แม้ว่าคู่แข่งมากหน้าหลายตาจะเดินหน้าเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าบนแพลตฟอร์มของตัวเองกันอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น Audi (อาวดี้) ที่มากับแกงค์ e-tron (อี-ตรอน) หลากรูปแบบ Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส-เบนซ์) ที่กำลังจะเปิดตัว EQS (อีคิวเอส) อยู่รอมร่อในสัปดาห์หน้า
ดูเหมือนว่าค่ายใบพัดฟ้าขาว BMW (บีเอ็มดับเบิลยู) จะเป็นค่ายรถยนต์ระดับหรูเพียงค่ายเดียวที่ยังไม่มีการเปิดตัวแพลตฟอร์มสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบเต็มรูปแบบ พวกเขาทำการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็น i4 (ไอ4) หรือ iX (ไอเอ็กซ์) บนแพลตฟอร์มเดิมทั้งสิ้น
นั่นก็หมายความว่า รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน เครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าต่างก็ใช้แพลตฟอร์มร่วมกัน จนดูเหมือนว่าพวกเขานั้นช้ากว่าเพื่อนในการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้า และ โอลิเวอร์ ซิปส์ ผู้บริหารระดับสูงของค่ายก็มีคำตอบที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
รอเวลาที่เหมาะสมเพื่อสร้างรถที่มีความแตกต่าง
"มันมีความเชื่อบางอย่างที่บอกว่าเรานั้นอยู่ระหว่าางการพักผ่อน แต่จริง ๆ แล้วเราไม่ได้พักในเรื่องนี้เลยนะ" ซิปส์บอกรอยเตอร์ในการสัมภาษณ์หัวข้อ Delivering Net Zero เมื่อไม่นานมานี้ และยืนยันว่า "เรากำลังรอช่วงจังหวะเวลาที่การขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าจะมีความต้องการที่มากกว่านี้"
แม้การพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าบนแพลตฟอร์มของรถยนต์ธรรมดาจะทำให้รถไฟฟ้าแสดงสมรรถนะได้ไม่เต็มที่ และกว่าบีเอ็มดับเบิลยูจะเปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ก็ปาเข้าไปปี 2567 แต่ผู้บริหารก็ยืนยันว่าพวกเขานั้นไม่ได้ช้าเกินไปสำหรับเรื่องนี้ และเขามองไม่เห็นความแตกต่างในปัจจุบัน
"หากคุณมองไปที่สิ่งที่เกิดขึ้นในท้องตลาดปัจจุบันนี้ คุณจะพบว่าแพลตฟอร์มทั้งหลายทำให้รถไฟฟ้าทุกคันดูเหมือน ๆ กันไปหมด สำหรับบีเอ็มดับเบิลยูนั้น เราจะต้องนำเสนอสิ่งที่พิเศษที่สุดสำหรับลูกค้าที่พร้อมจ่ายในราคาที่สูง ซึ่งผมคิดว่าพวกเขาคงไม่ต้องการรถยนต์ที่ดูเหมือนใคร"
ความเข้มงวดเรื่องการปล่อยมลพิษจะผลักดันรถไฟฟ้า
ซิปส์ยังบอกอีกว่า ตามแผนงานอย่างยั่งยืนของบริษัทนั้น ตั้งเป้าที่จะลดการก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการใช้งานรถยนต์ตั้งแต่การผลิต วัสดุที่นำมาใช้ ไปจนถึงการใช้รถบนท้องถนนให้ได้ตามเป้าหมายที่ 200 เมกะตันภายในปี 2573 เท่ากับ 7 เท่าของการก่อไอเสียของลอนดอนต่อปี
นอกจากนี้ พวกเขายังคาดหวังว่าสหภาพยุโรปจะเดินหน้าปรับความเข้มงวดของมาตรการด้านไอเสียดังกล่าวอีกครั้งก่อนปี 2573 เพื่อเร่งให้ทุกฝ่ายหันมาเดินหน้ารถไฟฟ้า โดยค่ายใบพัดฟ้าขาวคาดการณ์ว่าภายในปีเดียวกันนั้น กว่า 50% ของรถที่ขายภายใต้กลุ่มจะเป็นยานยนต์ไฟฟ้า 100%
อย่างไรก็ตาม ข้อกำหนดดังกล่าวจะต้องไม่ก้าวล้ำมาตรฐานยูโร-7 ที่มีการตั้งเอาไว้ โดยเฉพาะเรื่องการลดไนตรัสออกไซด์และชิ้นส่วนขนาดเล็กที่ส่งผลต่อการทำงานของปอดในปีนี้ ขณะที่ข้อเสนอเพื่อหยุดการใช้งานรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในตั้งแต่ปี 2568 ก็ควรนำมาพิจารณา
"พวกเราควรพิจารณาหนทางต่าง ๆ อย่างมีเหตุผล เพื่อที่จะเก็บรักษาให้เครื่องยนต์สันดาปภายในยังคงอยู่ต่อไป เพราะการพัฒนาของเครื่องยนต์นั้น ก็จะเป็นหนทางในการมุ่งหน้าไปสู่เป้าหมายทางด้นสภาพอากาศที่ดีขึ้นเช่นเดียวกัน" ผู้บริหารระดับสูงของค่ายใบพัดฟ้าขาวกล่าวสรุป
สำหรับบีเอ็มดับเบิลยูยังเป็นค่ายรถที่ดูไม่ได้มุ่งมั่นและจริงจังกับการพัฒนาแพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ออกมา เมื่อรถยนต์ไฟฟ้าที่เปิดตัวรุ่นล่าสุดทั้ง 2 รุ่นก็เป็นการแชร์โครงสร้างร่วมกับรุ่นอื่น ๆ ที่มีอยู่แล้ว จึงเป็นเรื่องที่น่าติดตามว่า รถไฟฟ้าในแบบของพวกเขาจะแตกต่างและโดดเด่นอย่างไร
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });