ช่วงนี้สถานการณ์น้ำท่วมในประเทศไทยเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าเป็นห่วง จากอิทธิพลพายุเตี้ยนหมู่ได้สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมาก เนื่องจากระดับที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ประชาชนไม่สามารถขนย้ายทรัพย์สินหนีออกมาได้ทัน
ทรัพย์สินที่จะได้รับความเสียหายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ "รถยนต์" ที่จะต้องจอดทิ้งไว้ หรือต้องขับฝ่าน้ำในบางกรณี
แล้วเราจะมีวิธีดูแลรถหลังน้ำท่วมได้อย่างไรบ้าง? รวมถึงประกันจะเคลมไหม?
สิ่งที่ควรทำหลังน้ำลด
1. ตรวจสอบความเสียหาย
สิ่งสำคัญที่ต้องทำเป็นอย่างแรกก็คือตรวจสอบความเสียหายของรถยนต์ ทั้งถายนอก และภายในว่ามีอะไรที่เสียหายควรได้รับการซ่อม และเปิดเช็คใต้ฝากระโปรง
2. อย่าสตาร์ทรถ
คุณไม่ควรที่จะสตาร์ทรถเพื่อเช็คดูว่าเครื่องยังทำงานอยู่หรือไม่ เนื่องจากอาจทำให้เสียหายมากกว่าเดิม โดยเฉพาะสิ่งสกปรกที่มากับน้ำ
รวมถึงการที่รถแช่น้ำนาน ๆ จะมีความชื้นที่จะทำให้ไฟฟ้าลัดวงจรได้เช่นกัน
3. ส่งซ่อม
เมื่อตรวจสอบแล้วก็อาจให้รถสไลด์มายก หรือจ้างรถมาลากไปจะดีที่สุด ให้ช่างที่เชี่ยวชาญทำการซ่อม โดยแจ้งช่างถึงระดับน้ำที่รถไปเจอมาเพื่อจะได้แก้ไขได้ถูกจุด
อ่านเพิ่มเติม 5 วิธีขับรถฝ่าน้ำท่วมให้ปลอดภัยไร้เครื่องดับ
สิ่งที่จะเสียหาย
การซ่อมรถที่เจอน้ำท่วมมาเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะยุ่งยาก รายการสิ่งที่จะเสียหายนั้นมีมากมาย โดยหลักแล้วคือ
1. เครื่องยนต์
ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นได้นั้น จะสามารถเกิดขึ้นได้ในระบบดูดอากาศหรือ Intake ซึ่งจะต้องมีการเปลี่ยนกรองอากาศเพราะจะมีขี้ผงจากน้ำเข้าไปติดอยู่มาก จะต้องมีการถอดหม้อกรองมาล้าง และล้างลิ้นปีกผีเสื้อ
หากแจ็คพอตเข้าเกิดน้ำเข้าเครื่อง ก็ต้องถอดประกอบเครื่องยนต์ใหม่เพื่อทำความสะอาด เปลี่ยนหัวเทียน และเซนเซอร์
นอกจากนี้ต้องถ่ายของเหลวทุกชนิด ทั้งน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเฟืองท้าย รวมถึงน้ำยาหม้อน้ำ เพราะน้ำอาจซึมเข้าไปได้
2. ช่วงล่าง
น้ำท่วมนั้นสามารถสร้างความเสียหายกับช่วงล่างได้เช่นกัน ลูกยางต่าง ๆ จะฝืดจากการโดนความชื้นในการแช่น้ำเป็นระยะเวลานาน ๆ
รถที่แช่น้ำมานาน ๆ จะต้องอัดจาระบีใหม่ เนื่องจากจาระบีเก่าจะเสื่อมสภาพ โดยเฉพาะที่เพลาขับ และลูกปืนล้อทั้ง 4 ล้อ เพราะถ้าไม่มีจารบีหล่อยู่อาจจะทำให้ลูกปืนแตก หรือ เพลาขับมีเสียดัง ทำให้เกืดความร้อนสะสม จนนำไปสู่เพลาขับรูด หรือลูกปืนเพลาขับแตก
และยังต้องตรวจสอบทำความสะอาดระบบเบรก ในระบบดิสก์เบรกอาจจะมีเศษผงเข้าไปติด ทำให้ประสิทธิภาพลดลง และอาจจะกินจานเบรกได้ในระยะยาว
อ่านเพิ่มเติม จอดรถนานจนจานเบรกสนิมเกาะอย่าพึ่งกังวล แก้ไขได้ไม่อันตรายอย่างที่คิด
3. ระบบไฟฟ้า
ความเสียหายจากน้ำท่วมนั้นจะเกิดได้กับระบบไฟฟ้าเป็นส่วนใหญ่ ต้องทำการไล่ความชื้นโดยช่าง หากท่วมถึงกล่อง ECU ก็ต้องทำการเปลี่ยนใหม่ หากโชคไม่ดี เกียร์ก็อาจได้รับความเสียหายด้วย
ทำความสะอาดภายใน
หลังจากมีการซ่อมเครื่องยนตืแล้ว ก็ต้องดูแลภายในกันต่อ น้ำท่วมนั้นมักจะเป็นน้ำที่ไม่สะอาด ทำให้ภายในมีกลิ่นเหม็นอับ ทางที่ดีให้นำเข้าคาร์แคร์ดูแลเพื่อถอดพรมและซักเบาะ
หากแอร์มีกลิ่นก็ควรจะล้างตู้แอร์และเปลี่ยนกรองแอร์ไปด้วย เพราะมีกลิ่นตามมาแน่นอน ในส่วนนี้อย่าลืมเช็ควิทยุหรือหน้าจอสัมผัสว่ายังทำงานได้หรือไม่ รวมถึงแผงหน้าปัดด้วย
ระวังสนิม
หากรถท่านไปชนมาก่อนจนเป็นรอย แช่น้ำนาน ๆ สนิมถามหาแน่นอน ควรไปทำสีในจุดที่ชนมาเพื่อกันไว้ รวมถึงการพ่นกันนิมช่วงล่างด้วยเช่นกัน
คำถามสำคัญ ประกันเคลมไหม?
