2020 Nissan Kicks (นิสสัน คิกส์) ครอสโอเวอร์ไฮบริดที่เปิดตัวในประเทศไทย และเริ่มทำการส่งมอบกันในเดือนที่ผ่านมา สามารถสร้างความพึงพอใจให้กับแบรนด์นิสสันได้ในระดับหนึ่ง จากความสนใจของผู้บริโภคที่เดินเข้ามาชมรถ หรือทดลองขับกันที่ตัวแทนจำหน่ายมากขึ้น
ท่ามกลางความสนใจของผู้บริโภคนั้น ก็ย่อมก่อให้เกิดคำถามมากมายในใจเช่นกัน เกี่ยวกับระบบไฮบริดของรถที่มีความแตกต่างไปจากไฮบริดรูปแบบเดิม ๆ ที่คนไทยคุ้นเคยกันอยู่ แน่นอนว่าผู้บริโภคย่อมเกิดความหวั่นไหวว่ารถจะใช้งานได้ดีไหม และจะแตกต่างอย่างไรด้านการดูแลรักษา
อดิศัย สิริสิงห รองประธานสายงานการตลาด บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวยืนยันความยอดเยี่ยมของ 'รถไฟฟ้า' คันนี้เอาไว้อย่างมาก พร้อมให้รายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับรถคันนี้อย่างมากมาย เพื่อหวังคลายความกังวลให้กับผู้บริโภคที่สนใจซื้อรถคันนี้ในอนาคต
ตกลงจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถยนต์ไฮบริด
ด้วยข้อจำกัดของระบบกฎหมายเมืองไทย ทำให้นิสสัน คิกส์ นั้นต้องจดทะเบียนเป็นรถยนต์ไฮบริด ด้วยเหตุผลของการที่ยังมีเครื่องยนต์ที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า และยังปล่อยมลพิษจากเครื่องยนต์ขนาดเล็กอยู่ ทำให้โดยหลักกฎหมายของประเทศไทยแล้ว พวกเขาไม่สามารถเรียกตัวเองว่ารถยนต์ไฟฟ้าได้เต็มรูปแบบ
แต่ในการสื่อสารการตลาดนั้น นิสสันเรียกคิกส์ว่าเป็น 'รถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่ต้องเสียบปลั๊กชาร์จไฟ' ผมถามผู้บริหารว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น คำตอบคือเครื่องยนต์นั้นไม่ได้มีหน้าที่ในการส่งกำลังไปที่ล้อรถแต่อย่างใด แต่การขับเคลื่อนทั้งหมดทำโดยมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้รถคันนี้่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ทั้งหมด
และเมื่อเป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งระบบตามที่นิสสันระบุไว้ ระบบเกียร์ ระบบเบรกและการติดตั้งระบบแป้นคันเร่ง One-Pedal (วัน-เพดัล) ซึ่งเป็นออพชั่นสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าจึงถูกนำมาติดตั้งในรถยนต์รุ่นใหม่ ที่ผลิตในประเทศไทยเป็นแห่งที่ 2 ของโลก และมีการส่งออกกลับไปทำตลาดในประเทศญี่ปุ่นที่มีมาตรฐานอันเข้มงวด
ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาแพงกว่ารถปกติไหม
ปกติรถยนต์ไฟฟ้านั้นขึ้นชื่อเรื่องการบำรุงรักษาที่ไม่ได้แพงมากอยู่แล้ว แต่เมื่อเป็นการผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์ขนาดเล็กและระบบมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้มีคำถามเกิดขึ้นแน่นอนว่า การดูแลบำรุงรักษารถคันนี้นั้น จะมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากรถรุ่นอื่น ๆ หรือไม่ และเมื่อเทียบกับระบบไฮบริดธรรมดาจะเป็นอย่างไร
