MG (เอ็มจี) ผู้นำด้านรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ประกาศเดินหน้าแผนงานขยายสถานีประจุไฟฟ้า 500 แห่งทั่วประเทศ เริ่มด้วยตัวแทนจำหน่าย 100 แห่งในปีนี้ที่ตัวแทนจำหน่ายทุกราย ชี้ลูกค้ามั่นใจในการใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น หลังเดินหน้าทำตลาดจริงจัง พร้อมระบุเตรียมนำเข้าสินค้าใหม่มาทำตลาดเพิ่มเติมอีกในอนาคต
จาง ไห่โป กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) ระบุในงานเปิดตัว MG HS PHEV (เอ็มจี เอชเอส พีเอชอีวี) ว่าบริษัทฯ อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมเพื่อดูแลลูกค้าที่ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด ด้วยแผนการขยายสถานีประจุไฟให้ครบ 500 แห่งทั่วประเทศ
ทั้งนี้ นอกจากรถยนต์เอนกประสงค์รุ่นใหม่ที่เปิดตัวไปแล้ว เอ็มจียังเป็นผู้นำในตลาดรถไฟฟ้าในประเทศไทย ด้วยการจำหน่าย MG ZS EV (เอ็มจี แซดเอส อีวี) รถไฟฟ้าที่ราคาถูกที่สุดในประเทศไทย และบริษัทเป็นผู้นำในเซกเมนต์นี้ ด้วยส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 90% ทำให้ต้องเร่งพัฒนาเครือข่ายสถานีบริการเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า
"สถานีประจุไฟเป็นเรื่องที่สำคัญมากในการสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคในการเป็นเจ้าของรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ที่ผ่านมา ลูกค้าของเอ็มจีมีความเชื่อมั่นและมั่นใจในสินค้ากลุ่มนี้ เป็นผลจากการเดินหน้าทำตลาดอย่างต่อเนื่องของเอ็มจี ซึ่งเรามีแผนที่จะขยายสถานีประจุไฟให้ได้ไม่น้อยกว่า 500 จุด ทั่วประเทศในอนาคต"
แผนการขยายสถานีประจุไฟฟ้าของเอ็มจี จะเริ่มจากการติดตั้งแท่นชาร์จไฟความเร็วสูงแบบดีซี ที่ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ 100 แห่งภายในสิ้นปีนี้ ด้วยงบประมาณการลงทุน 6-8 แสนบาทต่อสถานี จากนั้นก็จะขยายการติดตั้งไปยังสถานที่อื่น ๆ อาทิ ตัวแทนจำหน่ายที่จะเปิดใหม่ในปีหน้า และอยู่ระหว่างการเจรจาเพิ่มเติมหลายแห่ง
ในส่วนของการติดตั้งสถานีประจุไฟที่ร้านค้าสะดวกซื้ออย่าง 7-11 นั้น ยอมรับว่าที่ผ่านมามีการพูดคุยในเรื่องนี้เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป เนื่องจากร้านสะดวกซื้อแต่ละแห่งมีขนาดของพื้นที่และรูปแบบของร้านที่แตกต่างกันออกไป จึงต้องทำการศึกษาเรื่องนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง ยังไม่มีข้อสรุปออกมาแต่อย่างใด
"เรื่องการขยายสถานีประจุไฟเป็นเรื่องที่เรามองว่าเป็นประเด็นสำคัญมาโดยตลอด และที่ผ่านมา เรามีการพูดคุยกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน แต่ก็สรุปกลับมาว่าอยากให้เอ็มจีทำเรื่องนี้ก่อน เราจึงตัดสินใจที่จะปรับลดค่าใช้จ่ายบางส่วนในองค์กร แล้วหันมาเดินหน้าแผนการติดตั้งสถานีประจุไฟในประเทศด้วยตัวเองแทน"
จางกล่าวว่า การผลักดันตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้านั้น นอกเหนือไปจากการขยายโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการเติบโตแล้ว การนำเข้าสินค้าเข้ามารองรับความต้องการของผู้บริโภคก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน โดยเอ็มจีเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามาโดยตลอด และล่าสุดก็มีการเสริมทัพรถยนต์กลุ่มปลั๊กอินไฮบริดขึ้นมา
