2022 Honda Civic (ฮอนด้า ซีวิค) อาวุธหนักแห่งปีของผู้นำตลาดรถยนต์นั่งในประเทศไทยอย่าง Honda (ฮอนด้า) ที่เปิดตัวออกมาทั้ง ๆ ที่รุ่นเดิมยังทำยอดจำหน่ายมากกว่า 60% ของตลาด เรียกว่าเป็นการเปลี่ยนม้ากลางศึกมารบต่อแบบไม่เกรงใจคู่แข่งเลย
การเปลี่ยนแปลงของฮอนด้า ซีวิคนั้น มีหลายประเด็นที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการยกเลิกการทำตลาดเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ขวัญใจสายชิลล์ที่เน้นการขับขี่แบบประหยัด แล้ววัดดวงด้วยเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ที่มีให้เลือกใน 3 รุ่นย่อยเท่านั้น ในโฉมปัจจุบัน
นอdจากนี้ ฮอนด้า ซีวิคยังถือเป็นรถยนต์รุ่นแรกของฮอนด้าในประเทศไทย ที่ให้ระบบความปลอดภัย Honda SENSING มาครบทุกรุ่นย่อย ก่อนที่รุ่นพี่อย่าง Honda Accord (ฮอนด้า แอคคอร์ด) จะปรับให้ในรุ่นล่างเหมือนกัน ตามมาในเวลาอีกไม่กี่วันเท่านั้น
เพราะฉะนั้นก็ต้องบอกว่าฮอนด้าเองพยายามหากลุ่มลูกค้าที่ชัดเจนว่าต้องการทั้งความแรงของเครื่องยนต์เทอร์โบและระบบความปลอดภัยที่เหนือชั้น แต่หากอยากได้เทคโนโลยีแบบครบ ๆ ก็ต้องยอมจ่ายเงินซื้อรุ่นท็อปอย่าง RS (อาร์เอส) เพียงเท่านั้น
ค่าตัวของอาร์เอสที่แพงกว่ารุ่นรองอยู่ 1.9 แสนบาท เอาจริง ๆ ก็เป็นเม็ดเงินที่ไม่น้อย แต่ก็กลับมาด้วยระบบช่วยเหลือด้านการขับขี่และความปลอดภัยมากมาย AutoFun Thailand พาไปชมและลองขับรถคันนี้กันแบบไวไว ว่าคุ้มค่าตัวหรือไม่ในรุ่นท็อปสุด
หรือจะประหยัดตังค์เอารุ่นกลางพอ มาติดตามไปพร้อม ๆ กัน!!!
รูปร่างหน้าตาแล้วแต่ความชอบ แต่ชุดแต่งพร้อมละ
เอาจริง ๆ หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่ารถนั้นสวยหรือไม่ ก็ต้องตอบว่าแล้วแต่คนมองนะครับ เพราะว่าการออกแบบนั้น แนวคิดก็เปลี่ยนไปจากรุ่นเดิมที่เน้นความสปอร์ตเป็นหลัก แต่ในรุ่นนี้จะเน้นกลุ่มลูกค้าที่กว้างกว่า ใช้งานง่าย ๆ และเป็นมิตรกับทุกคนขึ้น
การออกแบบนั้นมีบรรยากาศแบบแอคคอร์ดมากกว่าซีวิคเดิม รูปร่างหน้าตาตอนหน้านั้นดูกลมมน ลดความเหลี่ยมและเส้นสันลงไปเยอะ โลโก้ RS นั้นถูกติดตั้งที่ตำแหน่งของฝากระโปรงด้านหน้า แทนที่จะติดที่กระจังหน้าแบบรถรุ่นอื่น ๆ ทำให้ดูแปลกตา