สาเหตุที่ทำให้รถเสียหายจากน้ำท่วมมีหลายรูปแบบ ซึ่งทางประกันภัยรถยนต์จะให้ความคุ้มครองที่ต่างกัน โดยแบ่งกรณีที่รถเสียหายจากน้ำท่วมได้ดังนี้
เกิดน้ำท่วมจากภัยพิบัติธรรมชาติ
จอดรถเอาไว้ในบ้าน แล้วในช่วงหน้าฝนมีพายุฝนถล่มติดต่อกันนานหลายวัน ทำให้เกิดน้ำหลาก ย้ายรถหนีไม่ทัน รถถูกน้ำเข้าเสียหายบางส่วน
กรณีนี้ประกันภัยรถยนต์ รับเคลม แต่ในกรณีที่รถถูกน้ำเข้าจนเสียหาย และทางบริษัทประกันประเมินว่าไม่คุ้มที่จะซ่อมให้กลับมาในสภาพเดิม จะจ่ายเงิน 70-80% ของทุนประกัน
ขับรถไปลุยน้ำท่วมขังบนถนน
หากกำลังขับรถอยู่บนท้องถนนแล้วเห็นว่ามีน้ำท่วมขังแต่ยังตัดสินใจขับรถลุยน้ำ จนน้ำเข้าห้องเครื่อง ทำระบบไฟฟ้าเสียหาย เครื่องยนต์ดับ หรือระดับน้ำสูงจนเข้ามาในห้องโดยสารจนเบาะรถ หรือวัสดุอื่น ๆ เกิดความเสียหาย
หรือมีประกาศออกมาจากทางภาครัฐว่าถนนเส้นไหนกำลังเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม แต่ยังตัดสินใจขับรถไปบนถนนเส้นนั้นจะรถพังเสียหาย
กรณีนี้ประกันภัยรถยนต์ ไม่รับเคลม หรือประกันภัยรถยนต์ประเภทที่ 1 ช่วยค่าเสียหายบางส่วน (แล้วแต่กรณี)
รถติดบนถนนขณะที่ฝนตกหนักจนน้ำท่วม
ขับรถออกไปข้างนอก แล้วเกิดรถติดอยู่บนถนนเส้นหนึ่งเป็นเวลานาน จากนั้นมีฝนตกหนักแล้วอยู่ ๆ เกิดน้ำท่วมสูงจนทำให้รถได้รับความเสียหาย
กรณีนี้ประกันภัยรถยนต์ รับเคลม
ประกันชั้นไหนบ้างที่คุ้มครอง
ประกันชั้น 1 มีความคุ้มครองสูงสุดทั้งการชนที่เกิดจากรถด้วยกันเองหรือความเสียหายที่เกิดจากการชนสิ่งอื่น ๆ และความเสียหายที่เกิดจากภัยก่อการร้าย อุทกภัย พายุลูกเห็บหรือแผ่นดินไหว
ส่วนประกันชั้น 2+ และ 3+ นั้นให้ความคุ้มครองน้ำท่วมในบางบริษัทประกันภัย หรือบางที่เราสามารถซื้อประกันน้ำท่วมเพิ่มได้ นอกจากนี้ยังมีบริการโทรขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ช.ม. บริการรถยกฉุกเฉินเมื่อเราต้องการเอารถหนีน้ำเพื่อไม่ให้รถแช่น้ำนาน ๆ แล้วเสียหนักไปกว่าเดิม