หลังจากปล่อยให้แฟน ๆ รอกันมานาน รถยนต์รุ่นที่ 2 ของ Great Wall Motors (เกรทวอลล์มอเตอร์ส) ที่จะทำตลาดในไทยอย่าง ORA Good Cat (ออร่า กู๊ดแคท) ก็เปิดให้ลูกค้าได้จับจองผ่านแอพพลิเคชั่น GWM อย่างเป็นทางการไปในช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา
รูปแบบการให้บริการไม่ได้แตกต่างจากตอนเปิดให้จอง Haval H6 HEV (ฮาวาล เอช6 เอชอีวี) มากนัก โดยลูกค้าของ ORA (ออร่า) สามารถเข้าไปจองสิทธิ์การเป็นลูกค้ารายแรก ๆ ได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 29 ตุลาคมนี้ ที่คาดว่าจะเป็นการประกาศราคา
โดยจีดับบลิวเอ็มได้ทำการเปิดเผยรายละเอียดที่น่าสนใจสำหรับรถที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยผ่านแอพพลิเคชั่น เพื่อเป็นข้อมูลให้แฟน ๆ สามารถใช้เป็นข้อมูลเบื้องต้นในการตัดสินใจเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของค่าย ว่าน่าใช้งานขนาดไหน
วางขาย 3 รุ่นย่อย 2 ระยะขับเคลื่อน พร้อมสีที่หลากหลาย
แน่นอนว่าราคาจำหน่ายอาจจะยังไม่ประกาศออกมา แต่เราก็คาดการณ์ว่ารุ่นล่างสุดนั้นน่าจะต่ำกว่า 1 ล้านบาทแน่นอน ขณะที่รุ่นท็อปน่าจะเห็นเกินล้านไปนิดหน่อย อุปกรณ์ก็อาจจะมีความแตกต่างกันบ้าง แต่แน่นอนว่าจะต้องจัดเต็มทั้งหมดในรุ่นสูงสุด
ออร่า กู๊ดแคทจะถูกวางจำหน่ายในประเทศไทยใน 3 รุ่นย่อย ประกอบไปด้วยรุ่นท็อปอย่าง ULTRA ที่มาพร้อมระยะการวิ่ง500 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง มาพร้อมหลังคาพาโนรามิกซันรูฟ พร้อมระบบความปลอดภัย Intelligent Safety เหนือกว่าคู่แข่ง
สีตัวถังให้เลือกได้ 7 สี ประกอไปด้วย สีขาว Hamiltion White สีดำ Sun Black สีฟ้า Coral Blue และมีทางเลือกสีแดง Mars Red หลังคาดำ สีขาวหลังคาดำ สีทอง Hazel Wood Beige หลังคาน้ำตาล รวมไปถึงสีเขียว Verdant Green หลังคาขาวอีกด้วย
ห้องโดยสารของรุ่นท็อปนั้นจะมาพร้อมการตกแต่งด้วยหนังสีดำ Leather Black เกือบทุกสีตัวถัง ยกเว้นรถยนต์สีทองที่จะมาพร้อมห้องโดยสารสีน้ำตาล Brown&Beige และสีเขียวที่มาพร้อมห้องโดยสารสีเขียวตัดกับเทา Green&Gray สวยไปคนละแบบ
รุ่นรองท็อป PRO มาพร้อมระยะทางวิ่งสูงสุด 400 กิโลเมตร มีตัวถังให้เลือก 5 สี ประกอบไปด้วยสีขาว สีดำ และสีฟ้า เป็นสีพื้น ขณะที่รุ่นหลังคาสีดำจะมาพร้อมกับตัวถังสีแดงหรือสีขาว ห้องโดยสารภายในตกแต่งด้วยหนังสีดำเหมือนกันกับในรุ่นท็อป
ขณะที่รุ่นเริ่มต้นอย่าง TECH ก็มาพร้อมระยะทางวิ่ง 400 กิโลเมตรเช่นกัน แต่มีทางเลือกของสีตัวถังให้เลือกแค่สีขาวและสีดำเท่านั้น พร้อมห้องโดยสารสีดำที่ตกแต่งด้วยผ้า Fabric Black ซึ่งยังไม่ได้ระบุว่าจะมีอะไรที่แตกต่างจากรุ่นพี่มากน้อยขนาดไหน
ในแอพพลิเคชั่นยังไม่ได้แสดงรายละเอียดที่แตกต่างกันของรถแต่อย่างใด ตัวรถมาพร้อมการตกแต่งที่ทันสมัยแบบย้อนยุค ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วในรุ่นท็อป หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ในรถ และเกียร์แบบหมุน ที่ทำให้รถดูทันสมัยสมกับเป็นรถไฟฟ้า
มาพร้อมแพคเกจ ULTRA DEAL มูลค่ากว่า 2 แสนบาท
สำหรับลูกค้าที่กดจองรถยนต์คันนี้ตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม - 29 ตุลาคม ก่อนเวลา 18.00 น. ซึ่งคาดว่าจะเป็นการประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการของรถคันนี้ จะได้รับแพคเกจ ULTRA DEAL ที่ทางออร่าคุยว่ามีมูลค่ารวมกว่า 2 แสนบาทเลยทีเดียว