ชุดแต่งรอบคันที่ให้มา เป็นสีดำล้วน ทำให้ดูเด่นมากขึ้นบนตัวรถสีขาวที่เราได้รับมาทดสอบ ซึ่งเป็นสีตัวถังพิเศษที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มจากสีปกติ โดยชุดแต่งที่เพิ่มมาจะมีทั้งฝาครอบกระจกมองข้าง เสาอากาศและสปอยเลอร์หลังสีดำ ที่ออกแบบมาดูดุดันลงตัว
นอกจากนี้ก็มีล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วสีดำลายเฉพาะรุ่นที่หลาย ๆ คนบอกว่าล้อของ Modulo นั้นดูสวยกว่า เอาจริง ๆ ถ้าคุณจะซื้อรถคันนี้ไปแต่ง คุณก็เปลี่ยนมันอยู่แล้วล่ะ แต่ถ้าซื้อเพราะต้องการระบบต่าง ๆ มากขึ้น ก็ถือเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ได้เลวร้ายในรถคันนี้
โดยรวม ๆ ในรุ่นอาร์เอสนั้นจะดูสปอร์ตกว่ารุ่นรองท็อปอย่าง EL+ ด้วยบรรดาชุดแต่งรอบคันนี่ล่ะ ถ้าไม่ได้สนใจระบบอุปกรณ์ที่เพิ่มขึ้นมา เอาจริง ๆ ไปซื้อรุ่นรองแล้วมาแต่งโมดูโลรอบคัน ที่จ่ายเพิ่มอีก 7 หมื่นกว่าบาท ก็ดูสวยงามและมีสีฟ้าใหม่ให้เลือกด้วย
และเราคิดว่าห้องโดยสารคือจุดชนะเลิศ โดยเฉพาะคอนโซลหน้า
ถ้าฮอนด้า ซีวิค รุ่นก่อนหน้านี้คือรถที่ออกแบบมาเพื่อความโฉบเฉี่ยวจนลูกค้ากลุ่มครอบครัวที่มีอายุหน่อยต้องหนีไปหาคู่แข่ง ซีวิครุ่นนี้ก็คือการเรียนรู้ของทีมออกแบบภายในของฮอนด้า ว่าจะหาจุดตรงกลางระหว่างดีไซน์ล้ำสมัยกับการเอาใจลูกค้าอย่างไร
ใครที่บอกว่าตะแกรงโลหะลายรังผึ้งนั้นดูย้อนยุค คงต้องขออนุญาตขอเถียงแทน เพราะมันเป็นการออกแบบที่ทำให้แผงคอนโซลหน้าของรถดูมีมิติมากขึ้น แม้จะเป็นช่องเก็บฝุ่นอย่างแน่นอนในอนาคต แต่เชื่อว่าคาร์แคร์ทุกที่สามารถดูแลกันได้แน่ ๆ
สิ่งที่ผมรู้สึกก็คือ ฮอนด้าตั้งใจออกแบบให้รถคันนี้ใช้งานได้ง่ายขึ้น เป็นมิตรกับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร อะไรที่ต้องใช้งานก็ยกออกมาให้จิ้มให้เสียบกันได้ง่าย ๆ คลำ ๆ เอาก็ใช้งานได้แบบไม่ต้องเหลือบตาไปมอง ทั้งตำแหน่งของพอร์ตยูเอสบีและปุ่มควบคุม
ไวร์เลส ชาร์จเจอร์ที่ติดตั้งมาให้ มีการคำนวนขนาดของการวางโทรศัพท์เข้าไปในแนวยาว มีขอบให้วางได้พอดี ยูเอสบีถูกยกออกมาวางที่แหน่งที่เห็นชัด รวมไปถึงการเลือกใช้ปุ่มมาควบคุมบางระบบ เช่น ระบบปรับอากาศ และหน้าจออินโฟเทนเมนต์
ใครที่ใช้ไอโฟนก็จะสามารถเชื่อมต่อแอปเปิล คาร์เพลย์แบบไร้สายได้ ขณะที่กลุ่มมือถือแอนดรอยด์ยังต้องเชื่อมต่อผ่านสายยูเอสบีอยู่หากต้องการใช้งานแอนดรอยด์ ออโต้ หรือจะเชื่อมต่อผ่านบลูทูธอย่างเดียวก็ได้เหมือนกัน เพราะมีเนวิเกเตอร์มาให้แล้ว
