เดือนมีนาคม ปี 2008 ก่อนงาน Bangkok International Motor Show มีผู้เล่นหน้าใหม่ปรากฎตัวขึ้นมาในตลาดเมืองไทย สร้างความฮือฮาเล็กน้อยบนโลกออนไลน์ที่กำลังได้รับความนิยมแพร่หลายมากขึ้น หลายคนพูดถึงราคาจำหน่าย 349,000 บาท ซึ่งถูกในระดับรถมือสองยังต้องมองค้อน
Naza Forza (นาซ่า ฟอร์ซ่า) ท่านลืมกันไปแล้วหรือยังว่ารถรุ่นนี้คืออะไร? ยนตรกิจ Kia (เกีย) เคยนำเข้ารถยนต์รุ่นนี้จากประเทศมาเลย์เซียด้วยสิทธิประโยชน์ทางภาษี เขตการค้าเสรี AFTA สร้างความตื่นตาด้วยราคาจำหน่ายที่เตี้ยติดดิน
และมันก็หายไปจากความทรงจำของคนไทย ภายในไม่ถึง 2 ปีนั้น...
วันนี้ บอริสจะมาย้อนให้ท่านดูว่า เกิดอะไรขึ้นกับ Naza Forza รถยนต์ดีไซน์จากประเทศจีน ที่ผลิตในประเทศมาเลเซีย นำเข้าโดยผู้แทนจำหน่าย Yontakrit Group ที่มีชื่อเสียง ในราคาที่ถูกเหลือเชื่อ ทำไมจึงไม่ประสบความสำเร็จ?
ที่มาที่ไป Hafei Lobo
Hafei Lobo
Hafei Lobo (ฮาเฟ่ย โลโบ้) เป็นรถยนต์ขนาดเล็กที่ออกแบบและผลิตในประเทศจีน โดยบริษัท Hafei Motor เปิดตัวในปี 2004 เพื่อมาแทนที่ Hafei Baili (ฮาเฟ่ย ไป่ลี่) ที่วางพื้นฐานมาจาก Daewoo Tico (แดวู ทิโค่) ซึ่งวางพื้นฐานมาจาก Suzuki Alto (ซูซูกิ อัลโต) อีกที
ตัวถังนั้นถูกออกแบบโดยสำนักดีไซนเนอร์สัญชาติอิตาเลี่ยนชื่อดัง Pininfarina ซึ่งเราก็ต้องยอมรับครับว่าในฐานะรถขนาดเล็กที่ผลิตเมื่อต้นยุค 2000 หน้าตาของรถรุ่นนี้ไม่ได้เลวร้ายเลย
Hafei Lobo
นอกเหนือจากงานดีไซน์แล้ว ตัวรถทั้งคันนั้นถูกออกแบบในประเทศจีนทั้งหมด และไม่ได้ใช้เทคโนโลยีที่ก๊อปปี้มาจากรถยนต์รุ่นอื่นใด เลย นี่อาจจะเป็นรถยนต์จีนรุ่นแรก ๆ ที่มีดีไซน์เป็นของตัวเอง
เครื่องยนต์นั้นมีตั้งแต่ขนาด 1.0 ลิตร ถึง 1.3 ลิตร เชื้อเพลิงเบนซิน แบบ 4 สูบ ซึ่งออกแบบโดยความร่วมมือกันระหว่างบริษัทของจีน Harbin Aviation บริษัทของมาเลเซีย MCIC และ Mitsubishi (มิตซูบิชิ) ระบบส่งกำลังเป็นแบบทั้งอัตโนมัติ และแบบธรรมดา 5 จังหวะ
มีการโฆษณาว่า ระบบช่วงล่างนั้น ได้รับการออกแบบและปรับปรุงโดย Lotus Cars ประเทศอังกฤษ เหมือนกับรถสปอร์ตในตำนาน อย่าง Isuzu Piazza (อีซูซุ พิอัซซ่า) Proton Gen-2 (โปรตอน เจน-2) และ Proton Neo (โปรตอน นีโอ)
ถ้าให้กล่าวโดยรวมแล้ว Hafei Lobo ไม่ได้มีความน่าสนใจอะไรเลยที่ชวนให้เราพูดถึงกัน ถ้าหากมันไม่ได้มาปรากฎตัวบนท้องถนนเมืองไทยในภายหลัง...
