บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าในจีนประมาณการได้ว่ามีกว่า 300 บริษัท การลงทุนเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้าในจีนเกิดจากบริษัทต่าง ๆ รวมตัวกันเพื่อลงทุนในตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ซึ่งมาจากนโยบายลดการพึ่งพาการใช้น้ำมันให้มากที่สุด ซึ่งตอนนี้รู้สึกว่าการเติบโตของการลงทุนนั้นจากเกินกว่าที่คาดไปมาก
Xiao Yaqing รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและไอทีของจีน กล่าวว่า “ตอนนี้เรามีบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามากเกินไปในตลาด เรามีแผนว่าจะควบรวมและปรับโครงสร้างของกิจการเหล่านี้ขึ้นใหม่”
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
เพราะรัฐบาลเป็นผู้กำหนดนโยบายเหล่านั้น ความคิดเห็นจากทางรัฐบาลจะมีผลต่อยอดขายของบริษัทรถยนต์เสมอ แม้แต่ยอดขายของบริษัทรถยนต์ไฟฟ้า 10 อันดับแรกในจีน
ความยั่งยืนของแต่ละคนมีความหมายไม่เท่ากัน ในจีนอาจจะใช้การปฏิวัติการขนส่งเพื่อสร้างแบรนด์ EV ยักษ์ใหญ่ของประเทศให้ประสบความสำเร็จทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องรอง
ประสบความสำเร็จอย่างไร?
จากนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลจีน เช่น ลดภาษีและให้เงินอุดหนุนบริษัทที่ผลิตรถ EV ทำให้รถ EV ราคาถูกลง ยอดขายแบรนด์รถยนต์จีนในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่ EV ทำให้ยอดขายรถยนต์ต่างประเทศลดลงอย่างมาก เช่น Hyundai และ Kia ยอดขายลดลงกว่า 60% และจากปี 2014 Citroën และ Peugeot ลดลงจากจุดสูงสุด 93% ทั้งหมดนี้ทำให้ผู้ซื้อโอนเอียงมายังผู้ผลิตในประเทศได้
สิ่งที่ได้จากในประเทศ นำไปต่อยอด
ถึงแม้ตลาดรถยนต์ในจีนจะใหญ่มากอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีการลงทุนในต่างประเทศอยู่มากมาย เช่น SAIC กับ MG, Great Wall Motors กับ Wey, NIO และ Geely กับ Lynk&Co ล้วนเป็นการลงทุนในยุโรป
นอกจากนั้นยังมีการลงทุนอย่างมากเกี่ยวกับเทคโนโลยี เช่น Xiaomi และ Zhiji(SAIC ร่วมมือกับ Alibaba) ทำให้บริษัทคู่แข่งที่มาจากจีนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
รายชื่อแบรนด์ที่รว่มมือกับต่างประเทศที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ทำให้แบรนด์ในจีนเพิ่มขึ้นประมาณ 10-15% จากที่มีอยู่เดิม เกิดการผลิตที่มากเกินไปสวนทางกับความต้องการของตลาด
รัฐมนตรีจีนเป็นห่วง
จากทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ Xiao หวังว่าแบรนด์ใหญ่ในจีนจะเกิดการควบรวมกัน ด้วยผลประโยชน์ใดก็ตาม เช่น ระบบปฏิบัติการ เทคโนโลยีแบตเตอรี่
หรือการมีราคากลางซึ่งเป็นสิ่งที่จีนทำมาช้านาน แม้ว่าจะไม่ค่อยใสใจการตรวจสอบถึงสภาพการทำงานและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเท่าไหร่นัก
ปัญหานี้อาจทำให้จีนต้องคิดหนัก แม้ตลาดรถยนต์จะมีขนาดใหญ่แค่ไหน การมีผู้ผลิตมากกว่าผู้บริโภคจะไม่ส่งผลดีต่อตลาดแน่นอน
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });