เปิด 5 จุดเด่นน่าสนใจ 2022 Toyota bZ4X บอกเลยควรมาขายเมืองไทย!

2022 Toyota bZ4X (2022 โตโยต้า บีแซดโฟร์เอ็กซ์) ได้รับการเปิดเผยข้อมูลของรุ่นโปรดักชั่นอย่างเป็นทางการแล้ว ก่อนออกจำหน่ายภายในช่วงกลางปี 2022

Toyota ระบุว่า bZ4X คือรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกในอีกหลายรุ่นที่จะตามมาในซีรีส์ bZ ซึ่งได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด “เน้นย้ำความปลอดภัยและสร้างความอุ่นใจในการใช้งาน” ตอบโจทย์คนที่กำลังมองหารถอีวีโดยเฉพาะ

ที่ผ่านมา ค่ายรถยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นรายนี้ให้ความสำคัญกับรถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดเป็นหลัก พวกเขาเน้นย้ำว่าการเปลี่ยนผ่านจากเครื่องยนต์สันดาปสู่ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าควรเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่ง bZ4X คือรถอีวีรุ่นแรกที่นำไปสู่การเปลี่ยนผ่านดังกล่าว

เราไปชมจุดที่น่าสนใจของรถอีวีรุ่นนี้กันเลย

1. แพลตฟอร์มสำหรับอีวีโดยเฉพาะ

bZ4X สร้างบนโครงสร้างแพลตฟอร์มใหม่เอี่ยมแกะกล่องที่มีชื่อว่า e-TNGA พัฒนาขึ้นมาร่วมกับ Subaru (ซูบารุ) ที่มาพร้อมคุณสมบัติเด่นมากมาย โดยเฉพาะความยืดหยุ่น รองรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายรูปแบบตัวถัง รวมถึงใช้ได้ทั้งระบบขับเคลื่อน 2 ล้อและระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ

นอกจากนี้ แพลตฟอร์มสำหรับรถอีวีโดยเฉพาะรุ่นใหม่ของ Toyota ยังมีจุดศูนย์ถ่วงตัวรถต่ำ และมีความเหนียวแน่นแข็งแกร่ง จึงมอบสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม

2. ห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย

มิติตัวถังของ bZ4X มีขนาดยาว 4,690 มม. กว้าง 1,860 มม. และสูง 1,650 มม. ระยะฐานล้ออยู่ที่ 2,850 มม. หากเทียบให้เห็นภาพ ตัวถังของรถอีวีรุ่นนี้ใกล้เคียงกับรถพีพีวีอย่าง Fortuner (โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์) จัดอยู่ในกลุ่มรถเอสยูวีขนาดคอมแพ็กต์หรือซีเซกเมนท์

Toyota ยืนยันว่าภายในห้องโดยสารของ bZ4X มีความกว้างขวาง เงียบสงบ และผ่อนคลายในทุกที่นั่ง โดยยืนยันว่าความโอ่โถงภายในนั้นเทียบเท่ากับรถซีดานระดับดีเซกเมนท์เลยทีเดียว

3. ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ X-Mode

bZ4X มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนขนาด 71.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง มีระยะทางขับขี่ประมาณ 500 กม.ต่อการชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้ง รุ่นมอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้ามีพละกำลัง 204 แรงม้า ส่วนรุ่นมอเตอร์คู่ขับเคลื่อน 4 ล้อมีพละกำลังอยู่ที่ 218 แรงม้า การชาร์จแบตเตอรี่มีทั้งระบบ AC ขนาด 6.6 กิโลวัตต์ และระบบ DC ขนาด 150 กิโลวัตต์

พละกำลังของ bZ4X อาจไม่หวือหวา แต่จุดเด่นอยู่ตรงที่การใช้ X-Mode ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อของ Subaru ที่ช่วยเพิ่มเสถียรภาพการขับขี่และยกระดับการยึดเกาะถนนบนถนนเปียกลื่น นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่น Grip-Control เติมเต็มสมรรถนะบนทุกสภาพถนน

4. แบตเตอรี่ปลอดภัย เสียบปลั๊กคืนกำลังไฟได้

Toyota ระบุว่าพวกเขาให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับระบบความปลอดภัย โครงสร้างตัวถังมีการปกป้องทั้งผู้โดยสาร แบตเตอรี่ และรถคู่กรณีเป็นพิเศษเมื่อเกิดอุบัติเหตุ เสริมเหล็กคานขวางทั้งซ้ายและขวาของตัวรถเพื่อดูดซับแรงกระแทก นอกจากนี้ยังมีเหล็กคานคู่ที่ด้านหน้าและมีโครงเฟรมที่หุ้มจากส่วนหน้าของห้องโดยสารลงไปถึงใต้ท้องรถที่มีการติดตั้งแบตเตอรี่

การติดตั้งคานกันกระแทกที่เชื่อมต่อถึงกันเช่นนี้ช่วยให้แรงปะทะถูกเฉลี่ยไปทั่วทั้งคัน ปกป้องทั้งห้องโดยสารและชุดแบตเตอรี่เมื่อเกิดการชนทั้งด้านหน้าและด้านข้าง

ค่ายรถยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นยังให้ความสำคัญกับการตรวจสอบการทำงานของแบตเตอรี่เพื่อป้องกันกระแสไฟและอุณหภูมิที่ผิดปกติ

นอกจากนี้ bZ4X ยังสามารถจ่ายกำลังไฟกลับคืนสู่ที่พักอาศัยเมื่อเกิดภัยธรรมชาติหรือหากต้องใช้งานในการทำกิจกรรมแคมปิ้งกลางแจ้ง ขณะเดียวกัน ถ้าบ้านของผู้ใช้มีการติดตั้งโซลาร์เซลส์ กำลังไฟส่วนเกินก็สามารถชาร์จกลับเข้าสู่ตัวรถได้โดยอัตโนมัติ

5. พวงมาลัย yoke

ปิดท้ายด้วยอ็อปชั่นที่เหนือความคาดหมาย Toyota ใส่ระบบ steering-by-wire และพวงมาลัย yoke รูปทรงแบบเกมรถแข่งมาเป็นอ็อปชั่นเสริมด้วย Tesla (เทสล่า) แนะนำพวงมาลัยดังกล่าวไว้ใน Model S เป็นเจ้าแรก ค่ายรถจากแดนอาทิตย์อุทัยแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่อยากให้รถอีวีกลายเป็นยานพาหนะเพื่อสิ่งแวดล้อมที่น่าเบื่อ

Toyota ระบุด้วยว่าพวงมาลัยเช่นนี้มีการควบคุมที่เฉียบคมอย่างมาก โดยการเลี้ยวจากซ้ายสุดไปขวาสุด ผู้ขับขี่หมุนพวงมาลัยเพียง 150 องศาเท่านั้น