Nissan (นิสสัน) รับยอดจำหน่ายรถครอสโอเวอร์ไฮบริด 2020 Nissan Kicks (นิสสัน คิกส์) ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ชี้เทคโนโลยีใหม่ ต้องให้เวลาในการเดินหน้าแผนการตลาด ยันไม่ปรับราคาเพื่อเน้นยอดขายแน่ ลุ้นปี 2564 เศรษฐกิจดี ไม่มีโควิทระลอกสอง ดันตลาดรถยนต์ทะลุ 8.5 แสนคัน พร้อมหนุนตลาดส่งออกฟื้นตัว
ราเมซ นาราสิมัน ประธานบริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) ให้สัมภาษณ์ในการเปิดตัวปิกอัพรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง 2021 Nissan Navara (นิสสัน นาวาร่า) ว่ายอดจำหน่ายรถยนต์รวมของบริษัทที่ผ่านมายังไม่ดีนัก โดยเฉพาะนิสสัน คิกส์ ที่เปิดตัวไปในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ก็ยังไม่มียอดจำหน่ายกลับมาอย่างเป็นกอบเป็นกำอย่างที่คาดหวัง
สถานการณ์ของ นิสสัน คิกส์ นั้น ถือว่าไม่ค่อยดีนัก เพราะแม้จะเปิดตัวตั้งแต่ไตรมาสแรกของปีนี้ แต่กว่าจะแก้ปัญหาเรื่องชิ้นส่วนลงตัว และเริ่มส่งมอบรถให้กับลูกค้ากลุ่มแรกได้ก็ปาไปเดือนกรกฎาคม และพวกเขามียอดขายรวมกันใน 3 เดือนแรกไปแค่ 879 คันเท่านั้น หรือคิดเป็นส่วนแบ่งตลาดเพียง 3.1% จากตลาดรวม 27,994 คัน
ยอมรับไม่พอใจ แต่ไม่ปรับราคาสู้แน่นอน
"แน่นอนว่าถ้าถามว่าเราพอใจกับยอดขายของนิสสัน คิกส์หรือไม่ เราก็ต้องบอกว่าเราไม่พอใจแน่นอน เพราะว่าการนำระบบอี-พาวเวอร์ซึ่งเป็นระบบที่ดีมากมาจำหน่ายให้กับลูกค้าในประเทศไทย เรามีตัวเลขยอดขายที่เราอยากจะทำให้ได้ ซึ่งแน่นอนว่าเราคงต้องทำงานกับรถคันนี้มากขึ้น เพื่อสร้างยอดขายที่เพิ่มขึ้นมาในอนาคต"
ราเมซระบุว่าการทำงานกับรถรุ่นนี้จะไม่ใช่การลดราคาเพื่อสร้างยอดจำหน่ายอย่างแน่นอน แม้มองว่าการทำราคาจำหน่ายที่ถูกลงจะทำให้รถขายได้มากขึ้น แต่ก็อยากปรับปรุงในเรื่องอื่น ๆ มากกว่า เช่นในเรื่องความพยายามที่จะทำให้ลูกค้ายอมมาที่โชว์รูม เพื่อทดลองว่ารถคันนี้นั้นยอดเยี่ยมขนาดไหน ซึ่งนิสสันมีงานที่ต้องทำอีกมาก
อย่างไรก็ตาม อยากให้มองถึงความสำคัญของการเป็นหนึ่งในสินค้าหลักของค่าย โดยประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการผลิตรถยนต์รุ่นดังกล่าว และมีการส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่นประมาณเดือนละ 3,500 คัน ซึ่งเป็นนโยบายของนิสสันในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในประเทศไทยก็จะเน้นการส่งออกไปพร้อมกัน รวมถึง Nissan Navara 2021 (นิสสัน นาวาร่า) ก็ด้วย
เปิดตัวในไทยที่แรก ส่งออกอย่างต่ำ 26 ประเทศ
นิสสัน นาวาร่า รุ่นปรับโฉมที่เปิดตัวระดับโลกไปเมื่อวานนี้ กำลังจะถูกนำมาเปิดตัวในประเทศไทยเป็นประเทศแรกของโลกในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของประเทศไทย ในฐานะฐานการผลิตที่สำคัญของรถกระบะรุ่นดังกล่าว โดยการทำตลาดรถกระบะรุ่นนี้จะใช้ฐานการผลิตในประเทศไทยและเม็กซิโก เป็นฐานการผลิตเท่านั้น
