2022 Honda HR-V (2022 ฮอนด้า เอชอาร์-วี) เจนเนอเรชั่นใหม่ได้รับการเผยโฉมในเมืองไทยอย่างเป็นทางการแล้ว เพียบพร้อมทั้งรูปลักษณ์ อุปกรณ์อำนวยความสะดวก และความปลอดภัยเต็มคัน

Honda ระบุว่า HR-V ได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด “Everyday AMP UP partner” เน้นผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลางด้วยการมอบคุณสมบัติ 3 ด้านหลัก คือ Pleasure (Enjoyable) – มอบความสนุกสนาน เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ในทุกๆ วันของชีวิต ถัดมาคือ Confidence (Reliable) – มอบความมั่นใจในทุกเส้นทาง ทั้งผู้ขับขี่และผู้ร่วมทาง และปิดท้ายด้วย Aesthetic (In Style) – รูปลักษณ์ที่แข็งแกร่ง โดดเด่นมีสไตล์ ดึงดูดทุกสายตา

HR-V ใหม่จะออกมาสกัดกั้นความแรงของคู่แข่งระดับเดียวกันอย่าง Toyota Corolla Cross (โตโยต้า โคโรลล่า ครอส) ได้หรือไม่ เราคงจะได้รู้กันในอีกไม่ช้า

บริษัท ฮอนด้ ออโตโมบิล ประเทศไทยจัดจำหน่าย 2022 Honda HR-V ทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ได้แก่

2022 Honda HR-V รุ่น e:HEV E ราคาต่ำกว่า 990,000 บาท

2022 Honda HR-V รุ่น e:HEV EL ราคาต่ำกว่า 1,100,000 บาท

2022 Honda HR-V รุ่น e:HEV RS ราคาต่ำกว่า 1,200,000 บาท 

ยังไม่มีการประกาศราคาอย่างเป็นทางการ แต่ Honda ยืนยันราคาประมาณการเริ่มต้นต่ำกว่า 990,000 บาท พร้อมเปิดลงทะเบียนจองสิทธิ์ระหว่างวันที่ 5 พฤศจิกายน 2564 – 18 พฤศจิกายน 2564 ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ พร้อมรับฟรีชุดอุปกรณ์ตกแต่ง Utility Package ประกอบด้วยกระบะใส่ของท้ายรถ มูลค่า 1,100 บาท และแผ่นกันรอยเบาะพนักพิงหลัง มูลค่า 1,700 บาท รวมมูลค่า 2,800 บาท 

Honda จะประกาศราคาและเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ HR-V ใหม่ ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 นี้ ผ่านทาง LIVE ถ่ายทอดสดออนไลน์ทาง Facebook Fanpage และ YouTube Channel: Honda Thailand ตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป ใครสนใจสามารถดูตัวจริงเสียงจริงได้ที่บูทฮอนด้า (A14) ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 38 (Motor Expo 2021) ตั้งแต่วันที่ 2 – 12 ธันวาคม 2564 ณ อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี 

รูปลักษณ์ภายนอกภูมิฐานมากขึ้น

ดีไซน์ภายนอกโดดเด่นในสไตล์สปอร์ตคูเป้ เรียบง่ายกว่าเดิมเพิ่มเติมคือลุคแบบภูมิฐาน กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ที่เชื่อมต่อกับไฟหน้า พร้อมด้วยการปรับตำแหน่งของเสา A ที่ช่วยให้ฝากระโปรงหน้าดูยาวยิ่งขึ้น ตอบรับกับการใช้เส้นสายในแนวนอนที่ยาวต่อเนื่อง

กระจังหน้าของแต่ละรุ่นย่อยแตกต่างกัน โดยรุ่น RS จะเป็นลวดลายตะแกรงโครเมียมสีเข้ม ขณะที่รุ่นรองจะใช้ลายพาดขวางสีเดียวกับตัวรถ ไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟท้ายแบบ LED Light Strip ที่เชื่อมต่อกับไฟเบรกเป็นเส้นแนวยาว อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะรุ่น

นอกจากนี้ ยังมีไฟตัดหมอกคู่หน้า LED สปอยเลอร์หลังแบบสปอร์ต เสาอากาศครีบฉลาม ล้ออัลลอยรุ่น RS ใช้ขนาด 18 นิ้วสวยสปอร์ต สวมทับด้วยยาง 225/50 R18 ส่วนรุ่นรองมีขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 215/60 R17

ภายนอกของตัว RS ยังพิเศษยิ่งขึ้นด้วยการติดตั้งกันชนหน้า-หลัง พร้อมชายกันกระแทกด้านข้างสีดำแบบสปอร์ตตกแต่งด้วยโครเมียม ไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential ไฟท้ายแบบ LED Light Strip สี Smoke หลังคากระจกแบบพาโนรามา ส่วนสีตัวถังมีให้เลือกเพิ่มเติมคือ สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) ที่มาพร้อมหลังคาสีดำสไตล์ทูโทน สะท้อนความสปอร์ตไปอีกขั้น

ส่วนสีอื่น ๆ ได้แก่ สีขาวพรีเมียมซันไลท์ (มุก) และสีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) พร้อมด้วยสีขาวแพลทินัม (มุก) และ สีดำคริสตัล (มุก)

