ตลาดรถเอนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ดัดแปลงบนพื้นฐานของรถปิกอัพ หรือที่เรียกกันในชื่อพีพีวีนั้น เป็นตลาดที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย ด้วยการพัฒนารถให้น่าใช้งานและตอบสนองความต้องการได้มากขึ้นของผู้ผลิตรถยนต์ประเภทนี้ทุกราย
อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มรถพีพีวีนั้น หากแบ่งกลุ่มกันจริง ๆ ก็จะพบว่าสามารถแบ่งแยกย่อยออกไปได้เป็นกลุ่มระดับพรีเมียม ที่มาพร้อมทั้งเรื่องของสมรรถนะ อุปกรณ์ตกแต่ง และสนนราคาจำหน่าย โดยกลุ่มนี้มีฟอร์ด เอเวอเรสต์ (Ford Everest) และโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ (Toyota Fortuner) ยืนคุมเชิงอยู่
ขณะที่กลุ่มตลาดระดับกลาง ที่ใช้เครื่องยนต์สมรรถนะน้อยกว่า ราคาจำหน่ายที่อยู่ระดับ 1.5 ล้านบาทบวกลบ แน่นอนว่าผู้นำในกลุ่มนี้คือ New 2019 Mitsubishi Pajero Sport (2019 มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สปอร์ต) และผู้ท้าชิงอย่าง All-New 2019 Nissan Terra (2019 นิสสัน เทอร์ร่า)
เทอร์ร่าคือผู้เล่นรายใหม่ล่าสุดในตลาดพีพีวีในประเทศไทย โดยพวกเขามาพร้อมเครื่องยนต์ 2.3 ลิตร เทอร์โบคู่ อุปกรณ์การตกแต่งเหนือชั้น และระบบความปลอดภัยใหม่ ๆ ที่คู่แข่งทุกรายยังไม่มี แต่ดูเหมือนว่ายอดจำหน่ายของพวกเขานั้นก็ยังไม่ค่อยดีนัก
ขณะที่ปาเจโร่ สปอร์ต ที่เพิ่งปรับหน้าตาเพิ่มอุปกรณ์ครั้งใหญ่กันไปในช่วงปลายปีที่ผ่านมา สามารถสร้างยอดจำหน่ายเป็นกอบเป็นกำได้มากกว่า แถมภาพลักษณ์ในเชิงการตลาดนั้นก็ถือว่านำหน้าคู่แข่งในระดับเดียวกันอย่างเหนือชั้น
มาลองเทียบกันตัวต่อตัวว่าตัวท็อปของรถ 2 รุ่นนี้แตกต่างกันมากหรือไม่ หรือว่าเป็นแค่แบรนด์ อิมเมจเท่านั้น ที่ต่างกันเหลือเกิน
รูปลักษณ์ที่ลงตัวของปาเจโร่ สปอร์ต
นับตั้งแต่การเปิดตัวรถรุ่นนี้ครั้งแรก มิตซูบิชิแทบจะไม่เคยมีปัญหากับรูปร่างหน้าตาของปาเจโร่ สปอร์ต ผู้นำในการใช้ Advanced Dynamic Shield Design ในการออกแบบมาตั้งแต่แรก แถมกลายเป็นว่ารถทุกคันที่ตามออกมาของค่ายนี้มาพร้อมแนวทางในการออกแบบใกล้เคียงกันเสียหมด
การออกแบบที่เน้นแนวกระจังหน้าขนาดใหญ่ เชิ่อมต่อเป็นชิ้นเดียวกับกรอบโคมไฟหน้าและไฟส่องสว่างเวลาวิ่งกลางวัน ขณะที่ครึ่งล่างของด้านหน้าเป็นช่องระบายอากาศที่ต่อเนื่องไปเป็นชุดไฟเลี้ยวและไฟตัดหมอก ขณะที่ดารออกแบบด้านหลังก็โดดเด่นด้วยไฟท้ายแนวตั้งที่ติดอยู่ด้านหลังเสาซี
