ความสำเร็จของรถอเนกประสงค์ค่าย MG ทั้ง MG ZS (เอ็มจี แซดเอส) และ MG HS (เอ็มจี เอชเอส) แสดงให้เห็นว่าค่ายรถยนต์น้องใหม่สามารถโค่นแบรนด์ยักษ์อันเก่าแก่ลงได้หากเดินถูกทาง
ยอดขายสะสมของรถอเนกประสงค์ขนาดซับคอมแพ็กต์อย่าง MG ZS ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกรกฎาคมปีนี้อยู่ที่ 5,355 คัน ผงาดขึ้นรั้งอันดับ 1 ด้วยการครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 31% ส่วนอันดับ 2 และ 3 เป็นของ Honda HR-V และ Toyota C-HR ตามลำดับ โดยมี Toyota Corolla Cross ที่เพิ่งเปิดตัวทำยอดขายมาแรงเช่นกัน
ขณะที่รถเอสยูวีขนาดใหญ่ขึ้นมาอย่าง MG HS ทำยอดขายในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้นำมาเป็นอันดับ 1 เช่นกันด้วยตัวเลขกว่า 2,500 คัน (หากไม่นับ Chevrolet Captiva ที่ถอนธุรกิจไปแล้ว) นำหน้า Honda CR-V และ Mazda CX-30 ได้อย่างสง่างาม
ถึงแม้ว่ายอดขายรถยนต์รุ่นอื่น ๆ อาทิ รถซับคอมแพ็กต์ MG3 และรถกระบะ MG Extender จะไม่สวยงามเหมือนกับรถอเนกประสงค์ แต่ก็ต้องยอมรับว่า MG ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนในตลาดรถยนต์บ้านเรา และทำให้บอร์ดบริหารของบรรดาค่ายรถยักษ์ใหญ่ต้องจับตามองอย่างแน่นอน
อะไรคือปัจจัยสู่ความสำเร็จของ MG
ท่ามกลางเสียงวิจารณ์อย่างหนักหน่วงในโลกออนไลน์เกี่ยวกับคุณภาพของรถยนต์ MG โดยมีปัญหาตั้งแต่จุกจิกกวนใจไปจนถึงข้อบกพร่องชนิดที่ต้องลากจูงไปเข้าศูนย์บ่อยครั้ง กระทั่งมีการตั้งเพจทางโซเชียลมีเดียที่มีเนื้อหาเสียดสีแสบ ๆ คัน ๆ แต่กระนั้นยอดขายกลับเติบโตสวนทาง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคในบ้านเราเปิดใจยอมรับแบรนด์รองถ้าสินค้าตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างตรงใจ
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ MG ทำยอดขายได้สูงกว่าใคร แน่นอนว่าคือการกำหนดราคาจำหน่ายที่ย่อมเยากว่าชนิดที่คู่แข่งไม่สามารถทำราคาลงมาสู้ได้แน่นอน
|
รุ่น |
ราคา |
MG ZS |
689,000 – 799,000 บาท |
Honda HR-V |
949,000 – 1,119,000 บาท |
Mazda CX-30 |
989,000 – 1,119,000 บาท |
Mazda CX-3 |
768,000 – 1,048,000 บาท |
Toyota Corolla Cross |
959,000 บาท – 1,199,000 บาท |
|
รุ่น |
ราคา |
MG HS |
919,000 – 1,119,000 บาท |
Honda CR-V |
1,369,000 – 1,759,000 บาท |
Mazda CX-5 |
1,300,000 – 1,850,000 บาท |
ราคาถูกจริง แต่อ็อปชั่นจำเป็นยังครบครัน
ปฏิเสธไม่ได้ว่าราคาจำหน่ายคือปัจจัยสำคัญในตัดสินใจซื้อรถยนต์ใหม่สักคันของลูกค้าส่วนใหญ่โดยเฉพาะเมื่อเศรษฐกิจอยู่ในภาวะฝืดเคืองเช่นนี้ แต่เมื่อเจาะลึกลงรายละเอียดก็จะพบว่าทั้ง MG ZS และ MG HS มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่าด้วยเช่นกัน
MG ZS รุ่น X+ ซึ่งเป็นตัวท็อปมาพร้อมหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา ไฟหน้า LED พร้อมเดย์ไลท์ การตกแต่งภายในให้บรรากาศพรีเมียม วัสดุหุ้มเบาะเป็นหนังสังเคราะห์ เบาะคนขับปรับไฟฟ้า มีจอแสดงผลดิจิทัล 7 นิ้วพร้อมระบบ i-Smart ระบบปรับอากาศดิจิทัล ส่วนความปลอดภัยมีถุงลม 6 ตำแหน่ง และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อีกมากมาย
ขณะที่ MG HS รุ่นสูงสุด X มีหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา ไฟส่องสว่าง LED รอบคัน เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้าหุ้มหนังสังเคราะห์แบบสปอร์ต มีระบบ i-Smart ระบบความปลอดภัยครบครัน ส่วนชุดประตูท้ายไฟฟ้าเป็นอ็อปชั่นเสริมที่มีราคาเพียง 13,285 บาท และถ้าเพิ่มเซ็นเซอร์แหย่เท้าใต้กันชนหลังก็ควักกระเป๋าจ่ายอีก 2,345 บาท
เรียกได้ว่า MG เดินมาถูกทางทั้งในเรื่องการมุ่งเน้นเซกเมนท์รถอเนกประสงค์ที่กำลังขยายตัวต่อเนื่อง รูปลักษณ์ที่สวยงามลงตัว การกำหนดราคาที่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกคุ้มค่า และการใส่อ็อปชั่นที่ไม่ขาดไม่เกิน เสียงวิจารณ์ด้านลบทางโซเชียลมีเดียจึงไม่ส่งผลกระทบมากนัก แตกต่างจากกรณีของ Ford และ Chevrolet ซึ่งเสียท่าไปกับปัญหาของรถยนต์ซีดานและซับคอมแพ็กต์จนพังพาบ
ปูทางความสำเร็จให้ค่ายรถน้องใหม่
ยอดขายระดับผู้นำตลาดของ MG อาจถือเป็นความสำเร็จระยะสั้น หลังจากนี้ต้องจับตามองกันต่อไปว่าในระยะยาวหรืออีก 4-5 ปีข้างหน้า MG จะรักษามาตรฐานได้มากเพียงใด รถยนต์ MG จะมีคุณภาพคงทนหรือไม่ และการบริการหลังการขายจะถูกพัฒนาเพื่อรองรับลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดอย่างไร
แต่กระนั้น สิ่งหนึ่งที่ MG แสดงให้เห็นก็คือแนวทางการสร้างความสำเร็จของค่ายรถน้องใหม่ กลยุทธ์การทำราคาที่ถูกกว่าและการใส่อ็อปชั่นที่สร้างความคุ้มค่านั้นโดนใจผู้บริโภคชาวไทย ถือเป็นการนำร่องความสำเร็จที่ค่ายรถน้องใหม่ร่วมสัญชาติอย่าง Great Wall Motors จากจีน และ Proton จากมาเลเซียสามารถนำไปประยุกต์เพื่อรุกตลาดเมืองไทยในปีหน้า
ส่วนบรรดาค่ายรถยักษ์ใหญ่ย่อมต้องมีการปรับกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์เพื่อแย่งชิงความเป็นผู้นำกลับมาอย่างแน่นอน การแข่งขันเช่นนี้ ประโยชน์ย่อมตกอยู่กับผู้บริโภคอย่างเรา ๆ ที่จะได้ใช้รถยนต์ที่มีค่าตัวเอื้อมถึงได้ง่ายขึ้น