การเข้าออกจากตัวรถนั้นทำได้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ ด้วยลักษณะของหลังคาที่ยกสูงขึ้นที่ด้านหน้าจากการร่นเสาเอมาด้านหลังเล็กน้อย ขณะที่ห้องโดยสารหลังก็ยังต้องก้มศีรษะเยอะ ๆ ก่อนเข้ามา แต่พื้นที่ของขา บ่า ไหล่ นั้นรู้สึกว่าดีขึ้นกว่าเดิมพอสมควร
ผู้โดยสารตอนหลังไม่ต้องไปแย่งชาร์จไฟกับด้านหน้า เพราะมียูเอสบีพอร์ตมาให้ 2 ตำแหน่ง แต่จุดที่อาจจะงงงงกันหน่อยก็คือไม่มีช่องแอร์หลัง เบาะหลังพับไม่ได้ และไม่มีหมอนรองศีรษะสำหรับผู้โดยสารคนที่นั่งตรงกลาง อันนี้ฝากไปพิจารณาอีกทีด้วย
ขับดีขึ้นด้วยช่วงล่างเนียนกริ๊บ เครื่องยนต์ดีอยู่แล้วนะ
แม้ว่าเครื่องยนต์ของฮอนด้า ซีวิค รุ่นนี้จะเปลี่ยนไป ไม่ได้เป็นการเอาเครื่องยนต์เดิมมาดัดแปลง แต่เลือกใช้เครื่องยนต์ของฮอนด้า แอคคอร์ด ตามการยืนยันล่าสุดของทีมวิศวกรฮอนด้า จากที่ก่อนหน้านี้ บอกว่าหยิบยืมมาแต่เทอร์โบเท่านั้นในตอนแรกที่ถามไถ่
เมื่อหยิบยืมเครื่องยนต์ทั้งระบบมาจากแอคคอร์ด นั่นก็หมายความว่าเครื่องยนต์ 178 แรงม้าตัวนี้ ถูกทอนกำลังลงมาจากตอนที่อยู่ในแอคคอร์ดที่ให้กำลัง 190 แรงม้า และเป็นเครื่องยนต์ที่มีความพร้อมในการจูนต่อ อย่าแปลกใจที่มีคนทำ 200 แรงม้ากลาง ๆ แล้ว
แต่เอาจริง ๆ แค่เวอร์ชั่นมาตรฐานของซีวิคนั้นก็ถือว่าเครื่องยนต์ดีอยู่แล้วตามสภาพมาตั้งแต่ต้น อาจจะมีอาการลาก ๆ ช้า ๆ บ้างช่วงตีนต้นประมาณ 0-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่พอถึงจุดหนึ่ง เครื่องยนต์และระบบส่งกำลังก็พรวดพราดปรู๊ดปร๊าดขึ้นมาทันที
มีโอกาสได้ลอง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงมาเฉลี่ยที่ทำได้อยู่ประมาณ 8-9 วินาที ซึ่งจริง ๆ ถ้ามีเวลาและคุ้นชินกับรถมากกว่านี้ก็อาจจะได้ตัวเลขดีกว่านี้นะครับ ส่วนความเร็วสูงสุดบอกเลยว่าเกิน 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงตามมาตรวัดของฮอนด้าอย่างแน่นอน
โหมดสปอร์ตและโหมดธรรมดานั้นให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน และยังต้องเลือกใช้งานให้เหมาะสม เพราะอาการลากรอบยังมีให้เห็นอยู่ จะรู้สึกว่าเสียพลังงานไปเปล่า ๆ อัตราการสิ้นเปลืองที่กดอัด ๆ มาทั้งวันทำได้ 10-11 กิโลเมตรต่อลิตร
ถ้าขับปกติก็อาจจะเห็น 15-16 กิโลเมตรต่อลิตรได้นะครับ เดี๋ยวรอปล่อยรถทดสอบเดี่ยวมาลองดูกันอีกรอบว่าถ้าขับใช้งานชิลล์ชิลล์ในเมืองจะเป็นอย่างไรบ้าง แต่เบื้องต้นขอบอกว่าฮอนด้า ซีวิค ยังรักษามาตรฐานการขับขี่ของรถเอาไว้ได้อย่างไม่เป็นรองใคร
