ปัจจุบันมีค่ายรถ EV สตาร์ทอัพเกิดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด ทั้งจากฝั่งยุโรป อเมริกา และจีน แต่ละค่ายก็นำเทคโนโลยีสุดล้ำมาเพื่อต่อกรกับผู้บุกเบิกตลาดรถ EV อย่าง Tesla (เทสลา) หลายแบรนด์สามารถทำรถ EV ได้เทียบเท่าหรือดีกว่าเทสลาเสียด้วยซ้ำ ทำให้รถ EV หลายคันมักจะถูกเรียกว่า “Tesla Killer” 

แต่ Martin Viecha หัวหน้าฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ของ Tesla ไม่เห็นด้วยกับคำเรียกนั้นเท่าไหร่นัก เพราะเขาคิดว่าคู่แข่งที่แท้จริงของเทสลาคือ ผู้ผลิตรถยนต์ที่ยังใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในอยู่นั่นเอง

ในทวิตเตอร์ของ Viecha ได้ทวิตถึงยอดขายของรถยนต์ของทั้งโลกในปีนี้ ที่กว่า 90% ยังเป็นเครื่องยนต์สันดาป ซึ่งเป็นสิ่งที่เทสลากังวลอยู่ในขณะนี้

แต่เทสลามองว่าการมีผู้ผลิตรถอีวีมากขึ้นเป็นเรื่องที่ดี อย่างไรก็ตาม อีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลา มีความหวังว่าเทสลาจะกระตุ้นให้อุตสาหกรรมรถยนต์ที่เหลือเปลี่ยนแปลงเป็นไฟฟ้าได้ การที่มีผู้ผลิตรถอีวีมากขึ้นนั้นหมายถึงผู้บริโภคมีตัวเลือกมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี

และขณะนี้ยอดขายหลักของตลาดรถยนต์ยังเป็นรถน้ำมันอยู่ จึงมีโอกาสที่ผู้ผลิตรถอีวีหน้าใหม่จะเข้ามาในตลาด ได้แก่ Lucid, NIO และ Rivian เพื่อมาเพิ่มตัวเลือกให้ผู้บริโภคในตลาดรถอีวีที่กำลังเติบโต

อ่านเพิ่มเติม : Tesla ทำอย่างไรถึงเป็นค่ายรถรายเดียวในโลกที่มีมูลค่าทะลุ 33 ล้านล้านบาท

ทั้งนี้ ยังมีอีกหนึ่งมุมมองที่น่าสนใจ Peter Rawlinson ซีอีโอของ Lucid (ลูซิด) ได้พูดถึง Lucid Air รถอีวีคันแรกของค่าย โดยมีเป้าหมายจะแข่งขันกับ Mercedes-Benz S-Class และรถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปในเซกเมนต์เดียวกัน เช่นเดียวกันกับ Tesla Model S 

แต่ตอนนี้ทางเมอร์เซเดสได้ออก Mercedes-Benz EQS ซึ่งเป็นคู่แข่งของ Lucid Air โดยตรง แต่ความคิดของทางลูซิดก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง ยังยืนยันที่จะเป็นคู่แข่งกับรถเครื่องยนต์สันดาป เช่นเดียวกับเทสลา และการพัฒนาที่ไม่หยุดหย่อนของพวกเขาจะทำให้รถอีวีสามารถวิ่งได้ไกลขึ้น และที่สำคัญ มีราคาใกล้เคียงกับรถเครื่องยนต์สันดาปมากขึ้นด้วย

สุดท้าย ไม่ว่าคู่แข่งของ Tesla จะเป็นใคร การพัฒนาที่ไม่หยุดหย่อนของผู้ผลิตรถยนต์ ย่อมส่งผลดีแก่ผู้บริโภคอย่างเรา ๆ แน่นอน

อ่านเพิ่มเติม : Tesla ยังล้ม Toyota, Mercedes-Benz, BMW เชิงมูลค่าไม่ได้