สำหรับตลาดในประเทศไทย ที่ผ่านมานิสสันมีการลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาทเพื่อปรับปรุงสายการผลิต รวมถึงการรับพนักงานเพิ่มกว่า 2,000 อัตรา เพื่อเตรียมความพร้อมในการผลิตทั้งนิสสัน คิกส์และนิสสัน นาวาร่า โดยโรงงานทั้ง 2 แห่งของนิสสันมีกำลังการผลิตรวมกันเพิ่มขึ้นเป็น 2.5 แสนคันต่อปี และมีการใช้กำลังการผลิตจริงอยู่ราว 90% ในปัจจุบัน
"มันเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากสำหรับเราในการทำตลาดในช่วงที่โควิด-19 ระบาด เพราะตลาดส่งออกหลาย ๆ แห่งก็ประสบปัญหา เช่น ออสเตรเลียและฟิลิปปินส์ ปกติมียอดขายมากกว่าเดือนละ 2,000 คัน ปกติแล้วเราน่าจะส่งออกได้ 6-7 หมื่นคันแล้ว อย่างไรก็ตาม เรายังเป็นฐานการผลิตเพื่อการส่งออก นับจากปี 2014 เราขายนาวาร่าในอาเซียนไปมากกว่า 2.5 แสนคัน"
หวังท่องเที่ยวฟื้น ไม่มีโควิดระลอก 2 หนุนตลาดโต
ราเมซบอกว่าหากดูในเรื่องของการส่งออกนิสสัน นาวาร่า จะพบว่าประเทศไทยเป็นฐานการส่งออกไปถึง 26 ประเทศทั่วโลก แต่หากนับในเรื่องของการส่งออกสินค้าทุกรุ่น เราส่งออกไปมากกว่า 100 ประเทศ ยิ่งที่ผ่านมามีการประกาศปิดโรงงานที่อินโดนีเซีย ก็ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นฐานการผลิตที่เหลือเพียงแห่งเดียวของนิสสันในภูมิภาคอาเซียนนี้
อย่างไรก็ตาม ประธานประเมินว่าสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เป็นปัจจัยลบน่าจะกลับมาเป็นปัจจัยบวกได้อีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นความรุนแรงของโคโรน่าไวรัสที่ลดลง การเริ่มเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ซึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจและแผนการต่าง ๆ ของบริษัท ที่วางแผนระยะกลาง 3-5 ปีอยู่แล้ว แต่ก็ยังต้องจับตามองสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
"สถานการณ์ต่าง ๆ ถือว่ายากสำหรับการตัดสินใจ แต่เราไม่สามารถมองอะไรสั้น ๆ ได้ ผมยังเชื่อว่าปัจจัยบวกที่ดีจะทำให้ตลาดฟื้นตัวได้ แต่หากเกิดปัญหาอย่างโควิดระลอกสอง ก็อาจจะส่งผลต่อทั้งระบบ ซึ่งนิสสันเองไม่ได้ตัดสินใจอะไรจากสิ่งที่เกิดขึ้นในระยะสั้น ๆ หากมองในระยะยาว ประเทศไทยยังเป็นประเทศที่มีเสถียรภาพดี และเหมาะสมกับการลงทุน"
สำหรับการคาดการณ์ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยในปีนี้ จากเดิมที่นิสสันเคยคาดว่าตลาดน่าจะอยู่ที่ระดับ 6 แสนคันบวกลบ แต่เมื่อสถานการณ์มีการผ่อนคลายและตลาดกลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้มั่นใจว่าภาพรวมตลาดรถยนต์ในประเทศไทยปีนี้ น่าจะกลับมาบวกกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยนิสสันประเมินว่าตลาดรวมปีนี้ น่าจะปิดที่ระดับ 7.8 แสนคัน
ในส่วนของปี 2564 ก็ต้องดูปัจจัยต่าง ๆ อีกครั้ง และหากมองว่าเศรษฐกิจกำลังจะกลับมาเติบโต นักท่องเที่ยวเริ่มกลับเข้ามาได้ และไม่มีการแพร่ระบาดที่รุนแรงอีกครั้ง ตลาดรถยนต์ก็น่าจะได้รับผลดีจากสถานการณ์ดังกล่าว โดยประเมินว่าหากไม่มีปัจจัยที่ส่งผลลบอย่างรุนแรง ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยในปีหน้า น่าจะเห็นตัวเลขระดับ 8.5 แสนคันอย่างแน่นอน