2020 Subaru Levorg (ซูบารุ เลอวอร์ก) เพิ่งคว้ารางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปีของญี่ปุ่นมาครองได้สำเร็จ หนึ่งในคุณสมบัติสำคัญก็คือ EyeSight X ระบบความปลอดภัยสุดล้ำเวอร์ชั่นใหม่
EyeSight เวอร์ชั่นเริ่มแรกคือระบบ Active Driving Assist (ADA) หรือระบบช่วยเหลือการขับขี่เชิงรุก ติดตั้งครั้งแรกใน Subaru Legacy (ซูบารุ เลกาซี่) ออกจำหน่ายปี 1999 ก่อนที่ชื่อระบบดังกล่าวจะถูกเปลี่ยนเป็น EyeSight ในปี 2008 พร้อมสโลแกนว่า “รถยนต์ที่ปราศจากการชน”
ระบบ EyeSight ได้รับการยอมรับอย่างมากจากทั้งลูกค้าผู้ใช้งานจริงและค่ายรถยนต์รายอื่น ๆ ที่ทยอยพัฒนาระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ Advanced Driver Assistance System หรือ ADAS ตามมา ก่อนที่ระบบเหล่านี้จะถูกต่อยอดมาจนถึงระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติในปัจจุบัน
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
พัฒนาการล่าสุดจนเป็น EyeSight เจนใหม่
ค่ายรถตราดาวลูกไก่เปิดตัว EyeSight เจนเนอเรชั่นใหม่ในเดือนมกราคม 2020 ต่อมาในเดือนสิงหาคม มีการจัดทดสอบลองขับในประเทศญี่ปุ่น เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ทดลองประสิทธิภาพของ EyeSight รุ่นใหม่และระบบอ็อปชั่นเสริมที่เรียกว่า EyeSight X
ระบบ EyeSight รุ่นใหม่ได้รับการปรับปรุงฮาร์ดแวร์หลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นกล้องตรวจจับที่มีขนาดเล็กลงแต่แม่นยำมากขึ้น มีการเปลี่ยนซัพพลายเออร์จาก Hitachi Automotive Systems ไปเป็น Veoneer ของสวีเดน และติดตั้งเรดาร์ชุดใหม่ความถี่ 77GHz ที่ด้านหน้าที่สามารถตรวจจับรถจักรยานที่ความเร็วระหว่าง 20 – 60 กม.ต่อชม. เพื่อป้องกันการชน
ศักยภาพของเรดาร์รุ่นใหม่ใน EyeSight เวอร์ชั่นล่าสุดมีความทันสมัยจนผ่านมาตรฐานขั้นต่อไปของ EuroNCap แห่งยุโรปและ JNCap ของญี่ปุ่นที่จะมีผลบังคับใช้ในปี 2021
EyeSight X มีความสามารถอะไรบ้าง
EyeSight X คือระบบอ็อปชั่นเสริมที่เหนือระดับกว่า EyeSight ถูกติดตั้งครั้งแรกใน Subaru Levorg เจนเนอเรชั่นใหม่ที่เพิ่งออกจำหน่ายในแดนปลาดิบช่วงกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ลูกค้าที่ต้องการใช้งานจะต้องควักกระเป๋าจ่ายเพิ่มอีกราว 350,000 เยนหรือประมาณ 102,000 บาท
การทำงานของ EyeSight X มีความแม่นยำมากขึ้นด้วยการทำงานผ่านดาวเทียม มีการสร้างแผนที่แบบสามมิติ ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ขับขี่ด้วยการยกระดับสู่การขับขี่อัตโนมัติระดับที่ 2 หรือ Level 2
คุณสมบัติของ EyeSight X ที่เพิ่มเติมเข้ามาเมื่อเทียบกับ EyeSight สแตนดาร์ด ได้แก่
- ระบบควบคุมพวงมาลัยและความเร็วโดยอัตโนมัติในโค้ง
- ระบบลดความเร็วอัตโนมัติเมื่อต้องผ่านด่านทางด่วน
- ระบบเปลี่ยนช่องจราจรอัตโนมัติ
- ระบบออกตัวอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำสำหรับใช้งานในการจราจรในเมือง
- ระบบช่วยควบคุมพวงมาลัยให้ตัวรถวิ่งไปตามถนนโดยอัตโนมัติ
ขณะเดียวกัน EyeSight X ยังมีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ตามมาตรฐานเดิมครบครัน ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมความเร็วแปรผัน ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ ระบบแจ้งเตือนก่อนการชน และระบบแจ้งเตือนเมื่อรถออกนอกเลน เป็นต้น
หลังจากติดตั้งระบบ EyeSight X ไว้ใน Levorg จนคว้ารางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปีของญี่ปุ่นมาครองได้แล้ว คาดว่ารถสเตชั่นวากอนแนวสปอร์ตคันนี้จะเข้ามาจำหน่ายในเมืองไทยในปี 2021 หลังจากสามารถทำยอดขายรุ่นเดิมได้น่าพึงพอใจในบ้านเรา แต่จะมาเมื่อไหร่ต้องติดตามชม
ขณะเดียวกัน Subaru จะใช้งาน EyeSight X ใน Forester (ซูบารุ ฟอเรสเตอร์) เป็นรุ่นต่อไปด้วยเช่นกัน แต่ราคาจำหน่ายจะขยับขึ้นไปถึงไหนต้องรอลุ้นกันต่อไป
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });