2019 Honda Accord (2019 ฮอนด้า แอคคอร์ด) เจนเนอเรชั่นที่ 10 ของรถยนต์นั่งระดับดี-เซกเมนต์จากค่ายฮอนด้า (Honda) หนึ่งในผู้นำของเซกเมนต์นี้ในประเทศไทย ที่แม้ว่ายอดขายของเซกเมนต์จะหดตัวลงไป แต่พวกเขาก็ยังเดินหน้าเปิดตัวสินค้าใหม่มาท้าชิงยอดอยู่ดี
แอคคอร์ดนั้นเป็นหนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโยีของรถในคลาสนี้พวกเขาแนะนำเครื่องยนต์ไฮบริดให้กับตลาด พร้อมด้วยเทคโนโลยีมากหน้าหลายตา แม้แต่ในรุ่นล่าสุดนี้ พวกเขาก็มาพร้อมของเล่นใหม่มากหน้าหลายตา ที่ถือว่าเป็นการเข้ามาสร้างมาตรฐานให้กับตลาดอีกครั้ง
ราคาจำหน่ายใน 3 รุ่นย่อยตั้งแต่ 1.47-1.799 ล้านบาทนั้น แน่นอนว่าทำให้รถในแต่ละรุ่นย่อยมีความแตกต่างกันพอสมควร ทั้งเรื่องของระบบขับเคลื่อน สมรรถนะ รวมถึงของเล่นในรถที่เพิ่มเติมขึ้นไปตามลำดับ มาดูกันว่า 7 สิ่งที่เราประทับใจในรถคันนี้ มีอะไรบ้าง ตามมาได้เลย
1.หน้าตาวัยรุ่นสุดฤทธิ์
แม้จะเป็นพี่ใหญ่ในกลุ่มตลาดรถยนต์นั่งของค่าย แต่แอคคอร์ดใหม่นั้นกลับออกแบบมาอย่างน่าสนใจ ด้วยการพัฒนารูปลักษณ์ของตัวเองให้มีความสปอร์ตเร้าใจ ซึ่งทำให้ตัวรถดูเหมือนรถยนต์ในกลุ่มซี-เซกเมนต์เข้าไปทุกที เรียกว่าเป็นผู้ใหญ่หน้าเด็กก็ไม่ผิด
อย่างไรก็ตาม แอคคอร์ดนั้นมาพร้อมความหรูหราในระดับพรีเมียม ด้วยชุดโคมไฟรอบคันแบบแอลอีดี ล้อแมกซ์ขนาด 17 หรือ 18 นิ้วตามรุ่น ท่อไอเสียแบบคู่ในรุ่นเทอร์โบ หลังคาซันรูฟในรุ่นท็อป เรียกว่าแม้จะทำตัววัยรุ่น แต่หากถามถึงความหรูก็ยังมีให้อยู่
2.ห้องโดยสารโอ่อ่าตามสไตล์
แม้จะมีมิติตัวถังที่สั้นลง 10 มิลลิเมตร และเตี้ยลง 15 มิลลิเมตร แต่พวกเขาก็ยังรักษาความโอ่อ่าของห้องโดยสารเอาไว้ได้อย่างสวยงาม ด้วยขนาดความกว้างที่กว้างขึ้น 10 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อที่ยาวกว่ารุ่นเก่าถึง 55 มิลลิเมตร สามารถออกแบบได้อย่างดี
ห้องโดยสารที่ได้รับการตกแต่งด้วยวัสดุพรีเมียม ลายไม้สีเข้มและโลหะสีเงินในตำแหน่งต่าง ๆ ด้วยระยะฐานล้อที่เพิ่มขึ้น ทำให้ย้ายแบตเตอรี่ของไฮบริดมาไว้ที่ใต้เบาะโดยสารหลังได้ ทำให้ห้องเก็บสัมภาระไม่โดนเบียดบังพื้นที่อีกต่อไป ใช้งานยังไงก็สะดวก
3.เครื่องยนต์เทอร์โบครั้งแรก
ฮอนด้าเลือกใช้เครื่องยนต์เทอร์โบเป็นครั้งแรกของรถยนต์ระดับดี-เซกเมนต์ ซีดาน ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการหยิบยืมจากรุ่นน้องอย่างฮอนด้า ซีวิค (Honda Civic) มาพัฒนานั่นล่ะ และมีทางเลือกให้เลือกเพียงรุ่นย่อยเดียว ทำการจำหน่ายในราคา 1.475 ล้านบาทเท่านั้น
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 243 นิวตันเมตรที่ 1,500 – 5,000 รอบต่อนาที ให้กำลังมากกว่าซีวิค 17 แรงม้า 23 นิวตันเมตร พร้อมโม้ว่าเครื่องแรงกว่า 2.4 ลิตรเดิม แต่ประหยัดกว่า 2.0 ลิตรด้วยนะ
4.ไฮบริดตัวใหม่น่าใช้งาน