สำหรับแผนงานในอนาคตนั้น มีการศึกษาเรื่องตัวสินค้าใหม่ที่จะเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง อาทิ MG Ei5 (เอ็มจี อีไอ5) รถยนต์นั่งขนาดเล็กที่มาพร้อมหัวใจการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าก็อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ และหากลูกค้าในประเทศมีความต้องการ ก็พร้อมที่จะนำเข้ามาทำตลาดเช่นกัน
รู้จักกับ MG Ei5 ว่าที่รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่จากเอ็มจี
เอ็มจี อีไอ5 เป็นหนึ่งในสินค้าที่ได้รับการพัฒนาในเครือเอสเอไอซีจากประเทศจีน และเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกที่ประเทศอังกฤษ โดยเป็นการนำรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Roewe Ei5 (โรวี่ อีไอ5) มาทำการเปลี่ยนโลโก้ บนพื้นฐานของรถยนต์วากอน ซึ่งเป็นวากอนพลังงานไฟฟ้าล้วนคันแรกของโลกเสียด้วย
มิติตัวถังนั้นมีความยาว 4.54 เมตร กว้าง 1.82 เมตร และสูง 1.54 เมตร โดยมีฐานล้อยาว 2.67 เมตร ติดตั้งแบตเตอรี่มีความจุ 52.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง ที่ให้กำลังสูงสุด 156 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 192 ฟุต-ปอนด์ สามารถวิ่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 7.7 วินาที และทำความเร็วสูงสุดที่ 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ตัวรถนั้นสามารถวิ่งได้ไกลสุด 344 กิโลเมตร และสามารถชาร์จแบตจาก 0-80% แบบควิกชาร์ตได้ภายใน 50 นาที มาาพร้อมออพชั่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกล้องมองหลัง ระบบเบรค Auto hold หน้าจออินโฟเทนเม้นท์ขนาด 8 นิ้ว รองรับ Android Auto กับ Apple CarPlay ระบบล็อครถแบบคีย์เลส พร้อมอุปกรณ์มากมาย
MG HS PHEV ความหวังของหมู่บ้านเอ็มจี
เอ็มจี เอชเอส พีเอชอีวี คือรถยนต์รุ่นแรกในโครงการลงทุนมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อผลิตและจำหน่ายรถยนต์แบบปลั๊กอินไฮบริดของเอ็มจี ที่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ด้วยค่าตัวที่พอเอื้อมถึงที่ 1.359 ล้านบาท ทำให้เอ็มจีตั้งเป้าหมายการขายรถรุ่นนี้ถึงเดือนละ 400 คันในช่วงเริ่มต้น
เมื่อเทียบสเปกของรถกับว่าที่คู่แข่งอย่าง Mitsubishi Outlander PHEV (มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี) แล้ว จะพบว่าเอชเอส พีเอชอีวี มีสเปคที่เหนือกว่าเกือบทุกด้าน ยกเว้นในด้านของภาพลักษณ์ของสินค้าและความมั่นใจของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ ซึ่งหากมองว่าบริษัทที่มีอายุแบรนด์เพียง 7 ปีในประเทศไทย ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
เอชเอส พีเอชอีวี มาพร้อมเครื่องเบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบ ปรับแต่งให้มีกำลังอัดสูงขึ้น ทำให้ได้พลังเท่าเดิมแต่มาในรอบต่ำกว่า พ่วงมอเตอร์ไฟฟ้า ทำกำลังรวมทั้งระบบได้ 284 แรงม้า สามารถวิ่งแบบไฟฟ้าล้วนได้ 67 กม. ขับเคลื่อนล้อหน้าด้วยเกียร์ลูกใหม่ 10 สปีด เร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 7.5 วินาที ประหยัดน้ำมันสูงสุด 65 กิโลเมตร/ลิตร