รุ่นที่ 2 ของ Toyota Sienta เปิดตัวครั้งแรกที่ญี่ปุ่นในปี 2015 และในปี 2016 รถไซส์เล็กนี้อย่าง Toyota Sienta ก็ได้เข้ามาทำการตลาดในไทยเป็นครั้งแรก โดยใช้เครื่องยนต์เดียวกับ Toyota Vios 2NR-FE ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 108 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 140 นิวตันเมตร ที่ 4,200 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT 7 จังหวะ ซึ่งสามารถรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอลล์ E20 ได้ และมีอัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่ 16.1 กิโลเมตร/ลิตร Toyota Sienta ที่จำหน่ายในไทยนี้มีสีส้ม สีเงิน สีขาว และสีดำ และมี 2 รุ่นให้เลือก คือรุ่น V และรุ่น G ไม่มีเกียร์ธรรมดาและไม่มีระบบไฮบริดแบบที่ทำการตลาดในญี่ปุ่น
ต่อมา Toyota Sienta ก็ได้มีการปรับโฉมใหม่ในปี 2019 หลังจากที่สร้างความนิยมให้กับตลาดรถยนต์สำหรับครอบครัวเพียงไม่นาน ที่ยังคงความเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ Mini MPV ที่มีความคล่องตัว พร้อมดีไซน์สปรอ์ตโมเดิร์นแบบตะวันออก และที่สำคัญตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดี โดยปัจจุบันรุ่นนี้ยังคงมีจำหน่ายในไทย
การออกแบบภายนอก
Toyota Sienta รุ่นนี้มีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ V และ G เช่นเดิม ดีไซน์ภายนอก 2019 Toyota Sienta มีความโดดเด่นด้วยกระจังหน้าสีดำที่ตกแต่งด้วยโครเมียม ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ที่ในรุ่น G เป็นแบบ ฮาโลเจนและรุ่น V เป็นแบบ Bi-Beam LED พร้อมไฟส่องสว่างกลางวันแบบ LED (Daytime Running Lights) ตัวถังด้านข้างเป็นแบบเรียบๆ ไม่มีลวดลาย กระจกมองข้างสามารถปรับและพับด้วยไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยวแบบ LE มีกันชนด้านหน้าและหลัง ประตูข้างเปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้า สามารถควบคุมได้ด้วยรีโมท ไฟท้ายเป็น LED ด้านล่างเป็นล้ออัลลอยเพิ่มความสปอร์ต
ด้านอุปกรณ์บันเทิง Toyota Sienta มาพร้อมวิทยุ DVD หน้าจอแบบสัมผัสขนาด 6.8 นิ้ว พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB และฟังก์ชั่น T-Link ที่สามารถเชื่อมต่อแอปพลิเคชั่นนำทางและการฟังเพลงออนไลน์ อีกทั้งยังมีระบบเชื่อมต่อ Bluetooth สามารรองรับโทรศัพท์และระบบการโทรออกด้วยเสียง ในรุ่น V มีปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและจอแสดงข้อมูลการขับขี่ที่พวงมาลัย ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความมั่นใจในการขับขี่
ในรุ่นโฉมใหม่ 2019 Toyota Sienta มีทั้งหมด 4 สีให้เลือกได้แก่ Super White ll, Sliver Metallic, Attitude Black Mica และสีใหม่ Citrus Mica Metallic ซึ่งให้ความโดดเด่นทันสมัย นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นความปลอดภัยมาตรฐานมาให้ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) ระบบกระจายแรงเบรก (EBD) ระบบควบคุมการทรงตัวอัจฉริยะ (VSC) ระบบเสริมแรงเบรก (BA) ระบบช่วยออกตัวทางลาดชัน (HAC) โดยรุ่นนี้มีการเพิ่มความปลอดภัยด้วยกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา กล้องบันทึกภาพหน้าหลังรถ ซึ่ง Toyota Sienta ในรุ่น G ราคาอยู่ที่ 765,000 บาท และรุ่น V ราคาอยู่ที่ 865,000 บาท เรียกได้ว่ามาในราคาที่คุ้มค่า และตอบสนองทุกความต้องการคนยุคใหม่
2021 Toyota Sienta
Toyota Sienta รุ่นใหม่ล่าสุดที่กำลังจะเปิดตัวนี้ คาดว่าจะมีการปรับโฉมให้ดีขึ้นกว่าเดิมเพื่อสู้กับคู่แข่งอย่าง Nissan Serena และด้วยเทคโนโลยีที่มีการพัฒนามากขึ้นทำให้ Toyota ต้องเร่งปรับตัวเพื่อให้สามารถยังคงครองตลาดรถกลุ่มนี้
มีรายงานว่าการออกแบบภายนอกของ 2021 Toyota Sienta นี้จะมาพร้อมโครงสร้างตัวถัง Toyota TNGA ที่เป็นพื้นฐานของ Toyota Yaris ที่ติดตั้งในปัจจุบัน ด้านมิติตัวรถก็คาดว่าจะออกแบบให้ยาวกว่าเดิมทั้งความยาวตัวรถและระยะฐานล้อ เพื่อรองรับการโดยสาร ดีไซน์ภายนอกจะมีการปรับโฉมครั้งใหม่ให้เป็นดีไซน์ Coupe Style ดูแกร่งมากมากเดิมด้วยการใช้เส้นสายที่เป็นเส้นตรง เน้นความโค้งมนมากขึ้น ทำให้ตัวรถอาจดูใหญ่ขึ้น กระจังหน้าขนาดใหญ่ ไฟหน้าปรับให้เล็กลง ใช้ไฟ Bi LED ด้านข้างปรับขยายออก เพื่อให้ดูทรงพลังขึ้น
ห้องโดยสารภายใน Toyota Sienta คาดว่าจะมีการปรับปรุงในเรื่องตำแหน่งที่นั่ง เพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนสำหรับการบรรจุสัมภาระได้ดีกว่าเดิม ส่วนกระบบความปลอดภัยก็จะมี Toyota Safety Sense มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย ด้านขุมพลังก็คาดว่าจะมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซิน1.5 ลิตร ให้กำลัง 124 แรงม้า และรุ่นไฮบริดที่ใช้เครื่องยนต์บล็อคใหม่คือ เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1.5 ลิตร 2021 Toyota Sienta จะมีให้เลือกเพียงรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อเท่านั้น แต่ก็เป็นไปได้ว่าจะมีรุ่น 4WD ที่ต้องการตอบโจทย์การใช้งานในปัจจุบัน
แม้ว่าตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับ 2021 Toyota Sienta แต่ก็เป็นไปได้ว่าทาง Toyota จะมีการปรับปรุงที่ทันสมัยขึ้น และเครื่องยนต์ที่ดีขึ้นกว่าเดิม สำหรับราคาเมื่อเทียบกับรุ่นเก่า คาดว่าน่าจะไม่ต่างจากเดิมมากที่มีราคาเริ่มต้น 765,000 บาท เพื่อสู้กับคู่แข่งอย่าง Honda Freed ที่มีการปรับปรุงใหม่เช่นกันด้วยราคาเริ่มต้น 439,000 บาท แต่ทั้งนั้นทั้งนั้นก็ต้องดูว่ารถคันไหนใช่สำหรับเรา สำหรับ 2021 Toyota Sienta มีรายงานว่าจะเปิดจำหน่ายในญี่ปุ่นช่วงครึ่งปีหลัง 2021 และจะเข้าจำหน่ายในไทยเมื่อไหร่ ก็ต้องรถดูต่อไป