ตัวท็อป 2 รุ่นมาพร้อมเครื่องยนต์ไฮบริดเจนเนอเรชั่นใหม่ เป็นการทำงานร่วมกันของเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1,993 ซีซี. ให้กำลังสูงสุด 145 แรงม้าที่ 6,200 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 175 นิวตันเมตรที่ 3,500 รอบต่อนาที ทำงานคู่กับ มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว
ตัวมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 184 แรงม้าที่ 5,000 – 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 315 นิวตันเมตรที่ 0 – 2,000 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกันให้กำลังรวม 215 แรงม้า ที่ 6,200 รอบต่อนาที มาพร้อมโหมดการขับขี่ที่สามารถเลือกได้ตามใจชอบถึง 4 โหมดตามความต้องการ
5.ความปลอดภัยล้นคัน
นอกจากถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่งแถว ในรุ่นไฮบริดยังได้รับการติดตั้งระบบความปลอดภัยฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ที่ประกอบด้วยระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ และระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ
รวมถึงระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนน พร้อมระบบช่วยเบรก ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมปรับความเร็วตามคันหน้า แถมด้วยระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง และระบบช่วยจอดอัตโนมัติ พร้อมระบบช่วยเบรก ในรุ่นท็อปอีกด้วย
6.อุปกรณ์ช่วยเหลือการขับขี่
รุ่นท็อปอย่าง 2.0 ไฮบริด เทค มาพร้อมอุปกรณ์ช่วยเหลือด้านการขับขี่เต็มคัน โดยมีสิ่งที่เพิ่มมาได้แก่ ระบบแสดงข้อมูลการขับขี่ที่กระจกบังลมหน้า เซนเซอร์กะระยะช่วยจอดด้านหน้า 4 ตำแหน่ง เซนเซอร์กะระยะช่วยจอดด้านหลัง 4 ตำแหน่ง และกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา
รุ่นรองลงมามีอุปกรณ์เด่น ๆ อาทิ ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ระบบแจ้งเตือนแรงดันลมยาง ขณะที่อุปกรณ์มาตรฐานสำหรับทุกรุ่นก็ไม่ธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นเบรกมือไฟฟ้า พร้อมระบบออโต้เบรกโฮลด์ กล้องมองภาพขณะถอยจอด ปรับมุมมองได้ 3 ระดับ เป็นต้น
7.การรับประกันเพิ่มความมั่นใจ
ฮอนด้าได้ขยายเวลาการรับประกันฮอนด้า แอคคอร์ดออกไปสูงสุด โดยผู้ที่ซื้อรถจะได้รับการรับประกันคุณภาพตัวรถ 3 ปี หรือ 1 แสนกิโลเมตร พร้อมรับโปรแกรมอัลติเมท แคร์ เพิ่มอีก 2 ปีหรือ 4 หมื่นกิโลเมตร รวม ๆ แล้วก็คือได้ไปเลย 5 ปีหรือ 1.4 แสนกิโลเมตร
มาพร้อมโปรแกรมฟรีค่าแรงเช็คระยะ 5 ปีหรือ 1 แสนกิโลเมตร บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี และลูกค้าไฮบริด รับเพิ่มประกันระบบไฮบริดนาน 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และรับประกันแบตเตอรี่นาน 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง ใช้กันยาว ๆ อุ่นใจไป