สำหรับรุ่นใหม่ล่าสุด ยังมีการออกแบบชุดไฟทั้งหมดเสียใหม่ ให้ได้กรอบที่คมชัด และเฉียบขึ้นกว่าเดิม ชุดกันชนและสเกิร์ตรอบคันพร้อมบันไดออกแบบใหม่หมด สปอยเลอร์หลังที่ดูลงตัว และล้ออัลลอยรุ่นใหม่ขนาด 18 นิ้วลายใหม่ สีทูโทน ทำให้ตัวรถดูโดดเด่นไปอีกระดับ
หน้าตาที่ต้องเกลาเพิ่มอีกนิดสำหรับเทอร์ร่า
ถ้ามิตซูบิชิไม่เคยมีปัญหาด้านดีไซน์ภายนอก เทอร์ร่าเองก็น่าจะเป็นรถที่ประสบปัญหาเรื่องนี้ที่สุด เพราะบรรดาแฟน ๆ ของพวกเขาลงความเห็นกันว่ารถคันนี้ ไม่มีความแตกต่างจากรถกระบะที่นำมาเป็นพื้นฐานในการพัฒนาอย่างนิสสัน นาวาร่า (Nissan Navara) สักเท่าใดนัก
แต่พูดแบบนี้ก็ดูจะใจร้ายไปสักหน่อย เพราะนิสสันนั้นทำการปรับดีไซน์ในรายละเอียดออกมาเยอะเหมือนกัน แม้ด้านหน้ารถจะมาพร้อมกระจังหน้า V-Motion เหมือนกัน แต่ก็มีการปรับดีไซน์ของชุดไฟหน้า ที่มีไฟเดย์ไทม์และไฟตัดหมอก ให้มีมิติโดดเด่นมากขึ้น
ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว มาพร้อมกับบันไดข้างสีเงินเมทัลลิก เพิ่มความหรูหราด้วยมือจับประตูด้านนอกแบบโครเมียมและราวหลังคาสีดำแบบบิวท์อิน กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ซึ่งเอาตรง ๆ ก็คือรูปลักษณ์ยังดูไม่ลงตัวได้สัดส่วนทั้งคันนั่นเอง
เครื่องยนต์ที่มีความสูสีกันในเชิงตัวเลข
มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สปอร์ต มาพร้อมเครื่องยนต์ 4N15 แบบ 4 สูบแถวเรียง ปริมาตรกระบอกสูบ 2,442 ซีซี. พร้อมเทอร์โบแปรผัน วีจี-เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ ซึ่งเป็นทางเลือกเดียวเท่านั้นสำหรับรถยนต์รุ่นนี้ โดยไม่มีเวอร์ชั่นสมรรถนะสูงให้เลือกแต่อย่างใด
เครื่องยนต์รุ่นดังกล่าวให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้าที่ 3,500 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตรที่ 2,500 รอบต่อนาที การส่งกำลังเป็นหน้าที่ของเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อรุ่นใหม่ Super Select 4WD II
ขณะที่ นิสสัน เทอร์ร่า ก็ไม่มีทางเลือกของเครื่องยนต์รุ่นสมรรถนะสูงเช่นกัน โดยพวกเขาเลือกใช้เครื่องยนต์รุ่นใหม่รหัส YS23DDTT ปริมาตรกระบอกสูบ 2,298 ซีซี. พร้อมด้วยระบบเทอร์โบคู่ อินเตอร์คูลเลอร์ มาประจำการในรถทุกรุ่น
เทอร์โบคู่ในเครื่องยนต์ส่งผลให้ตัวเลขสมรรถนะสูงกว่าเล็กน้อย โดยกำลังสูงสุดของรถจะอยู่ที่ 190 แรงม้าที่ 3,750 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,500 รอบต่อนาที ทำงานผสานกับเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
