2021 Suzuki Swift (ซูซูกิ สวิฟท์) ได้ทำการปรับโฉมเล็กน้อยประจำปีในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พร้อมทั้งมีการปรับอุปกรณ์เพิ่มเติมหลายอย่าง ตัดลดรุ่นที่ทำตลาดลงไปเหลือเพียง 2 รุ่นย่อยเพื่อให้ง่ายต่อการทำตลาด เรียกว่าเอาใจผู้บริโภคยุคใหม่ที่ไม่ต้องการคิดอะไรวุ่นวาย
ด้วยราคาจำหน่ายเพียง 5.57 แสนบาทในรุ่น GL และ 6.29 แสนบาทในรุ่น GLX ตัดการทำตลาดในรุ่นเริ่มต้นอย่าง GA และรุ่นที่เคยท็อปอย่าง GLX-Navi ทำให้ลูกค้าจับจองเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น แต่การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ก็ไม่ได้มีการปรับในส่วนของเครื่องยนต์เพิ่มเติมแต่อย่างใด
AutoFun Thailand เข้าร่วมทริปทดสอบรถยนต์อีโคคาร์รุ่นปรับโฉมใหม่ล่าสุดของค่าย Suzuki (ซูซูกิ) บนถนนอันแออัดของกรุงเทพมหานคร และพบว่ายังมีข้อดีมากมายที่ทำให้รถคันนี้จัดเป็นหนึ่งในรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่มีความคุ้มค่าที่สุดในท้องตลาด หากคุณต้องเลือกรถไว้ใช้งานสักคัน
5 เหตุผลโดนใจ 2021 Suzuki Swift
- อุปกรณ์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาน่าใช้
- รูปทรงสวยงามที่ไม่ล้าสมัย
- เครื่องยนต์สมรรถนะพอตัว เน้นประหยัด
- ภายในใช้งานเอนกประสงค์หลากหลาย
- ราคาที่ยังน่าคบหาอยู่เหมือนเดิม
เพิ่มของเล่นรอบคันอย่างหลากหลาย
ในตอนแรกที่เปิดตัว Suzuki Swift พวกเขาถูกติงว่าเป็นรถที่ไม่มีความคุ้มค่า แม้ค่าตัวจะไม่แพง แต่อุปกรณ์ที่ติดตั้งมาให้นั้น ล้วนแต่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมกันทั้งหมด จนกลายเป็นที่มาของการแซวกันว่า ซูซูกินั้นช่วยให้ดีลเลอร์มีของแถมหรือรายได้เพิ่มจากการขายอุปกรณ์เสริมด้วยซ้ำ
การปรับโฉมครั้งล่าสุด ซูซูกิได้ทำการเพิ่มอุปกรณ์ให้มากขึ้น และน่าใช้งานมากขึ้น โดยการเปลี่ยนแปลงหลัก ๆ ได้แก่ การติดตั้งจอสัมผัสขนาดใหญ่ 8 นิ้วตรงกลางจอ ที่สามารถรองรับการเชื่อมต่อระบบแอปเปิล คาร์เพลย์และแอนดรอยด์ออโต้ ซึ่งน่าใช้งานมากกว่าจอรุ่นเดิมอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากนี้ก็มีการติดตั้งกล้องสำหรับช่วยในการถอยจอด ซึ่งกลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานไปเป็นที่เรียบร้อย ส่วนการถอดระบบนำทางออกไปนั้น ผู้บริหารให้เหตุผลว่าเมื่อมีการติดตั้งระบบเชื่อมต่ออื่น ๆ แล้ว ระบบนำทางในรถยนต์ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป และยังทำให้ราคาจำหน่ายไม่เพิ่มขึ้นอีกด้วย
รูปลักษณ์ภายนอกยังแข่งขันได้ดีอยู่
สวิฟท์นั้นเป็นรถยนต์อีโคคาร์ที่ได้รับการยอมรับว่ามีรูปร่างหน้าตาที่สดใส ทันสมัยและโดนใจวัยรุ่นมาโดยตลอด และแม้ว่าการปรับในครั้งนี้จะไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงที่หวือหวาอะไร แต่ก็เน้นภาพลักษณ์ของรถที่มีความพรีเมียมมากขึ้น ให้สมกับเป็นรถที่มีการทำตลาดมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว
การเปลี่ยนแปลงด้านนอกของรถคันนี้ ประกอบไปด้วยการเลือกใช้เส้นคาดหน้าฝากระโปรงแบบโครเมียม แทนที่จะเป็นเส้นคาดสีแดงแบบที่ผ่านมา การติดตั้งล้ออัลลอยแบบใหม่ปัดเงาขนาด 16 นิ้ว ที่ดูภูมิฐานมากขึ้น ก็ทำให้ตัวรถนั้น สามารถผันตัวไปจับกลุ่มลูกค้าที่ไม่ต้องการความหวือหวาได้
