Honda (ฮอนด้า) ผู้นำตลาดรถยนต์นั่งในประเทศไทย ประกาศเป้าหมายการจำหน่ายรถยนต์นั่งในประเทศไทยปีนี้ลดลง 25% จากผลกระทบเศรษฐกิจในภาพรวม ซึ่งจะทำให้ยอดจำหน่ายของฮอนด้าในประเทศไทยลดลงต่ำกว่า 1 แสนคันเป็นครั้งแรก หลังจากประสบปัญหาภาวะน้ำท่วมใหญ่ครั้งล่าสุด
พิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ยอดจำหน่ายรถยนต์ของฮอนด้าในปี 2563 น่าจะทำได้ที่ 9.5 หมื่นคัน ลดลงจากปีก่อนหน้า 25% และจะเป็นยอดจำหน่ายที่ต่ำกว่า 1 แสนคันเป็นครั้งแรกนับจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่
สำหรับภาพรวมของตลาดรถยนต์ในประเทศไทยปีนี้ น่าจะทำได้ที่ระดับ 6.8 แสนคัน หรือมียอดขายลดลง 32% จากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยที่เริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น พร้อมกันนี้ ฮอนด้าได้ประกาศทิศทางการดำเนินธุรกิจที่ตอบรับความต้องการของผู้บริโภคด้วยกลยุทธ์ด้านดิจิทัล
ภาพรวมเศรษฐกิจครึ่งแรกปี 2563
พิทักษ์ระบุว่าผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ประชาชนต้องปรับเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิต ผู้บริโภคไม่กล้าใช้จ่ายและชะลอการตัดสินใจซื้อสินค้า ภาคธุรกิจทั้งประเทศหยุดชะงัก ส่งผลต่อยอดขายในครึ่งปีแรกที่ทำได้ 325,773 คัน ลดลง 38.7% โดยตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลมียอดขาย 141,366 คัน ลดลง 41.8%
การแพร่ระบาดอย่างรุนแรงของโควิด-19 ในช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน ส่งผลกระทบต่อยอดขายรถยนต์เป็นอย่างมาก แต่ก็มีทิศทางที่ดีขึ้นด้วยยอดขายที่เริ่มฟื้นกลับขึ้นมาตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคม ส่งผลให้ 6 เดือนแรกของปีนี้ ฮอนด้ามียอดขายรวม 41,326 คัน มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 29.2%
ทั้งนี้ ฮอนด้ายังสามารถครองยอดขายเป็นอันดับหนึ่งในตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในประเทศไทยเอาไว้ได้ แต่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ก็พบว่ามีอัตราลดลง 36.1% และถึงแม้จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว แต่ฮอนด้าก็ยังมีอัตราการเติบโตที่ดีกว่าตลาดรถยนต์ส่วนบุคคลโดยรวม
ฮอนด้ายังครองแชมป์ตลาดรถยนต์นั่ง
แม้ยอดขายจะหดตัวอย่างรุนแรง แต่ฮอนด้าก็ยังสามารถรักษายอดจำหน่ายเอาไว้ได้เหนือกว่าตลาด และยังรักษาความเป็นผู้นำตลาดเอาไว้ได้ในเกือบทุกเซกเมนต์ โดยกลุ่มรถยนต์ซับคอมแพคท์ซีดาน Honda City (ฮอนด้า ซิตี้) ยังได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่องเป็นอันดับ 1 ด้วยยอดขาย 16,950 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 39.3%
ขณะที่กลุ่มรถยนต์คอมแพคท์ Honda Civic (ฮอนด้า ซีวิค) และ Honda Civic Hatchback (ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก) ก็ยังครองความเป็นผู้นำตลาดด้วยยอดขาย 8,656 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 56.7% และกลุ่มรถยนต์นั่งสำหรับครอบครัว Honda Accord (ฮอนด้า แอคคอร์ด) มียอดขาย 2,270 คัน ส่วนแบ่งตลาด 45.3%
ขณะที่กลุ่มรถยนต์สปอร์ตเอนกประสงค์ ฮอนด้าก็ครองแชมป์เช่นกัน โดยกลุ่มรถยนต์สปอร์ตเอนกประสงค์ขนาดกลาง Honda HR-V (ฮอนด้า เอชอาร์-วี) มียอดขายสะสม 3,667 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 33% และกลุ่มรถยนต์สปอร์ตเอนกประสงค์ขนาดใหญ่ Honda CR-V (ฮอนด้า ซีอาร์-วี) มียอดขายสะสม 1,978 คัน ส่วนแบ่งตลาด 43%
ชี้ตลาดครึ่งปีหลังยังอ่อนไหว ต้องจับตาใกล้ชิด
พิทักษ์กล่าวถึงภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ โดยระบุว่าในช่วงครึ่งปีหลัง สถานการณ์โควิดในประเทศไทยเริ่มคลี่คลาย ทิศทางตลาดของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมีแนวโน้มดีขึ้นกว่าในช่วงต้นปีแรก แต่ก็ยังคงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องและใกล้ชิด
เป็นเพราะตลาดยังมีความอ่อนไหวจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดอีก ก็อาจทำให้ประชาชนกลับมาระมัดระวังการใช้ชีวิตและการใช้เงินอีกครั้ง ซึ่งฮอนด้าได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการดำเนินงานในหลายด้านเพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมของลูกค้าในยุคใหม่อย่างต่อเนื่อง
"เรายังคงมาตรการการเว้นระยะห่างทางสังคม หรือ Social Distancing ในโชว์รูมและศูนย์บริการ รวมถึงทุกพื้นที่ในการดำเนินธุรกิจอย่างเข้มงวดต่อไป ฮอนด้าคาดว่าตลาดรถยนต์รวมในปี 2563 จะมียอดขายรวม 6.8 แสนคัน ลดลงจากปีก่อน 32% โดยเป็นส่วนของรถยนต์นั่งส่วนบุคคล 3.04 แสนคัน ลดลงจากปีก่อน 35%"