Mitsubishi Lancer (มิตซูบิชิ แลนเซอร์) รถซีดาน C-segment ที่โด่งดังในไทย มีขายตั้งแต่ปี 1973 เรื่อยมาจนถึงเจเนเรชั่นที่ 7 รหัสตัวถังว่า CK เป็นรุ่นสร้างชื่อเสียงให้ตระกูลแลนเซอร์ไม่น้อย จนเกิดกระแสนำมิตซูบิชิรุ่นนี้ไปแต่งซิ่งกันมากมาย มาดูกันว่ารุ่นนี้มีสเปคดีอย่างไร แล้วทำไมคนไทยเรียกว่าแลนเซอร์ท้ายเบนซ์
กำเนิดฉายาท้ายเบนซ์
Mitsubishi Lancer CK เปิดตัวในเมืองนอกเมื่อปี 1995 และขายไทยเมื่อกลางปี 1996 เป็นการพัฒนาครั้งใหญ่ ต่างจากโฉมเก่าสิ้นเชิง ด้วยโครงสร้างออกแบบโดยคอมพิวเตอร์ ให้สามารถซับแรงการชนได้ รวมถึงปรับปรุงวัสดุตัวถังที่ชุบสังกะสีกันสนิม Galvanize ให้มากกว่าเจเนเรชั่นเก่า รวมถึงขยายขนาดตัวถังใหญ่ขึ้นกว่าโฉมก่อนทุกสัดส่วน รวมถึงพื้นฐานรถที่กว้างขวางขึ้น ส่งเสริมให้เหมาะกับเครื่องสมรรถนะสูงไปอีก
Mitsubishi Lancer ฉายาท้ายเบนซ์ มีที่มาจากรูปทรงไฟท้ายรถเป็นแบบสามเหลี่ยม ซึ่งดันไปคล้ายกับทรงไฟท้ายของ Mercedes-Benz C-class รหัสตัวถัง W202 ที่ออกขายตั้งแต่ปี 1994 ซึ่งความคล้ายคลึงกันนี้ ไม่ได้เป็นการจงใจลอกเลียนแบบแต่อย่างใด เพียงแค่เป็นเทรนด์การออกแบบที่ทันสมัยในช่วงนั้น ซึ่งมีรถอีกหลายรุ่นที่ใช้ไฟท้ายสามเหลี่ยมแบบนี้ เช่น Honda Accord, Hyundai Sonata ฯลฯ แต่แลนเซอร์โฉมนี้ เป็นรถไฟท้ายสามเหลี่ยมที่มีปริมาณบนท้องถนนมากสุด จึงถูกเรียกเยอะที่สุด
แม้ไฟท้ายรุ่นท็อปจะลดความเป็นทรงสามเหลี่ยมลง ด้วยการเพิ่มแผงทับทิมสีแดงรูปทรงสี่เหลี่ยม ติดบนฝากระโปรงหลัง แต่ถึงกระนั้นคนก็ยังติดปากกับฉายาท้ายเบนซ์อยู่ดี
อ่านเพิ่มเติม : Mitsubishi Lancer GSR จากไฟแอลในตำนาน เรนเดอร์เป็นรุ่นใหม่
Lancer ไมเนอร์เชนจ์เพิ่มเกียร์ +- เป็นครั้งแรก
Mitsubishi Lancer ท้ายเบนซ์ ไมเนอร์เชนจ์ครั้งแรกปี 1999 มีจุดเด่นที่การเปลี่ยนไฟหน้า-หลังเป็นตาเพชร มัลติรีเฟลกเตอร์ รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขอบตรง กระจังหน้าสูงใหญ่เสมอกับขอบไฟหน้าเป็นแนวเดียวกัน เปลี่ยนทรงกันชนใหม่ให้เหลี่ยมขึ้น มีการเปลี่ยนลายไฟท้ายให้เชื่อมต่อกับแผงทับทิมด้วย
ออพชั่นรุ่นท็อปเพิ่มเบาะหนังแท้ (จากเดิมเป็นสักหลาด) เพิ่มถุงลมนิรภัยคู่ (เดิมถุงลมใบเดียว) ดิสค์เบรค 4 ล้อ (เดิมเป็นดิสค์ 2 ล้อหน้า) โดยยังคงระบบ ABS เป็นมาตรฐานเดิม
เครื่องยนต์ของ Mitsubishi Lancer ท้ายเบนซ์ โฉมไมเนอร์เชนจ์ ตัดรุ่น 1.5 ลิตรเดิมออกไป เก็บบล็อก 1.6 ลิตรเป็นรุ่นกลาง และเพิ่มตัวท็อป 1.8 SEi ที่พัฒนาเกียร์ Invecs-II ให้เพิ่มโหมด +- เพื่อคนขับสามารถโยกปรับอัตราทดเกียร์ได้ตามใจชอบ
