2019 Nissan Sylphy และ 2019 Honda Civic เป็นรถคอมแพ็กต์ซีดานที่โลดแล่นอยู่ในตลาดนานกว่าคู่แข่งรุ่นอื่น ๆ โดยฝ่ายแรกมียอดขายรั้งบ๊วย ส่วนฝ่ายหลังเป็นผู้นำตลาดอย่างต่อเนื่อง

Sylphy 1.6DIG Turbo รุ่นท็อปขุมพลังเทอร์โบเปิดตัวออกมาในปี 2015 ขณะที่ Civic โฉมปัจจุบันตัวถัง FC เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2016 นับว่ามีอายุนานกว่า Mazda 3 และ Toyota Collora Altis ซึ่งเปิดตัวในปี 2019

เราจึงขอนำ Sylphy ตัวท็อปและ Civic รุ่นรองท็อปที่มีเครื่องยนต์อัดอากาศเหมือนกันและมีราคาจำหน่ายห่างกันราว 9 หมื่นบาทมาเทียบสเปกกันให้เห็นกันชัด ๆ ว่าใครมีดีมีเด่นอะไรบ้าง

มิติตัวถัง

มิติตัวถังของ Sylphy สั้นและแคบกว่า แต่มีความสูงและมีระยะฐานล้อยาวกว่า กระนั้นถ้ามองในภาพรวม ความแตกต่างดูจะไม่มากนัก พื้นที่ในห้องโดยสารมีความใกล้เคียงกันและนั่งโดยสารได้สบายพอกัน

ระบบขับเคลื่อน

หัวใจขับเคลื่อน 1.6 ลิตร เทอร์โบ ถือเป็นไฮไลท์ของ Sylphy รุ่นท็อปก็ว่าได้ เพราะเหนือชั้นกว่าคู่แข่งทุกรุ่น ไม่ว่าจะดูจากสเปกชีทหรือวัดจากสมรรถนะการขับขี่จริง Sylphy มีอัตราเร่งที่เร็วและแรงที่สุดในระดับเดียวกัน ขณะที่อัตราเร่งของ Civic 1.5 ลิตร เทอร์โบอาจจะช้ากว่าเล็กน้อย แต่ก็ยังถือว่าแรงเร้าใจในระดับแถวหน้าของเซกเมนท์นี้

รูปลักษณ์และอุปกรณ์อำนวยความสะดวก

ด้วยความเป็นที่รุ่นท็อป Sylphy จึงเพียงพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกแม้จะเปิดตัวมานานถึง 8 ปีแล้วก็ตาม ประกอบด้วยไฟหน้าไฟหน้าโปรเจคเตอร์เลนส์ซีนอนแบบปรับระดับอัตโนมัติ มีระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อมระบบทำความสะอาดไฟหน้า หลังคามีซันรูฟไฟฟ้า ไฟตัดหมอกหน้า ไฟหรี่และไฟท้ายแบบ LED ส่วนโคมไฟเลี้ยวด้านข้างลายคาร์บอนเป็นแบบ LED บนกระจกมองข้างที่มีฟังก์ชั่นปรับและพับไฟฟ้า ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว หุ้มด้วยยาง 205/50 R17

ภายในเน้นความเคร่งขรึมด้วยการใช้โทนสีดำสลับวัสดุสีเงิน เบาะหุ้มหนังแท้และตกแต่งเสริมด้วยหนังสังเคราะห์ ที่วางแขนข้างประตูบุวัสดุนุ่มพิเศษ ส่วนพวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนัง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นที่สามารถควบคุมหน้าจอ MID และระบบเครื่องเสียงบนพวงมาลัย

ฟาก Civic ซีดานตัวรองท็อปอาจไม่หล่อเหลาเท่ารุ่นท็อป RS แต่ก็ยังหล่อเหลาถูกใจลูกค้ามหาชน โดยมาพร้อมไฟหน้าโปรเจคเตอร์ที่มีระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ มีเดย์ไลท์ LED และไฟท้ายแบบ LED ไฟตัดหมอกคู่หน้า มือจับเปิดประตูด้านนอกแบบโครเมียม กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวในตัว ปรับและพับไฟฟ้า ท่อไอเสียแบบคู่ เสาอากาศแบบปกติ ล้ออัลลอยมีขนาด 17 นิ้ว

ภายในตกแต่งด้วยสีดำเช่นเดียวกับรุ่นท็อป RS แต่ใช้หนังแท้และวัสดุหนังสังเคราะห์แบบไม่มีด้ายสีแดง พวงมาลัยหุ้มหนัง วัสดุตกแต่งคอนโซลแบบเปียโนแบล็ก

ฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกเด่น ๆ ของ Nissan Sylphy รุ่น 1.6DIG Turbo มีดังนี้

- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ

- ระบบควบคุมระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย Bluetooth บนพวงมาลัย

- มาตรวัดแบบ Analog แบบเรืองแสงและปรับระดับแสงได้

- จอ Multi-Information Display

- ระบบปรับอากาศ แบบอัตโนมัติพร้อมปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้ายขวา

- ช่องแอร์สำหรับที่นั่งด้านหลัง

- กุญแจอัจริยะ (Intelligent Key) พร้อมปุ่มเปิดฝาท้ายรถ และปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์

