เชื่อว่าเมื่อพูดถึงรถยนต์ไฟฟ้า หนึ่งในคันที่ทุกคนมักจะนึกถึงเป็นอันดับต้น ๆ น่าจะเป็น Tesla Model 3 (เทสล่า โมเดล 3) จากสหรัฐอเมริกาของ CEO สุดอินดี้ Elon Musk
การจะเป็นเจ้าของในไทยนั้น แม้ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากยังไม่มีตัวแทนจำหน่ายจาก Tesla (เทสล่า) เข้ามาอย่างเป็นทางการ แต่ก็ยังพอหาได้หากคุณมีเงินมากพอ
ค่าตัวของเทสล่า โมเดล 3 ในประเทศไทย หากลองหาดูจะอยู่ที่ 2-4 ล้านบาทแล้วแต่รุ่นและปี แต่ทุกท่านสงสัยกันบ้างไหม ว่าเขามีค่าบำรุงประจำปีอยู่ที่เท่าไร แพงกว่ารถทั่วไปหรือไม่ เราจะพาไปดู
อย่างที่ทราบกันดีว่าเทสล่านั้นไม่มีตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย ทำให้การคำนวนค่าซ่อมบำรุงนั้นเป็นเรื่องที่ยาก เพราะมีอัตราค่าบริการและอะไหล่ในแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน
แต่ได้มีการเผยตารางค่าบำรุงของ Tesla Model 3 ของดีลเลอร์แห่งหนึ่งที่รับซ่อมและดูแล โดยจะเป็นรถที่ใช้ระยะทาง 10,000/1 ปี เป็นเวลา 5 ปีให้ดู
10,000-20,000 กิโลเมตร
10,000-20,000 กม. |
ระยะ |
10,000 |
20,000 |
รายการ |
ราคา |
ตรวจสอบเช็คระยะ |
1,500 |
1,500 |
ไส้กรองอากาศ |
- |
1,800 |
รวม |
1,500 |
3,300 |
30,000-40,000 กิโลเมตร
30,000-40,000 กม. |
ระยะ |
30,000 |
40,000 |
รายการ |
ราคา |
ตรวจสอบเช็คระยะ |
1,500 |
1,500 |
ไส้กรองอากาศ |
- |
1,800 |
ถ่ายน้ำระบบหล่อเย็น |
- |
1,000 |
รวม |
1,500 |
4,300 |
50,000 กิโลเมตร
50,000 กม. |
ระยะ |
50,000 |
รายการ |
ราคา |
ตรวจสอบเช็คระยะ |
1,500 |
รวม |
1,500 |
สรุปว่า ค่าบำรุงรักษาทั้งค่าอะไหล่เเละค่าบริการ รวมทั้งหมดเพียงเเค่ประมาณ 35,000 บาทเท่านั้น กรณีใช้รถ 5 ปี/50,000 กิโลเมตร แต่ราคานี้ไม่รวม ยางรถยนต์, เเบตเตอรี่, และยางใบปัดน้ำฝน
หากจะอ้างอิงราคาของที่ปัดน้ำฝนจากในเว็บไซต์ของเทสล่าเอง จะมีราคาอยู่ที่ 66 ดอลลาร์สหรัฐ แปลงเป็นเงินไทยสูงถึง 2,100 บาท แต่ที่ไทยน่าจะมีของแทนกันได้อยู่แล้ว จึงราคาไม่ควรสูงเท่านี้
ค่าอะไหล่อื่น ๆ เพิ่มเติม
นอกจากนี้ ยังมีค่าอะไหล่อื่น ๆ ที่ควรเปลี่ยนเมื่อจำเป็น ดังนี้
- เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรค 1,200 บาท (ควรเปลี่ยนทุกๆ 2 ปี)
- เปลี่ยนผ้าเบรคคู่หน้า 8,000 บาท
- เปลี่ยนผ้าเบรคคู่หลัง 7,000 บาท
- เซ็นเซอร์ผ้าเบรคคู่หน้าเเละหลัง 1,200 บาท
- เจียรจานเบรค 4 ใบ 1,200 บาท
ทั้งหมด มีค่าบริการ 1,600 บาท รวม 19,000 บาท
เปลี่ยนยางบ่อย
นอกจากนี้ ยังมีเสียงจากผู้ใช้งานจริง กล่าวว่าต้องเปลี่ยนยางบ่อยทุก ๆ 20,000 กิโลเมตร เนื่องจาก Tesla Model 3 เป็นรถขับเคลื่อนล้อหลัง อีกทั้งเป็นรถที่มีแรงบิดสูงมาก
ซึ่งเวลาออกตัวหรือเบรค(รีเจน)ก็จะใช้ล้อหลังเป็นหลัก และอย่างที่รู้ว่า ทำให้การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าที่ขับ 2 ล้อนั้นกินยางไปมากกว่ารถยนต์น้ำมันทั่วไป