Naza Sutera/Naza Forza เกิดในจีน โตในมาเลเซีย
เมื่อปี 2006 Naza (นาซ่า) อันเป็นบริษัทที่ประกอบรถยนต์ยี่ห้อ Kia ในประเทศมาเลเซีย ได้เปิดตัวรถยนต์ขนาดเล็กใช้ในเมืองรุ่นใหม่ Naza Sutera (นาซ่า สุทีรา)
Naza Sutera
จากการสอบถามทีมงานของเว็บไซต์เพื่อนบ้าน Wapcar.my สิ่งที่คนมักจะนึกเมื่อพูดถึงรถ Naza Sutera นั้น ส่วนใหญ่คนมักจะพูดถึงคุณภาพการประกอบ และคุณภาพของชิ้นส่วนที่เกิดปัญหาเพียง 2 เดือนหลังจากที่ออกรถมา ชุด Complete Knockdown จากประเทศจีนนั้น ห่วยแตกเสียจนชื่อเสียงของ Naza Sutera ย่ำแย่ จึงเกิดการปรับปรุงโฉมในปี 2008 และเปลี่ยนชื่อรุ่นเป็น Naza Forza
Naza Forza สร้างชื่อในมาเลเซียแล้ว มาสร้างชื่อในไทยบ้าง
Naza Forza ถูกตัดสินใจนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย เปิดตัวในเดือนมีนาคม 2008 โดยเป็นการนำเข้าจากโรงงาน Naza ในมาเลเซีย ซึ่งได้สิทธิประโยชน์ทางการค้า และไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าในระดับที่สูง ราคาจำหน่ายจึงย่อมเยา เปิดตัวด้วยราคา 349,000 บาท
Naza Forza
ผู้แทนจำหน่ายที่เป็นผู้นำเข้า ก็หนีไม่พ้น Yontakrit Kia หรือบริษัทยนตรกิจกรุ๊ปที่มีชื่อเสียงในเรื่องการนำรถอีกหลายแบรนด์มาจำหน่ายในอดีต เช่น BMW (บีเอ็มดับเบิ้ลยู) และ Peugeot (เปอร์โย) และในปัจจุบันก็ยังคงมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจำหน่ายรถยนต์ Kia อยู่
ดอกไม้พลาสติก!
Naza Forza ที่จำหน่ายในประเทศไทย ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.1 ลิตร แบบ 4 สูบ เชื้อเพลิงเบนซิน สร้างพละกำลังสูงสุด 65 แรงม้า ระบบส่งกำลังมีเฉพาะแบบธรรมดา 5 จังหวะ ระบบช่วงล่างเป็นแบบหน้า MacPherson Strut และหลังแบบ Torsion Beam
Naza Forza ที่ราคา 349,000 บาท มีเป้าหมายกลุ่มลูกค้าคือผู้ที่มีรายได้น้อย ดาวน์เพียง 1,945 บาท ค่าผ่อนต่อเดือนไม่สูง และในช่วงต้นปี 2009 ที่มีวิกฤติเศรษฐกิจโลก รัฐบาลได้ปล่อยนโยบาย เช็คช่วยชาติ ให้ผู้คนไปจับจ่ายใช้สอย ซึ่ง Naza ก็รับเช็คช่วยชาตินี้ วางเป็นเงินดาวน์ได้เลย!
นอกจากนั้น Naza Forza ยังประหยัดน้ำมัน และมีอุปกรณ์มาตรฐานที่ครบถ้วน อาจจะฟังดูตลก แต่นี่คือรถที่มาพร้อมระบบปรับอากาศ กระจกไฟฟ้า ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบหัวฉีด เบาะหลังพับได้ 60/40 และพนักพิงศีรษะแบบปรับได้ ในรุ่น Sport ราคา 379,000 บาท ซึ่งในปี 2008 ถือว่าไม่มีคู่แข่งรุ่นใดเทียบได้แล้วครับ!
แล้วทำไมถึงเจ๊ง?
