ลองรถ Isuzu ที่ใช้เครื่องยนต์ใหม่ ดีเซล 2.2 ลิตร กับตัวถังกระบะ D-Max และรถอเนกประสงค์ MU-X ขับบนสนามแข่งแบบปิด เพื่อรีดเค้นสมรรถนะให้ครบทุกย่านความเร็ว เพื่อทดสอบว่ามันจะแรงสมกับที่เขาโฆษณาเอาไว้มากแค่ไหน

เน้นลองพลัง

การลองขับบนสนามเซอร์กิตครั้งนี้ เราไม่ได้เน้นทดสอบการเข้าโค้ง เพราะนั่นไม่ใช่จุดประสงค์ของรถยนต์รุ่นใหม่ ที่เปลี่ยนเครื่องยนต์ความจุมากขึ้น จากเดิม 1.9 ลิตร เพิ่มเป็น 2.2 ลิตร พร้อมด้วยการปรับปรุงลูกสูบ เสื้อสูบ ก้านสูบ เพลาข้อเหวี่ยง เรียกว่าลงทุนเปลี่ยนไส้ในใหม่ ซึ่งทางบริษัทอ้างว่ามีกำลังมากขึ้น ดังนั้นเราจึงต้องจับรถทั้ง 2 รุ่นมาลงสนามปิดแบบนี้ เพื่อให้หายคาใจ โดยขับแบบไม่มีผู้โดยสารหรือสัมภาระใดๆ

ลืมเครื่อง 1.9 ไปเลย

Isuzu D-Max 2.2 รุ่นตัวถัง 4 ประตูเกียร์ออโต้ มีการออกตัวจากหยุดนิ่งทำได้พุ่งเร็วกว่ารุ่น 1.9 ที่ทีมงานเคยลองก่อนหน้านี้ ซึ่งเราจำความหงุดหงิดของการขับรุ่น 1.9 แบบนั้นได้ดี เรารู้สึกถึงความแตกต่างตั้งแต่การจุ่มคันเร่งลงไปครึ่งนึง นอกจากความดีด้านเครื่องยนต์แล้ว ยังต้องขอบคุณอัตราทดเฟืองท้ายใหม่ ที่มีรอบจัดจ้านขึ้นอย่างรู้สึกได้ทันที และเมื่อเราขับรถกรอความเร็วคาอยู่ที่ความเร็ว 60 กม./ชม.จากนั้นก็จุ่มแป้นคันเร่งติดพื้นทันที มันมีความล่าช้านิดหน่อยก่อนที่เกียร์คิดดาวน์ส่งกำลังเร่งออกมา โดยรวมนับว่าเร็วขึ้นจนน่าพอใจแล้ว แต่ถ้าอยากได้เร่งติดเท้ามากกว่า การใส่กล่องคันเร่งไฟฟ้าเพิ่มเติม ก็เป็นการแก้ไขความใจร้อนของแต่ละบุคคลไปได้

MU-X แรงเร่งนิ่ม

เช่นเดียวกับ Isuzu MU-X 2.2 RS ตัวท็อปสุดของเครื่อง 2.2 มีสเปคน้ำหนักมากกว่ารถกระบะ แต่เครื่อง 2.2 ก็ยังแบกไว้ได้อยู่หมัด ยังออกตัวเร็วขึ้นกว่ารุ่นเครื่อง 1.9 ลิตรชัดเจน โดยยังมีการหน่วงคันเร่งไว้อยู่ ซึ่งป้องกันการกระชากผู้โดยสารหลังติดเบาะ ให้ความนุ่มนวลเวลาเร่งแซง ซึ่งถ้ายังไม่ทันใจ เราก็ยังมีแป้นแพดเดิ้ลชิฟต์ให้เล่น ซึ่งลดเวลาคิกดาวน์ไปได้อีกเล็กน้อย ทำให้เรายัดโค้งด้วยเกียร์ 3 แล้วเร่งออกตัวอย่างฉับไว รอบเครื่องกวาดขึ้นเร็วมาก จนแทบตบแป้นเปลี่ยนเกียร์ไม่ทัน

