หลุดภาพสปายช็อตของ 2023 MINI Cooper S (2023 มินิ คูเปอร์ เอส) รุ่นใหม่ ก่อนถึงกำหนดการเผยโฉมครั้งแรกภายในปี 2022

รายงานข่าวระบุว่าภาพหลุดชุดนี้ถูกถ่ายไว้ได้ที่ศูนย์การพัฒนาแห่งหนึ่งในประเทศจีน ก่อนถูกโพสต์ขึ้นบนอินสตาแกรมของผู้ใช้นามว่า Wilcoblok เผยให้เห็นรูปลักษณ์ของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุดจากแบรนด์ MINI แบบทุกมุมมองกันเลยทีเดียว

เมื่อดูจากบั้นท้ายจะพบว่ารถ MINI สีขาวคันนี้มีตัวอักษรประทับที่บั้นท้ายว่า Cooper S พร้อมรายละเอียดการออกแบบที่น่าสนใจมากทีเดียว ขณะเดียวกัน ยังมีภาพ MINI Hatch ที่ถูกห่อหุ้มพรางตัวติดร่วมเฟรมมาด้วย

ดีไซน์ใหม่แต่ยังใส่เอกลักษณ์เดิม

หากมองแวบแรกจะพบว่า MINI เวอร์ชั่นไฟฟ้ารุ่นใหม่นี้เป็นเหมือนการปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ แต่แท้จริงแล้ว ตัวรถได้รับการออกแบบใหม่หมดแต่ยังใส่เอกลักษณ์เฉพาะตัวดั้งเดิม ไฟหน้า LED ทรงกลมที่มีกราฟฟิกทันสมัย ปราศจากกระจังหน้าแต่แทนที่ด้วยแผงกันชนสีเดียวกับตัวรถ

เส้นสายฝากระโปรงหน้ามีความเรียบง่ายและดูกลมกลืนไปกับโคมไฟมากกว่ารุ่นปัจจุบัน เสาหลังคาสีดำทำให้หลังคาดูลอยตัวโดดเด่น มิติตัวถังมีขนาดเล็ก ระยะโอเวอร์แฮงก์ค่อนข้างสั้น ตัวถังยังคงสไตล์รถสามประตูน่ารักน่าใช้งาน

ขยับมาดูกันที่บั้นท้าย สิ่งแรกที่เห็นคือการออกแบบที่โป่งพองออกด้านข้าง ดีไซน์โคมไฟ LED มีความโฉบเฉี่ยวและดุดันมากขึ้น คาดตรงกลางด้วยวัสดุสีดำเงาที่มีลวดลายในตัว

ภายในห้องโดยสารถือว่าน่าสนใจไม่แพ้กัน ด้วยการติดตั้งจอขนาดใหญ่ทรงกลมกลางแดชบอร์ดหน้า ต่ำลงมาเป็นสวิทช์ควบคุมระบบปรับอากาศ ส่วนเรือนไมล์หายไปแล้วแทนที่ด้วยจอเฮดอัพดิสเพลย์ตั้งลึกบนแดชบอร์ด พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบขอบล่างตัดตรง

พิจารณาโดยรวม ค็อกพิทของ Cooper S ใหม่มีความสะอาดตายิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดอันเป็นเทรนด์ของรถอีวียุคใหม่ MINI เคยประกาศไว้ด้วยว่าจะไม่ใช้หนังในการตกแต่งอีกต่อไปเพื่อตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน

ขุมพลังมีทั้งเครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า

MINI ยืนยันว่า Cooper ใหม่จะเปิดตัวออกจำหน่ายอย่างเป็นทางการภายในช่วงต้นปี 2023 มีทั้งเครื่องยนต์สันดาป เบนซินและดีเซล พร้อมด้วยระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า สร้างบนแพลตฟอร์ม FAAR ขับเคลื่อนล้อหน้า และขึ้นสายการผลิตที่โรงงานอ็อกซ์ฟอร์ดในประเทศอังกฤษ

เป้าหมายของ MINI คือการยกระดับยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าให้ถึงครึ่งหนึ่งของยอดขายทั้งหมดภายในปี 2027 ก่อนที่จะเดินหน้าสู่การเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัวหลังจากปี 2030 เป็นต้นไป