แพคเกจดังกล่าวประกอบไปด้วย การผ่อน 0% นาน 48 เดือน โฮมชาร์จเจอร์ที่ติดตั้งให้ฟรีที่บ้าน พร้อมรับประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี ฟรี การให้บริการบำรุงรักษานาน 5 ปี รวมค่าแรงและค่าอะไหล่ พร้อมให้บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี ฟรี
นอกจากนี้ ยังมีบริการส่งมอบรถยนต์ทั่วประเทศฟรี พร้อมรับ GWM Point มากถึง 3 หมื่นคะแนน นอกจากนี้ ยังได้รับสิทธิ์การเรียกใช้บริการรับ-ส่งมอบรถเข้าศูนย์บริการ อินเตอร์เนต 3 กิกกะไบท์ต่อเดือนนาน 5 ปี และได้กรอบป้ายทะเบียนและพรมปูรถ
รถยังมาพร้อมการรับประกันคุณภาพนาน 5 ปีหรือ 1.5 แสนกิโลเมตร พร้อมรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี ไม่จำกัดระยะทาง ลูกค้าที่จองรุ่นระยะทาง 400 กิโลเมตร จะได้รับรถยนต์ภายใน 4-6 สัปดาห์ ขณะที่รุ่นท็อปต้องรอรถถึงปลายเดือนธันวาคมเลยทีเดียว
เกรทวอลลมอเตอร์ส จะจัดการทดสอบรถใหม่รุ่นนี้อย่างเป็นทางการในประเทศไทยครั้งแรกกันในช่วงต้นสัปดาห์หน้า ซึ่ง AutoFun Thailand ก็ไม่พลาดไปร่วมทริป ใครอยากรู้อะไรเพิ่มเติม ก็ฝากคำถามมากันได้เลยนะครับ จะไปหาคำตอบมาให้
ทำไมออร่า กู๊ดแคท จึงเป็นรถที่น่าสนใจ
หากพูดกันในวันที่ยังไม่รู้ราคาจำหน่าย รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของจีดับบลิวเอ็มก็เรียกเสียงฮือฮามานับตั้งแต่วันที่มาจัดแสดงในงานมอเตอร์โชว์ ด้วยรูปร่างที่น่ารักและความเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่มีระยะทางวิ่งที่น่าสนใจ ในราคาที่คาดว่าจับต้องกันได้
รถรุ่นนี้จะมาพร้อมแบตเตอรี่ 2 ขนาด เริ่มจากรุ่น 47.8 กิโลวัตต์ชั่วโมงที่มีระยะทางขับขี่ 401 กิโลเมตร และรุ่น 59.1 กิโลวัตต์ชั่วโมงที่มีระยะทางขับขี่ 501 กิโลเมตร การชาร์จไฟโหมดปกติใช้เวลา 8 ชั่วโมง ขณะที่โหมดเร็วจาก 30-80% ใช้เวลา 30 นาที
สำหรับมอเตอร์ไฟฟ้าของ ORA Good Cat มี 1 ตัว ให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้า (105 กิโลวัตต์) พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร ทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งถือว่าเพียงพอแล้วทั้งการใช้งานในเมืองและนอกเมืองแบบสบาย
เพียบพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวก หน้าจอความละเอียดสูงที่เชื่อมต่อกันระหว่างมาตรวัดและอินโฟเทนเมนท์มีขนาดใหญ่ถึง 17.25 นิ้ว รองรับระบบปฏิบัติการ Coffee Intelligent Car Control System เพื่อความสะดวกในการใช้งานควบคุมรถ
มีระบบสั่งการด้วยเสียง ระบบตรวจจับใบหน้า ระบบตรวจจับลายนิ้วมือ ช่องชาร์จไฟและเชื่อมต่อยูเอสบี เบาะปรับไฟฟ้าพร้อมฟังก์ชั่นนวด ระบบปรับโหมดการขับขี่ด้วย AI เบาะหุ้มหนัง และฟังก์ชั่นชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สาย ที่ติดตั้งมาให้ทั้งหมด
ระบบความปลอดภัยเต็มที่ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน ระบบป้องกันการชนด้านหน้า ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน ระบบตรวจจับมุมอับสายตา ระบบตรวจจับสัญญาณจราจร ระบบช่วยเหลือขับขี่ผ่านทางแยก
ระบบตรวจจับความเมื่อยล้า ระบบเตือนการจราจรตัดขวางด้านหลัง และระบบเตือนเปิดประตู มาพร้อมกล้องมองภาพรอบคัน ระบบสั่งการด้วยเสียงเพื่อช่วยจอดอัตโนมัติ ตลอดจนถุงลมนิรภัยอีก 6 ตำแหน่ง ยังไม่นับรวมระบบมาตรฐานที่ให้มาล้นคัน
คำถามคือ เวอร์ชั่นไทยจะถูกตัดออกหรือไม่ และราคาจะเป็นอย่างไร สิ้นเดือนนี้รู้กัน!!!