เราก็พยายามเขียนอย่างใจดีที่สุดแล้ว หาข้อดีของ Naza Forza มาให้อย่างเต็มที่ แต่เราก็เลี่ยงไม่ได้ว่านี่คือรถจากประเทศจีน ที่แม้แต่คนมาเลเซียที่เป็นผู้ผลิตยังไม่ยอมรับเลย
ขอขอบคุณภาพจาก CY Foong ของเว็บไซต์ Wapcar
คุณภาพของ Naza Forza นั้น ย่ำแย่ในแบบที่เราคิดถึงรถยนต์จากประเทศจีนเมื่อ 15 ปีที่แล้ว มันไม่สามารถเทียบเท่าได้แม้แต่รถยนต์ Proton จากประเทศมาเลเซีย หรือรถอย่าง Kia Picanto ที่ยนตรกิจเองก็นำมาจำหน่าย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อในปี 2009 คนไทยจำนวนมากก็ทราบข่าวเกี่ยวกับรถยนต์ขนาดเล็กรุ่นใหม่ ที่จะมาจำหน่ายผ่านโครงการ "Eco Car Phase 1" อันได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี และมีผู้เล่นหน้าเก่าจำนวนมากที่มีชื่อเสียงเรื่องคุณภาพดีกว่า เตรียมตัวเปิดตัวออกมากันมาก
Nissan March (นิสสัน มาช) รุ่นถูกสุด เกียร์ธรรมดา เปิดตัวมาในต้นปี 2010 ด้วยราคาจำหน่าย 375,000 บาท และรุ่นเกียร์อัตโนมัติราคาเพียง 459,000 บาท แม้ว่าอุปกรณ์มาตรฐานจะน้อยเสียจนเราไม่อยากจะเรียกมันว่ารถ แต่มันก็เป็นรถที่มาจากค่ายซึ่งในขณะนั้น มียอดขายเป็นลำดับต้น ๆ ในไทย และมีชื่อเสียงอันยาวนาน ผู้คนทราบดีถึงความทนทานและคุณภาพการประกอบที่เหนือกว่า
Nissan March กลายมาเป็นความสำเร็จชั่วข้ามคืน ยอดจำหน่ายถล่มทลาย และเปิดฉากยุคสมัยใหม่ของตลาดรถยนต์ประเทศไทย นี่คือรถที่ทำให้คนจำนวนมากสามารถมีรถได้
ในทางกลับกัน Naza Forza ถูกเลิกทำการผลิตในปี 2011 และยนตรกิจ ก็ตัดมันออกจากใบราคาอย่างเงียบ ๆ ไปพร้อมกัน เราคาดว่าคงจะมี Naza Forza ที่จำหน่ายออกไปได้ไม่ถึง 1,000 คัน และมันจึงกลายเป็นหนึ่งในรถที่หายากที่สุดบนท้องถนนเมืองไทย ร่วมกับ Chery QQ (เชอรี่ คิวคิว) เพื่อนร่วมชาติที่เปิดตัวในไทยปี 2009
บทเรียนที่เราได้จาก Naza Forza
หลายคนมักจะพูดกันติดตลกว่า คนไทย แค่รถสวย ราคาถูก ก็ขายได้แล้ว แต่เราไม่เห็นด้วยเช่นนั้น อย่างน้อย ก็ไม่ได้เห็นด้วยไปทั้งหมด
Naza Forza มีรูปลักษณ์ที่ดูแปลกแหวกแนว และไม่มีใครวิพากษ์วิจารณ์ว่ามันไม่สวยเลย กลับมองว่ามันน่าสนใจเสียด้วยซ้ำ และราคาจำหน่ายมันก็ถูกจริงในช่วงเปิดตัว แต่นอกเหนือจากนั้นแล้ว มันเสนอคุณงามความดีอะไรให้กับลูกค้าบ้าง?
ไม่มีใครแปลกใจหรอกครับ ที่ Naza Forza ไม่ประสบความสำเร็จ ผู้เขียนคิดว่าผู้อ่านคงจะแปลกใจมากกว่าว่าเราเขียนถึงมันทำไม
คำตอบก็อยู่ในหัวเรื่องแล้วครับ เพราะนี่คือรถที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ มันคือรถยนต์จากประเทศจีนรุ่นแรกที่ได้เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ก่อนหน้ารถตู้ Wuling (วู่หลิง) ก่อนหน้ารถ Dongfeng (ตงฟ่ง) ก่อนหน้า MG (เอ็มจี)
เป็นเรื่องปกติ ที่ผู้นำอาจจะไม่ได้ประสบความสำเร็จเสมอไป แต่เขาก็ปูทางให้ผู้ตามที่เรียนรู้อยู่ห่าง ๆ ไม่ทำพลาดในแบบเดียวกันอีก