เหมือนจะรู้ว่าจะโดนถาม ทีมงานนิสสันได้เตรียมการมาอธิบายเลยว่า หากประมาณการค่าใช้จ่ายในการดูแลบำรุงรักษาตลอดระยะเวลา 5 ปีของการใช้งานอยู่ที่ 19,560 บาท คิดเป็นค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่ารถยนต์ไฮบริด 20% มีค่าบำรุงรักษาในการใช้งานเทียบเท่ากับซิตี้คาร์ และต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่งในเซกเมนต์เดียวกัน
ค่าใช้จ่ายที่ถูกนั้นส่วนหนึ่งเป็นเพราะเครื่องยนต์ที่นำมาใช้ในการปั่นไฟเข้าแบตเตอรี่ก็คือเครื่องยนต์ 1.2 ลิตรที่ติดตั้งในอีโคคาร์มานาน และมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาต่ำ จากการที่เครื่องยนต์เองมีรอบเครื่องยนต์ไม่สูงมากอยู่ ประกอบกับระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเองก็มีค่าบำรุงรักษาที่ไม่ได้วุ่นวายอะไรมากมายอยู่แล้ว
นอกจากนี้ นิสสันยังได้เพิ่มความสบายใจในการใช้งานให้กับลูกค้า ด้วยการรับประกันระบบไฟฟ้าอี-พาวเวอร์และอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ นานถึง 5 ปี หรือ 1 แสนกิโลเมตร ซึ่งระบบขับเคลื่อนไฟฟ้านี้ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนของเหลวหรือไส้กรองตลอดอายุการใช้งาน ขณะที่เครื่องยนต์นั้นจะต้องเข้าศูนย์ทุก 6 เดือนหรือ 1 หมื่นกิโลเมตร
รวมไปถึงการรับประกันแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนเป็นระยะเวลาสูงสุดนานถึง 10 ปีหรือ 2 แสนกิโลเมตร เนื่องจากความมั่นใจว่าแบตเตอรี่นั้นมีความคงทนและประสิทธิภาพสูง ซึ่งผมได้ถามว่าหากเสียนอกเวลานั้นจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ นิสสันยังไม่สามารถตอบได้ แต่พวกเขามั่นใจว่าอีก 10 ปี ราคาแบตเตอรี่จะถูกลงแน่นอน
สินค้าสำคัญแห่งอนาคตนิสสัน ประเทศไทย
แม้จะเกิดปัญหาขลุกขลักไปสักเล็กน้อยในช่วงของการเปิดตัว แต่นิสสัน คิกส์ ก็ยังคงเป็นสินค้าหลักที่สำคัญในการทำตลาดของแบรนด์ เพราะการเลือกใช้เทคโนโลยียานยนต์แห่งโลกอนาคตในครั้งนี้ นิสสันเองก็ต้องปรับแผนงาน ปรับวิธีคิด รวมถึงการนำเสนอที่แตกต่างจากรถยนต์รุ่นเดิม ๆ ที่เคยทำมาทั้งหมด เรียกว่าต้องคิดใหม่หมดรอบด้าน
อดิศัยบอกว่าการทำความเข้าใจกับลูกค้าถึงเรื่องของระบบอี-พาวเวอร์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และจะต้องใช้เวลาเพื่อให้ผู้บริโภคได้เรียนรู้ ซึ่งก็รวมไปถึงทีมงานของนิสสันทั้งในส่วนของที่บริษัทและที่ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาอีกสักพักใหญ่ ซึ่งเป็นสิ่งที่นิสสันเองนั้นทราบอยู่แล้ว ว่าจะเกิดเหตุการณ์และคำถามเหล่านี้ขึ้นมา
"แต่สิ่งที่ดีมากก็คือ ลูกค้าที่เข้ามาทำการทดสอบนั้น ชอบรถคันนี้มาก เราจึงพยายามนำเสนอให้ชัดเจนว่ารถคันนี้คืออะไร ระบบการขับเคลื่อนพื้นฐานคือไฟฟ้านะ ข้อดีคือไม่ต้องเสียบปลั๊กชาร์จไฟ ถ้ากังวลใจเรื่องค่าใช้จ่าย ก็ทำออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน ซึ่งระบบอี-พาวเวอร์นี้ นิสสันจำหน่ายมานานกว่า 4 ปี มีรถ 2 รุ่นในประเทศญี่ปุ่น จึงอยากให้มั่นใจได้"
ที่เหลือก็ต้องรอให้ผู้บริโภคตัดสินใจกันเท่านั้น!!!