แน่นอนว่าหากดูจากตัวเลขเพียงอย่างเดียว เทอร์ร่าน่าจะให้การตอบสนองที่ดีกว่าที่รอบต่ำกว่าปาเจโร่ สปอร์ต แต่เอาจริง ๆ แล้ว ไม่แน่ใจว่าเพราะเป็นเครื่องยนต์รุ่นใหม่หรือเปล่า ทำให้ความประทับใจในเครื่องยนต์ 2.4 ลิตรนั้น ยังน่าสนใจกว่าเครื่องยนต์ 2.3 ลิตรอยู่นิดหน่อย
ตารางเปรียบเทียบทางเทคนิค |
|
Mitsubishi Pajero Sport GT-Premium 4WD
|
Nissan Terra
VL 4WD
|
ราคาจำหน่าย (ล้านบาท)
|
1.599
|
1.457
|
กว้าง (มิลลิเมตร)
|
1,815
|
1,865
|
ยาว (มิลลิเมตร)
|
4,825
|
4,885
|
สูง (มิลลิเมตร)
|
1,835
|
1,835
|
ระยะฐานล้อ (มิลลิเมตร)
|
2,800
|
2,850
|
ระยะต่ำสุดถึงพื้น (มิลลิเมตร)
|
218
|
225
|
เครื่องยนต์
|
4N15
|
YS23DDTT
|
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รอบต่อนาที)
|
181/3,500
|
190/3,750
|
แรงบิดสูงสุด (นิวตันเมตร/รอบต่อนาที)
|
430/2,500
|
450/1,500-2,500
|
ระบบส่งกำลัง
|
อัตโนมัติ 8 จังหวะ
|
อัตโนมัติ 7 จังหวะ
|
ระบบขับเคลื่อน
|
ขับเคลื่อน 4 ล้อ
|
ขับเคลื่อน 4 ล้อ
|
ขนาดล้ออัลลอย (นิ้ว)
|
18
|
18
|
รองรับเชื้อเพลิงสูงสุด
|
ไบโอดีเซล บี10
|
ไบโอดีเซล บี10
|
ห้องโดยสารที่ใช้คำว่าคนละระดับ
จริง ๆ แล้วจุดที่ทำให้เทอร์ร่าโดนด่าเยอะไม่ใช่แค่ห้องโดยสารภายนอก แต่การออกแบบภายในก็แย่เช่นกัน เพราะจริง ๆ รถที่ออกหลังจากคู่แข่งหลายปี น่าจะมีเวลาพัฒนาอะไรให้สวยงามกว่านี้ได้ แต่นิสสันกลับละเลยเรื่องนี้ไปอย่างไม่น่าให้อภัย
เรื่องดีที่พอจดจำได้ก็คือระบบพับเบาะแถว 2 ที่ทำเป็นสวิตช์ควบคุมอยู่ตรงด้านหน้าให้คนขับควบคุมได้ นอกจากนั้น น่าจะเรียกได้ว่ายกมาจากปิกอัพแทบจะทั้งกระบิ ไม่ว่าจะเป็นโทนการแต่งห้องโดยสารสีน้ำตาล-ดำ หรือวัสดุพลาสติกแบบที่ดูราคาไม่แพงก็ยกมาหมด
ในห้องโดยสารของเทอร์ร่ามาพร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสาร 3 ตอน ที่ปรับด้วยปุ่มแบบหมุน ชุดมาตรวัดแบบออพตริตรอน หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสี ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และมีหน้าจอบนเพดานสำหรับผู้โดยสารตอนหลังติดตั้งมาให้
ปาดสายตาข้ามไปที่ปาเจโร่ สปอร์ต ที่ทำการอัพเกรดห้องโดยสารตัวเองให้หรูหรานุ่มนวลไปอีกขั้น ด้วยการบุนวมหุ้มหนังให้กับจุดที่มือสัมผัสได้ ไม่ว่าจะเป็นแผงคอนโซลหน้าหรือแผงประตู มาตรวัดแบบดิจิตอลเต็มรูปแบบ และจอแสดงข้อมูลการขับขี่เป็นจอแอลอีดีสี 8 นิ้ว
กระจกอัตโนมัติแบบขึ้น-ลง อัตโนมัติ พร้อมป้องกันการหนีบทั้ง 4 บาน ติดตั้งระบบกล้อง 360 องศามาให้ บานประตูท้ายเป็นแบบเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้าและไม่ต้องใช้มือในการเปิด ผู้โดยสารตอนหลังได้หน้าจอ 12.1 นิ้ว เรียกว่าเหมือนเดินเข้ารถที่พัฒนามากันคนละยุคเลยทีเดียว