นอกจากนี้ อุปกรณ์ภายนอกอื่น ๆ ก็ยังถือว่าน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้าโปรเจคเตอร์ แอลดีดี พร้อมพร้อมด้วยไฟเดย์ไลท์ และไฟท้ายแบบแอลอีดี มือจับเปิดประตูบานหลังนั้นซ่อนที่เสาหลังคาหลัง ประตูเปิด-ปิดด้วยกุญแจ Keyless Entry การตกแต่งสีดำตัดกับสีพื้นฐานของรถก็ดูสปอร์ตดีอยู่
เครื่องยนต์สมรรถนะพอไหว เน้นประหยัด
เครื่องยนต์ที่ติดตั้งมาให้นั้นไม่ได้เน้นความว่องไวปราดเปรียว แต่เน้นความสามารถในการใช้งานในเมืองเป็นหลัก ด้วยคุณสมบัติในการประหยัดน้ำมันที่เหนือกว่าคู่แข่งในเซกเมนต์เดียวกัน เรามีโอกาสได้ลองขับทางไกล ด้วยความเร็วพอสมควร และพบว่ามันประหยัดน้ำมันถึง 16 กิโลเมตรต่อลิตร
ใต้ฝากระโปรงบรรจุเครื่องยนต์เบนซิน K12M บล็อก 4 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร เครื่องยนต์ตัวเก่าที่ใช้มานาน ที่ให้พละกำลังสูงสุด 83 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 108 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแปรผันต่อเนื่อง ซีวีที รองรับเชื้อเพลิงสุดสุดได้ถึงแก๊สโซฮอล์ อี20
โครงสร้างตัวถังออกแบบโครงสร้างจากเหล็กกล้าที่มีน้ำหนักเบา พร้อมระบบกันการสั่นสะเทือน ทนทานต่อการสึกหรอเป็นพิเศษ ระบบความปลอดภัยประกอบด้วยถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว และระบบดิสก์เบรก 4 ล้อ
ห้องโดยสารภายในเอนกประสงค์ใช้งานง่าย
แม้จะไม่มีระบบปรับเบาะแบบสุดโต่งเหมือนคู่แข่งเขา แต่ภายในห้องโดยสารของซูซูกิ สวิฟท์นั้นก็ถือว่าใหญ่โต โอ่โถง และมีความน่าใช้งาน ด้วยเบาะที่นั่งแบบ 5 ตำแหน่ง และห้องเก็บสัมภาระขนาดใหญ่ ที่สามารถเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระเพิ่มเติมได้ด้วยการปรับเบาะด้านหลังแบบ 60:40
เมื่อทำการปรับพับเบาะลงมาแล้ว จะได้พื้นที่บรรทุกสัมภาระขนาดใหญ่ถึง 265 ลิตร ภายในห้องโดยสารเน้นโทนสีดำ ตกแต่งด้วยวัสดุสีเงินสไตล์สปอร์ต มาตรวัดตกแต่งด้วยลายเส้นสีแดง พร้อมจอแอลซีดี แสดงข้อมูลการขับขี่ พวงมาลัยหุ้มหนัง พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียง และสั่งการโทรศัพท์
มาพร้อมช่องเก็บของอเนกประสงค์ พร้อมช่องวางเครื่องดื่มมากถึง 7 ตำแหน่ง บนแดชบอร์ดมีหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว มีเครื่องเล่นวิทยุ เอ็มพี3 รองรับทุกการเชื่อมต่อ รวมถึงบลูทูธและช่อง HDMI ที่สามารถเปิดดูภาพยนตร์ได้แม้จะไม่ต้องจอดรถ อันนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับวิจารณญานนะ
ราคายังน่าสนใจเมื่อเทียบคู่แข่ง
ด้วยราคาจำหน่ายที่เปิดเอาไว้ที่ตัวล่าง 5.57 แสนบาท แต่เพิ่มอุปกรณ์เข้าไปอย่างล้นคันเมื่อเทียบกับตัวเก่า และรุ่นท็อปที่ไม่ได้ปรับราคาจำหน่าย แต่ให้กล้องมองหลังและจอสัมผัสขนาดใหญ่มา ทำให้รถค่าตัว 6.29 แสนบาทนั้นมีความคุ้มค่ามากขึ้น เมื่อเทียบกับคู่แข่งที่ราคาสูงกว่าเยอะ
หากคุณไม่ได้ต้องการสมรรถนะที่หวือหวามากจากรถกลุ่มอีโคคาร์นี้ และเน้นไปที่การใช้งานในเมืองเป็นหลัก แน่นอนว่าเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลังและช่วงล่างของสวิฟท์นั้น เพียงพอที่จะทำให้คุณใช้งานมันได้อย่างสบาย และประหยัดเงินในกระเป๋าไว้เติมเชื้อเพลิงอี20 กันได้เป็นปี
แน่นอนล่ะว่ารถของคู่แข่งหลายรุ่นนั้น ตัวท็อปขยับกันไปเริ่มต้นที่เลข 7 กันแล้ว แต่นั้นก็แลกมาด้วยสมรรถนะที่โดดเด่นเหนือใคร แม้ในเชิงอุปกรณ์และระบบอาจจะไม่ได้แตกต่างกันมาก ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจแล้วว่า ความต้องการของคุณอยู่ที่ไหน ถ้าแรงสุดขีดสปีดเร้าใจก็ 2021 Suzuki Swift ได้เลย!!!