สิ่งที่ดีจริง ๆ และถือว่าทุกคนน่าจะชอบก็คือการเลือกเซตอัพช่วงล่างของรถมาแบบเอาใจคนหมู่มาก ไม่ได้เน้นความสปอร์ตจ๋า แม้จะเป็นรุ่นอาร์เอส เพราะเอาจริง ๆ เลย อย่างที่บอกว่า ฮอนด้าก็รู้อยู่แล้วว่ากลุ่มแต่งซิ่งคงไม่ทนขับช่วงล่างเดิม ๆ ของรถแน่
เมื่อกลุ่มลูกค้าพิเศษเหล่านี้ต้องเอารถไปโม พวกเขาก็เลยเซตรถให้ใช้งานได้หลากหลาย เข้าในเมืองก็จะรู้สึกนุ่มแบบไม่นุ่มจนย้วย ให้ความมั่นใจในการขับขี่ที่ดีในระดับหนึ่ง ออกไปต่างจังหวัด เจอทางคดเคี้ยวเลาะเขาก็ทำได้แบบไม่ต้องหวาดเสียวมาก
แต่ถ้าคุณจะขับรถคันนี้แบบเร็ว ๆ ตลอดเวลา ก็แนะนำให้ทำช่วงล่างเล็กน้อย เพื่อลดอาการโยนตัวเล็ก ๆ เวลาเข้าโค้งแรง ๆ ท้ายรถยังไวอยู่นิด ๆ แต่ที่เป็นปัญหาจริง ๆ น่าจะเป็นเสียงลมที่เข้ามาอย่างมากในช่วงความเร็ว 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไปล่ะครับ
ระบบที่เพิ่มมาใช้งานได้ดี แต่อยากให้ปรับจุดเดียว
ในรุ่นท็อปอย่างอาร์เอสนั้น Honda Civic ให้อุปกรณ์มาครบและเยอะที่สุดเท่าที่ซีวิคในประเทศไทยจะเคยมีมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Honda SENSING ระบบความปลอดภัยรอบด้าน พร้อมด้วย Honda LaneWatch ที่แสดงผลที่จอกลาง รวมถึง Honda Connect ก็มา
จุดที่ผมคิดว่าฮอนด้าควรปรับล่ะก็คือรายละเอียดของกล้องของตัว Honda LaneWatch เอง ที่ไม่แน่ใจจริง ๆ ว่าเป็นปัญหาที่กล้องหรือที่หน้าจอที่มีความละเอียดไม่พอ แต่เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่มีคนบ่นเยอะเหมือนกัน เอาจริง ๆ มันดูขัดตาเมื่ออยู่ในซีวิคเลย
กุญแจ Honda Smart Key ที่เป็นจุดขายนั้น ใช้งานได้ดีและสะดวกก็จริง แต่ก็เสียฟังชันส์บางอย่างที่อยู่ที่กุญแจรีโมทอันแสนคุ้นเคยไป 2 เรื่อง หนึ่ง ปุ่มเปิดฝากระโปรงท้ายที่รีโมท และสอง ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์จากภายนอกรถ ถ้าใครใช้ก็ต้องพกตัวเดิมไป
ผมชอบโช๊คที่ฝากระโปรงหลังมาก ๆ เพราะมันทำให้เราเปิด-ปิดได้อย่างสะดวก จนแอบคิดไม่ได้ว่าทำไมฮอนด้าไม่ให้โช็คที่ฝากระโปรงหน้ามาด้วยเสียเลย ส่วนเบาะที่นั่งคู่หน้าที่มาพร้อมระบบไฟฟ้า 2 ฝั่งก็ใช้งานดี แม้จะไม่มีถุงลมนิรภัยที่หัวเข่าก็ตาม