ของเล่นและระบบความปลอดภัยที่เหนือชั้น
มิตซูบิชิที่มีระบบความปลอดภัยด้านหน้าที่เหนืออยู่แล้ว ทำการยกระดับความปลอดภัยด้วยการใส่ระบบเตือนเมื่อรถทำการเปลี่ยนเลน และระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง ซึ่งเป็นระบบที่ทำงานพ่วงกับกล้อง 360 องศามาให้ ทำให้รถเองมีความปลอดภัยมากขึ้น
ขณะเดียวกัน พวกเขาได้ทำการเปิดตัวแอพพลิเคชั่นที่มีชื่อว่า Mitsubishi Remote Control ที่สามารถควบคุมผ่านสมาร์ทโฟนให้รถเปิด-ปิดฝาท้ายไฟฟ้า เปิด-ปิดไฟหน้ารถ เปิด-ปิดไฟฉุกเฉิน ล็อคประตูรถ และมาพร้อมระบบช่วยเหลือและระบบแจ้งเตือนสถานะของตัวรถอย่างง่ายดาย
เรื่องอื่น ๆ เทอร์ร่าอาจจะแพ้ แต่เรื่องระบบด้านความปลอดภัยพวกเขาถือว่าไม่ธรรมดา เพราะระบบต่าง ๆ ที่ว่ามานั้น เทอร์ร่าให้มาตั้งแต่การเปิดตัว โดยเฉพาะระบบที่เรียกว่าระบบตรวจจับวัตถุและบุคคลรอบคันนั้น มาถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครติดตั้งมาในรถเซกเมนต์นี้
นอกจากนี้ เทอร์ร่ายังมาพร้อมระบบอีกมากมาย อาทิ ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา กระจกมองหลังแบบใช้กล้องแสดงภาพ ระบบเตือนแรงดันลมยาง และถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง
ถ้านับเรื่องอุปกรณ์ความปลอดภัยแล้วถือว่าห่างกันไม่มาก เพราะเอาจริง ๆ เทอร์ร่าเป็นรถที่เปิดตัวมาใหม่สุด ขณะที่ปาเจโร่ สปอร์ตนั้น ถือเป็นเวอร์ชั่นไมเนอร์เชนจ์ที่ต้องใส่ของเล่นเพิ่มอยู่แล้ว ในด้านนี้ถือว่าไม่แตกต่างกันเท่าไหร่หรอกนะ
ถ้าราคาไม่ใช่ประเด็น ปาเจโร่ สปอร์ตเถอะ
ในช่วงของการเปิดตัวรุ่นท๊อปของ New 2019 Mitsubishi Pajero Sport เปิดราคาจำหน่ายที่ 1.599 ล้านบาท ขณะที่ All-New 2019 Nissan Terra เคาะราคาเปิดตัวแบบสุดระทึกที่ 1.457 ล้านบาท เรียกว่ากะตีกินตลาดกลางถึงล่างกันให้ระทึก
แต่เอาเข้าจริง ๆ ด้วยข้อปัญหาจุกจิกและความไม่น่าสนใจของตัวสินค้า ทำให้เทอร์ร่าต้องปรับลดราคาจำหน่ายของตัวเองลงมาอย่างต่อเนื่อง อย่างเช่นล่าสุดก็ปรับราคาช่วงโควิดลงไปเกือบ 3 แสนบาทสำหรับบุคลากร เล่นเอาบรรดาคนที่ซื้อไปก่อนหน้าก่นด่ากันทั่วประเทศ
เพราะฉะนั้น ถ้าอยากได้ของราคาดีคุ้มค่า แต่อาจะมีปัญหาตอนขายต่อ ก็ลองมองหาเทอร์ร่าดูได้ แต่หากราคาไม่ใช่ประเด็น และคุณไม่ต้องการรถใหญ่ขนาดนี้ไปซิ่งเอาเป็นเอาตายที่ไหน ปาเจโร่ สปอร์ต รุ่นปรับโฉมก็คือทางเลือกที่ดีที่สุดอีกรุ่นหนึ่งในตลาดนี้เลย