อ่านเพิ่มเติม สาวจีนประท้วง Tesla เบรกเจ๊ง
เรื่องของแบตเสื่อม
จริง ๆ หากคุณอยู่ที่อเมริกา ทางเทสล่าเขามีการรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปีหรือ 160,000 กิโลเมตรให้อยู่แล้ว และยังสามารถเปลี่ยนได้ฟรีอีกด้วย
แต่หากคุณอยู่ไทย กังวลว่าไม่มีประกันแล้วกลัวว่าแบตเสื่อมจะเปลี่ยนแพง จากการอ้างอิงของเว็บไซต์ต่างประเทศ กล่าวว่าราคาแบตเทสล่า โมเดล 3 มีราคาอยู่ที่ประมาณ 13,500 ดอลลาร์ไม่รวมค่าแรง หรือเงินไทย 443,000 บาท ซื้ออีโคคาร์คันเล็ก ๆ ได้เลย
ซึ่งอาจจะต้องผ่านการใช้งานมาอย่างหนัก และมีการชาร์จที่ไม่สม่ำเสมอ มีการทดลองออกมาแล้วว่า แบตเตอรี่ของ Hybrid ธรรมดานั้นไม่ดีเท่าแบตรถยนต์ไฟฟ้า
เพราะตัวแบต hybrid นั้นไม่มีระบบควบคุมอุณหภูมิ, ใช้แบตประเภท Ni-Mh Battery (แบตเตอรี่-นิเกิลเมทัลไฮดราย) ซึ่ง life cycle (จำนวนครั้งในการชาร์จ) น้อยกว่าแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนของรถไฟฟ้าทั่วไป
แถมยังให้แบตมาน้อย ยกตัวอย่างแบต hybrid ของ Toyota ทุกรุ่นมาพร้อมขนาด 1.6 kWh หรือน้อยกว่ารถยนต์ไฟฟ้า 40-50 เท่า
อ่านเพิ่มเติม Tesla Model 3 ปล่อยมลพิษมากกว่ารถเครื่องยนต์?
ทดสอบแบตเสื่อมหลัง 7 ปี
มีผู้ใช้ Tesla Model S ในต่างแดน ทำการทดสอบว่าแบตเสื่อมลงเท่าไหร่หลังจากใช้รถมา 7 ปี ใช้วิธีการนำรถออกวิ่งด้วยความเร็วประมาณ 90 กม./ชม. อย่างต่อเนื่อง เพื่อหาว่ารถใช้ไฟฟ้าในการวิ่งเท่าไหร่ต่อกิโลเมตร
และเมื่อแบตใกล้หมด ก็จะนำไฟฟ้าที่ใช้ในการวิ่งต่อกิโลเมตร มาดูว่ารถสามารถใช้แบตเตอรี่ได้กี่ kWh
และนำมาเทียบกับ 75 kWh ที่เป็นความจุเดิมของแบตเตอรี่รถที่มาจากโรงงาน เพื่อหาว่าแบตเสื่อมลงไปกี่ % จากเมื่อ 7 ปีก่อน
ผลที่ออกมาคือ Tesla Model S P85 ใช้แบตไปทั้งหมด 68.6 kWh เมื่อขับไป 426.5 กม. โดยแบตยังเหลือ 4%
หากคำนวนว่าใช้จนหมดเหลือ 0 เท่ากับว่าจะใช้แบตไปทั้งหมดที่เหลืออยู่ซึ่งก็คือ 71.5 kWh และทำระยะทางได้สูงสุด 444 กม.
เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่จากเดิม 75 kWh หมายความว่า แบตเสื่อมลงไปเพียง 5% เท่านั้น
อ่านเพิ่มเติม ทำไม 2022 Tesla Roadster ถึงเป็นรถอันตราย
อย่างไร็ตาม เรื่องของแบตเตอรี่เสื่อม ขึ้นอยู่กับการใช้งาน ว่าขับบ่อย และขับทางไกลแค่ไหน เพราะการชาร์จไวบ่อย จะทำให้แบตเสื่อมได้ง่ายขึ้น เพราะการกลับมาชาร์จไฟบ้าน ถึงแม้จะใช้เวลาชาร์จนานกว่า แต่ก็ยืดอายุแบตได้ดีกว่า
ในส่วนของอะไหล่ ถือว่าแพงกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันอยู่บ้าง ตรงที่ไม่ต้องมีการถ่ายน้ำมันเครื่องหรือน้ำมันเกียร์ แต่เปลี่ยนไปเช็ตระยะกับระบบคอมพิวเตอร์แทน รวมถึงมีค่าบริการที่แพงอยู่เหมือนกัน
หากใครจะซื้อมาใช้ ควรศึกษาเรื่องการซ่อมแซมให้ดี มีเงินซื้อรถแล้วต้องเผื่อค่าซ่อมได้ด้วย
อ่านเพิ่มเติม ทำไมรัฐบาลจีนต้องจับมือสื่อรุมถล่ม Tesla ยับ