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ที่มาพร้อมฟังชั่นส์เตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัว ทำงานด้วยกล้องตัวหน้า ทำให้ได้ฟังชั่นแสดงผลที่หน้าจอขนาดเล็กเป็นรูปรถมา แต่ยังแสดงผลไม่ 100% เช่น แสดงผลรถกระบะติดแค็บเป็นรถ 6 ล้อ เป็นต้น
รวมถึงไม่สามารถแสดงผลรถที่วิ่งมาจากด้านท้ายได้ ต่างจากรถบางค่ายที่มีกล้องรอบคัน ก็เลยแสดงผลได้เยอะกว่า แต่ที่ชมก็คือปุ่มกด แป้นโยกและแป้นหมุนบนพวงมาลัยมัลติฟังชั่นส์นั้น ใช้งานง่าย เข้าใจได้ไม่ยาก และควบคุมได้ทั้งหมดที่จำเป็นจริง ๆ
ที่ชอบอีกเรื่องก็คือการเลือกใช้สีภายในตัวรถ ทั้งเรื่องของสีบนคอนโซลหน้าและสีของกราฟฟิกบนหน้าจอดิจิตอลทั้งหมด ที่พยายามคุมโทนเป็นสีขาวและเลือกใช้ฟอนท์ที่ผ่านสบายตา ผมว่าทีมออกแบบห้องโดยสารภายในของฮอนด้าควรได้รางวัลจริง ๆ
ตกลง RS หรือ EL+ ดีล่ะ...
จริง ๆ แล้ว แม้จะชื่นชอบกับทุกสิ่งทุกอย่างของรถคันนี้ แต่ถ้าจะถามว่าฮอนด้าควรเพิ่มอะไรให้กับรถคันนี้บ้าง จริง ๆ ก็มีหลายอย่างนะ แอร์หลังกับพับเบาะหลังที่ยืนยันว่าทำได้จากเวอร์ชั่นสิงคโปร์ หรืออุปกรณ์ง่าย ๆ อย่างเซนเซอร์ถอยจอด กล้องรอบคัน
หรือง่าย ๆ ก็หมอนรองคอผู้โดยสารหลัง ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ถือว่าจำเป็นนะครับ สำหรับการใช้งานในประเทศไทย เพราะบางคนก็ใช้งานรถคันนี้เป็นรถครอบครัว แต่อันนี้ก็เก็บไว้ให้ฮอนด้าไปพิจารณาเอาเองตอนที่มีการปรับโฉมในอนาคตข้างหน้าก็แล้วกัน
มาที่คำถามว่าจ่ายเพิ่ม 1.9 แสนบาทไปอาร์เอส หรือประหยัดเงินแล้วเอาอีแอลพลัส ตอบแบบกำปั้นทุบดินก็ต้องบอกว่าแล้วแต่เงินในกระเป๋า ถ้าจ่ายไหวและชอบอุปกรณ์ไฮเทค คิดว่าได้ใช้แน่ ๆ ของเล่นที่เพิ่มมาทั้งหมดมูลค่าเกินที่ต้องจ่ายอย่างแน่นอนครับ
ถ้าไม่นับพวกชุดแต่งที่บอกว่าไปซื้อโมดูโล่ก็ได้ ระบบหลาย ๆ อย่างไม่สามารถติดตั้งเพิ่มได้นะ ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอหลัก 9 นิ้ว ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน หรือสมาร์ทคีย์ที่ดูเหมือนว่าหลาย ๆ คนจะชื่นชอบกัน ต้องยอมซื้ออาร์เอสไปเท่านั้น
ส่วนคำถามยอดฮิต เครื่องยนต์ไฮบริดมาไหม แฮชท์แบ็คมาหรือเปล่า ก็ยังมองไม่ออกว่าจะมีเหตุผลอะไรที่ฮอนด้าจะไม่เอาเข้ามาทำตลาด เพียงแต่ว่าเมื่อใดเท่านั้นเอง ถ้าให้เดาก็คงเข้ามาช่วงปลาย ๆ ปี ด้วยเรนจ์ราคาที่พอจะเดากันไม่ยากว่าแพงกว่านิดนึง
ใครจะรอชมก็รอกันไป ใครไม่ไหวก็ซื้อเลยครับ!!!