ฝากระโปรงท้ายไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี พร้อมระบบปิดอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Hands-free Power Tailgate with Walk Away Close) เพียงสอดเท้าไปที่เซนเซอร์บริเวณใต้กันชนด้านหลัง ระบบจะเปิดฝากระโปรงท้ายโดยอัตโนมัติ จากนั้นจึงกดสวิตช์ปิด พร้อมทั้งหยิบสัมภาระออกจากท้ายรถ และเดินออกห่างจากตัวรถ ระบบจะทำการปิดฝากระโปรงท้ายลงโดยอัตโนมัติ โดยขณะใช้งานจะต้องมีกุญแจรีโมทอยู่กับตัว และอยู่ห่างจากตัวรถอย่างน้อย 1 เมตร

ภายในเรียบหรูดูดี

ภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบโดยมุ่งเน้นผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง บริเวณคอนโซลหน้ามีการใช้เส้นสายแนวนอน พร้อมผิวสัมผัสที่เรียบ สะดวกสบายในทุกการเดินทางทุกที่นั่ง ด้วยระบบปรับอากาศอัตโนมัติ (Automatic Air Conditioning) ที่มาพร้อมระบบ Air Diffusion System โดยช่องปรับอากาศได้รับการปรับดีไซน์ใหม่ มอบทิศทางลมที่หมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพ กระจายลมได้อย่างเหมาะสม ทั่วถึงทั้งห้องโดยสาร พร้อมด้วยช่องปรับอากาศตอนหลังในรุ่น e:HEV EL และรุ่น e:HEV RS)

ทุกรุ่นมาพร้อมเบาะหนังดีไซน์ใหม่สีดำ โดยในรุ่น RS มาพร้อมเบาะหนังสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดงแบบสปอร์ต แป้นเบรกและแป้นคันเร่งสไตล์สปอร์ต และ พวงมาลัยสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง

แน่นอนว่าคุณสมบัติสำคัญของรถอเนกประสงค์ Honda คือการพับเบาะนั่งด้านหลังแบบอเนกประสงค์ แยกพับแบบ 60:40 ที่สามารถปรับพับได้หลากหลายเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้อย่างสูงสุด

อุปกรณ์อำนวยความสะดวกประกอบด้วยเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto รองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว เบรกมือไฟฟ้าพร้อมระบบ Auto Brake Hold ไฟอ่านหนังสือ LED ระบบสัมผัส เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ช่องเชื่อมต่อ USB จำนวน 4 ช่อง ด้านหน้า 2 ช่อง และด้านหลัง 2 ช่อง

ระบบขับเคลื่อนมีเฉพาะไฮบริด

2022 Honda HR-V ใหม่ทุกรุ่นใช้ระบบขับเคลื่อนไฮบริด e:HEV เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว มีพละกำลัง 105 แรงม้าที่ 6,000 – 6,400 รอบต่อนาที แรงบิด 127 นิวตันเมตรที่ 4,500 – 5,000 รอบต่อนาที

ทำงานประสานกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 131 แรงม้าที่ 4,000 – 8,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 253 นิวตันเมตรที่ 0 – 3,500 รอบต่อนาที จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ E-CVT

ระบบ e:HEV มาพร้อมโหมดการขับขี่ 3 โหมด เริ่มจากโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โดยมอเตอร์จะขับเคลื่อนล้อด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) โดยระบบจะขับเคลื่อนโดยใช้พลังงานไฟฟ้าที่เกิดจากเครื่องยนต์และแบตเตอรี่ และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) โดยชุดล็อกอัพคลัตช์ที่อยู่ในเกียร์ E-CVT จะเชื่อมต่อเครื่องยนต์และส่งกำลังไปยังล้อโดยตรง

ขณะเดียวกัน ผู้ขับขี่ยังเลือก Drive Mode ได้ 3 รูปแบบ คือ ECON Mode – โหมดการขับขี่แบบประหยัด Normal Mode – โหมดการขับขี่แบบปกติ และSport Mode - โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต

Honda เคลมว่า HR-V ใหม่ให้อัตราการประหยัดน้ำมัน 25.6 กม.ต่อลิตร และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 94 กรัมต่อกม.

ระบบความปลอดภัยเพียบ

HR-V ใหม่มาพร้อมแพ็คเกจความปลอดภัย Honda SENSING ที่ทำงานร่วมกับกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีฟังก์ชันการทำงานหลักๆ ดังนี้ ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)  ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW) ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)

นอกจากนี้ยังมีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF) และระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)

HR-V ใหม่ยังมีระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ถุงลม 6 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมคู่หน้า (Dual SRS) ถุงลมด้านข้าง (Side Airbags) และ ม่านถุงลมด้านข้าง (Side Curtain Airbags) ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) ช่วยป้องกันล้อล็อกเมื่อเบรกกะทันหัน และระบบกระจายแรงเบรก (EBD) บนพื้นถนนที่ลื่น ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (Vehicle Stability Assist - VSA) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist - HSA) และสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (Emergency Stop Signal - ESS)

ปิดท้ายด้วย ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) มีเฉพาะรุ่น e:HEV RS เทคโนโลยีเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน