![วิเคราะห์ทำไมรถปลั๊กอินไฮบริดเริ่มตกยุค ไม่ใช่เทคโนโลยีที่ควรเลือกอีกต่อไป 01]()
เผยยอดขายรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดเริ่มปรับตัวลดลงในหลายประเทศ เมื่อผู้บริโภคหันไปให้ความสนใจกับรถยนต์ไฟฟ้าแทน
ที่ผ่านมารถปลั๊กอินไฮบริดหรือ PHEV ได้ชื่อว่าเป็น “สะพานเชื่อมต่อ” ระหว่างรถเครื่องยนต์สันดาปดั้งเดิมและรถยนต์ไฟฟ้า เพราะมีคุณสมบัติที่ตอบโจทย์การใช้งานแบบรถอีวีแต่ไม่ต้องวิตกกังวลด้านการชาร์จไฟฟ้าหรือระยะทางขับขี่
กระนั้น ยอดขายรถปลั๊กอินไฮบริดปรับตัวลดลงในภูมิภาคยุโรป ซึ่งสวนทางกับรถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยหลายด้านส่งผลยอดขาย
หากดูในระดับประเทศ ยอดขายรถปลั๊กอินไฮบริดในฝรั่งเศสลดลง 28% ในเดือนมิถุนายน ขณะที่ยอดขายในเยอรมนีก็หดตัว 16% เช่นเดียวกัน ส่วนในสหราชอาณาจักร ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่ารถปลั๊กอินไฮบริดที่ 2 ต่อ 1 ทั้งที่เมื่อย้อนกลับไปในปี 2019 ยอดขายรถทั้งสองประเภทแทบจะเท่ากัน
![วิเคราะห์ทำไมรถปลั๊กอินไฮบริดเริ่มตกยุค ไม่ใช่เทคโนโลยีที่ควรเลือกอีกต่อไป 01]()
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ตลาดรถปลั๊กอินไฮบริดหดตัวในยุโรปมาจากกฎระเบียบด้านการปล่อยมลพิษคาร์บอนไดออกไซด์ที่เข้มงวดมากขึ้น ขณะที่ผู้บริโภคก็มีความพร้อมมากขึ้นที่จะเปลี่ยนจากรถเครื่องยนต์สันดาปไปใช้รถที่ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้า 100%
เครื่องบ่งชี้ที่ว่ารถยนต์ไฟฟ้าขายดีมากขึ้นในยุโรปดูได้ที่กำหนดการรับมอบรถของลูกค้าที่บางรุ่นต้องรอคอยนานข้ามปีกันเลยทีเดียว
ผู้ครอบครองรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดส่วนใหญ่พึงพอใจกับการทำงานของตัวรถ แต่ผลการสำรวจของหน่วยงานภาครัฐในยุโรปพบว่าส่วนใหญ่มักไม่เสียบปลั๊กชาร์จรถยนต์ของตนเอง
![วิเคราะห์ทำไมรถปลั๊กอินไฮบริดเริ่มตกยุค ไม่ใช่เทคโนโลยีที่ควรเลือกอีกต่อไป 02]()
หน่วยงานด้านการขนส่งอย่าง International Council on Clean Transportation (ICCT) ระบุว่า อัตราการบริโภคน้ำมันของรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดมากกว่าการทดสอบในห้องแล็บปฏิบัติการถึง 2.5 – 5 เท่า อันเนื่องมาจากการใช้งานจริง ผู้บริโภคเห็นว่าเติมน้ำมันก็เพียงพอแล้วจึงไม่ชาร์จไฟ
อัตราบริโภคน้ำมันดังกล่าวทำให้รัฐบาลของหลายประเทศหั่นเงินอุดหนุนรถปลั๊กอินไฮบริดลงและให้ความสำคัญกับรถยนต์ไฟฟ้าแทน ขณะที่คณะกรรมการของสหภาพยุโรปยังกำลังดำเนินมาตรการเพิ่มเติมเพื่อควบคุมการใช้งานรถปลั๊กอินไฮบริดให้มีความเข้มงวดมากขึ้น
![วิเคราะห์ทำไมรถปลั๊กอินไฮบริดเริ่มตกยุค ไม่ใช่เทคโนโลยีที่ควรเลือกอีกต่อไป 03]()
การปรับเปลี่ยนกฎระเบียบดังกล่าวทำให้ระบบขับเคลื่อนปลั๊กอินไฮบริดกลายเป็นของแสลงของบริษัทรถยนต์หลายค่าย พวกเขาจำเป็นต้องหาหนทางในการรับมือกับกฎระเบียบ ทางออกที่ดีคือการทุ่มเงินลงทุนพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า 100% ต่อไป
อย่างไรก็ตาม รถปลั๊กอินไฮบริดยังได้เสียงตอบรับที่ยอดเยี่ยมในประเทศจีน ยอดขายเพิ่มขึ้นเท่าตัวเมื่อปีที่แล้ว นำโดยค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง BYD และ Li Auto
แต่กระนั้น มีสัญญาณบ่งชี้ว่ารัฐบาลแดนมังกรต้องการผลักดันรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า เห็นได้จากการเร่งสนับสนุนเครือข่ายสถานีชาร์จไฟ ส่วนหน่วยงานภาครัฐของนครเซี่ยงไฮ้ก็ออกมาตรการจำกัดการใช้งานรถปลั๊กอินไฮบริดในปี 2023 ซึ่งคาดว่าจะมีอีกหลายเมืองเดินตามรอย
หากปลั๊กอินไฮบริดเป็นสะพานเชื่อม ดูเหมือนว่าสะพานแห่งนี้จะสั้นกว่าที่คิด