สมดุลย์หน้าไม่เสีย

การเข้าโค้งในทริปนี้ เราไม่เน้นมากนัก เพราะรถยังเป็นช่วงล่างเดิม มีความแตกต่างอยู่บ้างตรงน้ำหนักเครื่องเพิ่มขึ้นตามทฤษฎี แต่ก็ยังไม่มีผลต่อความคล่องตัว ยัดโค้งแล้วหน้าไม่ดื้อ อาการคล้ายกับรุ่นเครื่อง 1.9 โดยคงคุณสมบัติพวงมาลัยไฟฟ้าเบาแรงเช่นเดิม 

เร่งแซงไหลได้ยาวถึง 140

นอกจากลองเร่งจากความเร็ว 60 กม./ชม.แล้ว เรายังลองจุ่มคันเร่งตอนรถอยู่ความเร็ว 100 กม./ชม. จำลองสถานการณ์เร่งแซงรถอื่นบนทางหลวง พบว่ายังเร่งต่อเนื่องไปได้ถึง 140 กม./ชม. ซึ่งนับว่ามากเกินพอสำหรับคนทั่วไปแล้ว แต่เราเห็นว่ายังจุ่มคันเร่งลองไต่ขึ้นไปถึงความเร็วช่วงปลาย จนหมดทางตรงของสนามทดสอบ พบว่าความเร็วหลังจาก 140 ยังไหลไปได้เรื่อยๆ ทำได้สูงสุดเกือบ 160 กม./ชม.ก่อนจะต้องเบรคและเข้าโค้ง ซึ่งเราลองขับทั้ง 2 รอบด้วยความเร็วสูงทุกรอบ ก็พบว่าเบรคยังไม่เฟด 

การขับตลอดการทดสอบนี้ เราเปิดแอร์เย็นจัดตลอดการซิ่งบนสนาม มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงบนหน้าจออยู่ที่ประมาณ 9.8 กม./ล. ซึ่งอาจจะยังไม่แม่นยำนัก เพราะรถยังใหม่ไม่พ้นระยะรันอิน แต่ก็ควรทราบไว้เป็นข้อมูล เผื่อใครขับในลักษณะคล้ายกันนี้

ข้อสังเกตในรถ Isuzu รุ่นใหม่นี้ ไม่ใช่ตรงเครื่องยนต์ แต่เป็นแป้นเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัย ควรย้ายมาติดคอพวงมาลัย และอยากให้ปรับปรุงระยะป้นคันเร่งที่ยีงหน่วงไม่ทันใจวัยรุ่น แต่อาจจะถูกใจผู้ใหญ่ที่ชอบเร่งแซงนุ่มๆ มากกว่าการกระชากติดเบาะพรวดเดียว

ต่อยอดได้อีกเยอะ

Isuzu ดีเซล 2.2 ออกตัวโดดเด่น อัตราเร่งแซงดีขึ้น สมดุลย์รถไม่เสีย สิ่งสุดท้ายที่เราคาดหวังในอนาคตคือ อยากจะเห็นเครื่อง 2.2 Maxforce บล็อคนี้ไปประกบเทอร์โบคู่ หรือพ่วงมอเตอร์ไฟฟ้าในอนาคต ซึ่งเราเชื่อมั่นว่ามันมีศักยภาพมากพอที่จะเป็นพลังใหม่กำหนดโลก สมกับสโลแกนดังกล่าวครับ

อ่านเพิ่มเติม : Isuzu เปิดตัวเครื่อง 2.2 Maxforce สเปค 163 แรงม้า เกียร์ 8 สปีดใหม่ ราคาเพิ่ม 1 หมื่นจากรุ่น 1.9