Mitsubishi Lancer ท้ายเบนซ์ รุ่นเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร ให้กำลัง 113 แรงม้า กับแรงบิด 137 นิวตันเมตร จับคู่เกียร์ธรรมดา 5 สปีด หรือเกียร์ออโต้ Invecs-II 4 สปีด ส่วนรุ่นย่อยสูงขึ้นมาใช้บล็อค 1.8 ลิตร ให้กำลัง 122 แรงม้า กับแรงบิด 161 นิวตันเมตร ในรุ่นท็อปสุด 1.8 SEi Limited จับคู่เกียร์ออโต้ Invecs-II 4 สปีด ที่เพิ่มโหมด +- โยกคันเกียร์ปรับได้เอง นับเป็นครั้งแรกในรถระดับเดียวกันที่มีโหมดนี้
อ่านเพิ่มเติม : Mitsubishi Lancer Evolution X คันสุดท้าย เปิดราคา 3.9 ล้านบาท ปั่นมูลค่าสูงกว่าเดิม 50%
Mitsubishi Lancer F-style ปี 2000
Mitsubishi Lancer ท้ายเบนซ์ ยังมีการไมเนอร์เชนจ์อีกครั้งในปี 2000 ใช้ชื่อรุ่นต่อท้ายว่า F-style เปลี่ยนทรงไฟหน้าอีกครั้ง เป็นสี่เหลี่ยมแนวนอนยาว รวมไฟเลี้ยวเข้ามาอยู่ในโคมเดียวกัน เปลี่ยนกระจังหน้าเป็นทรงคางหมูที่มีลายเส้นโครเมียมแนวตั้งให้ดูหรูหรา ส่วนกันชนเปลี่ยนเป็นทรงเหลี่ยมและยื่นออกมามากขึ้น มีช่องดักลมเป็นทรงสี่เหลี่ยมแนวนอนยาว รวมกับกรอบไฟตัดหมอกเป็นแนวเดียวกัน
Mitsubishi Lancer ท้ายเบนซ์ โฉมนี้มีไฟท้ายสามเหลี่ยมเปลี่ยนลายใหม่ พร้อมเปลี่ยนฝาท้ายแบบเรียบ ไม่มีช่องใส่แผงทับทิมอีกต่อไป ยิ่งทำให้ดูเหมือนกับตัวแรง Evolution และมีดีไซน์ยกขอบสันฝากระโปรงขึ้นมา ให้ดูเหมือนมีสปอยเลอร์ในตัว
ออพชั่นที่เพิ่มเติมเข้ามาใน Mitsubishi Lancer ท้ายเบนซ์ รุ่นท็อปสุด จะได้สเกิร์ตข้าง เซนเซอร์ถอยหลัง คอนโซลลายไม้ ขายอยู่แค่ปีเดียวก็มีรุ่นใหม่มาแทนที่ นั่นคือ Lancer Cedia ในปี 2001
อ่านเพิ่มเติม : ดับฝัน Mitsubishi ยืนยันยังไม่มีแผนการพัฒนา Lancer Evolution
นิยมแต่งซิ่ง
Mitsubishi Lancer ท้ายเบนซ์ ยังเป็นรถที่มีชื่อเสียงในวงการมอเตอร์สปอร์ต เพราะเป็นโมเดลที่สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูล Evolution 4-6 ตัวแรงทั้งทางเรียบและแรลลี่ จึงมีของแต่งเพิ่มสมรรถนะออกมาให้เลือกซื้อใส่กันหลากหลาย ประกอบกับพื้นฐานรถเป็นช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ พร้อมดิสค์เบรค ทำให้รองรับกับสมรรนะสูงเพิ่มเติมเข้ามาได้พอสมควร
อ่านเพิ่มเติม : Mitsubishi ฟื้นแบรนด์ Ralliart เล็งขายของแต่ง Triton - Pajero
ปัจจุบันนี้ด้วยอายุราว 25 ปีของ Mitsubishi Lancer ท้ายเบนซ์ ซึ่งหลายถูกดัดแปลงแต่งเติมไปมาก ทำให้เหลือรถสภาพเดิมน้อย ถ้าหากมีใจรักในโฉมนี้จริง ๆ ควรหารถที่มีประวัติการซ่อมบำรุงมาแล้ว จะทุ่นแรงเบาใจประหยัดงบซ่อมไปได้ หาซื้อได้ในราคาหลักหมื่น ไม่รวมของแต่ง
แต่ถ้าหากไม่ได้มีใจรักในบอดี้ CK นี้ล่ะก็ เราแนะนำให้ขยับไปซื้อ Lancer Cedia รหัสตัวถัง CS จะได้เปรียบกว่า ซึ่งคอลัมน์มือสองต้องรู้ จะนำเสนอข้อมูลแลนเซอร์รุ่นนี้ในโอกาสต่อไป
อ่านเพิ่มเติม : รวม Mitsubishi 3 รุ่นเป็นตำนานในไทย เคยขายดีเป็นกระแส