- ช่องจ่ายไฟสำรอง 12V

- ระบบเครื่องเสียง หน้าจอสี LCD จอ 5.8 นิ้ว วิทยุ CD MP3 แบบ 1 แผ่น พร้อมช่อง AUX-in, USB สำหรับอุปกรณ์ต่อพ่วง

- ลำโพง 6 ตำแหน่ง

- ระบบนำทางเนวิเกชั่น

- ระบบเชื่อมต่อ Nissan Connect

ฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกเด่น ๆ ของ Honda Civic รุ่น 1.5 VTEC Turbo มีดังนี้

- ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท

- ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ และระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ

- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิ แยกอิสระซ้าย/ขวา

- เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง          เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง 

- หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับแอปเปิลคาร์เพลย์

- พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียง และปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์       

- รองรับการเชื่อมต่อ Smartphone

- รองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri

- ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (Bluetooth)        

- ช่องเชื่อมต่อ USB 2 ตำแหน่ง

- ช่องเชื่อมต่อ HDMI  

- จำนวนลำโพง 8 ตำแหน่ง

การเปิดตัวออกมาทีหลังทำให้ Honda มีเวลาทำการบ้านได้มากกว่ากับ Civic จึงใส่ฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกสบายที่ค่อนข้างครบ เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า ขณะที่ Sylphy ยังเป็นแบบปรับด้วยมือ แต่เมื่อเจาะลึกในรายละเอียด  Civic 1.5 ตัวรองท็อปยังขาดระบบที่เป็นประโยชน์สำหรับลูกค้าบางคน อย่างระบบนำทางเนวิเกชั่นที่ Sylphy มีมาให้ด้วย

ระบบความปลอดภัย

ระบบความปลอดภัยเด่น ๆ ของ Nissan Sylphy รุ่น 1.6DIG Turbo มีดังนี้

- ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่งประกอบด้วยคู่หน้า ถุงลมด้านข้าง และม่านถุงลมด้านข้าง

- ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ VDC (Vehicle Dynamic Control)

- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS (Traction Control System)

- ระบบเบรกกันล้อล็อก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบเสริมแรงเบรก BA

- เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบ ELR 3 จุด แบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ แบบ Double Pretensioner ฝั่งคนขับ

- เข็มขัดนิรภัยที่นั่งด้านหลังแบบ 3 จุด 3 ตำแหน่ง

- กล้องมองหลัง

- สัญญาณเตือนกะระยะด้านหลัง

- ระบบล็อคประตูอัตโนมัติตามความเร็วรถ

- ระบบโครงสร้างเพื่อความปลอดภัย Zone Body Concept

ระบบความปลอดภัยเด่น ๆ ของ Honda Civic รุ่น 1.5 VTEC Turbo มีดังนี้

- ถุงลมนิรภัย 4 ตำแหน่งประกอบด้วยคู่หน้า และถุงลมด้านข้าง

- ระบบป้องกันล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD

- สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติ ขณะเบรกกะทันหัน

- กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ

- เข็มขัดนิรภัยด้านหน้าแบบ 3 จุด 2 ตำแหน่ง ปรับระดับสูง-ต่ำได้

- เข็มขัดนิรภัยด้านหลังแบบ 3 จุด 3 ตำแหน่ง   

- ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA)

การขาดแพ็คเกจความปลอดภัย Honda Sensing ที่มีเฉพาะในรุ่นท็อปและไม่มีม่านนิรภัย ทำให้ Civic มีระบบความเซฟตี้เป็นรอง Sylphy อยู่เล็กน้อยซึ่งมีถุงลมนิรภัยถึง 7 ตำแหน่ง รวมถึงระบบควบคุมเสถียรภาพ ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และระบบเสริมแรงเบรก BA ครบถ้วน

ราคาจำหน่าย

Nissan Sylphy รุ่น 1.6DIG Turbo ราคา 1,015,000 บาท

Honda Civic ซีดาน รุ่น 1.5 Turbo ราคา 1,104,000 บาท

สรุป

ด้วยราคาที่ต่างกัน 89,000 บาท และอ็อปชั่นที่ได้เปรียบเสียเปรียบกันคนละอย่างสองอย่าง ถ้าเปิดตัวออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน Nissan Sylphy อาจกุมความได้เปรียบและมีเสน่ห์ดึงดูดลูกค้ามากกว่า แต่กระนั้น ความแข็งแกร่งของแบรนด์ Honda และชื่อชั้น Civic ที่การันตีคุณภาพการใช้งานก็ทำให้เกิดผลลัพธ์ของยอดขายระดับผู้นำ

ขณะที่ตัวเลขยอดขายที่อยู่ในระดับเลขสองหลักของ Sylphy ก็แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคได้มองข้ามรถซีดานรุ่นนี้ไปนานแล้ว และอาจกำลังรอยลโฉมใหม่ที่เปิดตัวในตลาดโลกไปแล้วแต่ยังไม่มีการยืนยันว่าจะเข้ามาในบ้านเราเมื่อไหร่

กระนั้น ตราบใดที่ยังไม่มีค่ายรถรายใดพัฒนาเครื่องยนต์เทอร์โบรุ่นใหม่ออกมา Sylphy ก็จะจารึกชื่ออยู่ในเซกเมนท์นี้ว่าเป็นรถซีดานที่มีขุมพลังแรงที่สุดในระดับเดียวกัน โดนใจคอรถยนต์เท้าขวาหนักได้มากกว่ารุ่นอื่น