ่มลุกค้ารถยนต์กลุ่มหรูหราพอสมควร
รายละเอียดทางเทคนิค |
|
E 300 e |
E 220 d |
เครื่องยนต์ |
PHEV |
ดีเซลเทอร์โบ |
ความจุ |
1,991 ซีซี. |
1,950 ซีซี. |
กำลังสูงสุด |
211 แรงม้า |
194 แรงม้า |
แรงบิดสูงสุด |
350 นต-ม |
400 นต-ม |
กำลังรวม |
320 แรงม้า |
N/A |
แรงบิดรวม |
700 นต-ม |
N/A |
0-100 กม./ชม. |
5.7 วินาที |
7.3 วินาที |
ความเร็วสูงสุด |
250 กม./ชม. |
240 กม./ชม. |