ฮอนด้า ค่ายรถผู้นำตลาดเมืองไทย เปิดตัว 2019 ฮอนด้า บีอาร์-วี ทำตลาดเมืองไทยจำนวน 2 รุ่น คือรุ่น V ราคา 7.65 แสนบาทและรุ่น SV ราคา 8.35 แสนบาท มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว ขนาด 1.5 ลิตร กำลัง 117 แรงม้า แรงบิด 146 นิวตันเมตร
2019 ฮอนด้า บีอาร์-วี เป็นรถยนต์อเนกประสงค์แบบครอสโอเวอร์ที่ผลิตโดย ฮอนด้า บริษัทรถยนต์จากประเทศญี่ปุ่น มีจุดเด่นที่ตัวถังยกสูง ทำตลาดในกลุ่มรถครอสโอเวอร์ระดับบีเซกเมนท์ โฉมล่าสุดเปิดตัวเมื่อต้นปี 2562 มีอัตราความประหยัดน้ำมันประมาณ 16 – 17 กม.ต่อลิตร บนน้ำหนักตัวรถ 1,241 กก.
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์เอ็มพีวีขนาดเล็กแบบ 7 ที่นั่ง ที่เน้นการใช้งานในเมืองเป็นหลัก ด้วยเครื่องยนต์ขนาดเล็ก แต่ให้ความเอนกประสงค์ในการขับขี่เริ่มมีเข้ามาให้เลือกในตลาดประเทศไทยมากขึ้น จากผู้ประกอบการสัญชาติญี่ปุ่นที่ทำตลาดอย่างต่อเนื่อง
หนึ่งในปัจจัยหลักก็คือความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการรถที่ใช้งานได้หลากหลายกว่ารถยนต์นั่งขนาดเล็ก และยอมจ่ายเพิ่มขึ้นในระดับราคาที่รับได้ อีกเหตุผลหนึ่งก็คือการแลกเปลี่ยนรถยนต์ตามฐานการผลิตในอาเซียน ที่ทำให้ค่ายรถต้องทำตลาดรถที่ผลิตในประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซียในประเทศไทย
ฮอนด้า บีอาร์-วี (Honda BR-V) ก็ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มสินค้าที่เกิดจากแนวคิดการแลกเปลี่ยนสินค้าในกลุ่มอาฟต้าเช่นเดียวกัน การเข้ามาทำตลาดของรถยนต์กลุ่มนี้ของฮอนด้า ถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควร เพราะเราเห็นรถกลุ่มนี้ของค่ายวิ่งเต็มท้องถนนประเทศไทยไปหมด
2019 Honda BR-V มาพร้อมการเปลี่ยนแปลงที่หลากหลาย เพราะเป็นการปรับโฉมครั้งแรกอย่างเป็นทางการนับตั้งแต่การออกจำหน่าย โดยพวกเขาทำการเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอก อุปกรณ์ตกแต่งภายในหลายรายการ โดยไม่ได้ปรับรายละเอียดทางเทคนิคแต่อย่างใด
สนนราคาจำหน่ายที่ปรับขึ้นมา 1.5 หมื่นบาทใน 2 รุ่นย่อย ทำให้ราคาจำหน่ายของพวกเขายังอยู่ในกลุ่มเดียวกับรถยนต์นั่งระดับอีโคคาร์และบี-เซกเมนต์ แต่ความเอนกประสงค์ของรถคันนี้ จะชดเชยการขับขี่ที่สู้รถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ไม่ได้ได้หรือไม่ เรามาหาคำตอบไปพร้อมกัน
ตารางราคาจำหน่าย 2019 Honda BR-V |
Honda BR-V 1.5 V (5 ที่นั่ง) |
7.65 แสนบาท |
Honda BR-V 1.5 SV (7 ที่นั่ง) |
8.35 แสนบาท |
ตารางรายละเอียดทางเทคนิค 2019 ฮอนด้า บีอาร์-วี
|
มิติตัวถัง (กว้างxยาวxสูง) (มิลลิเมตร)
|
1,735x4,456x1,666
|
ระยะฐานล้อ (มิลลิเมตร)
|
2,655
|
ระยะต่ำสุดจากพื้น (มิลลิเมตร)
|
201
|
เครื่องยนต์
|
L15Z1
|
ความจุ (ซีซี.)
|
1,497
|
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รอบต่อนาที)
|
117/6,000
|
แรงบิดสูงสุด (นิวตันเมตร/รอบต่อนาที)
|
146/4,700
|
ระบบส่งกำลัง
|
อัตโนมัติ ซีวีที
|
ระบบบังคับเลี้ยว
|
แร็คแอนด์พีเนียน อีพีเอส
|
ระบบกันสะเทือนหน้า
|
อิสระ แมคเฟอร์สัน สตรัท
|
ระบบกันสะเทือนหลัง
|
ทอร์ชั่นบีม เอช-เชฟ
|
ระบบเบรกหน้า
|
ดิสก์เบรกพร้อมช่องระบายความร้อน
|
ระบบเบรกหลัง
|
ดรัมเบรก
|
ล้ออัลลอย
|
16 นิ้ว พร้อมยาง 195/60 R16
|
ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)
|
48.5
|
รองรับเชื้อเพลิง
|
แก๊สโซฮอล์ อี85
|
ปรับรูปลักษณ์ภายนอกสู่ขาลุยเต็มตัว
เดิมที่ฮอนด้า บีอาร์-วี นั้น วางตัวเองเป็นเอ็มพีวีขนาดเล็กสำหรับขาลุยอยู่แล้ว ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูดุดันกว่าเมื่อเทียบกับแฝดคนละฝาอย่างฮอนด้า โมบิลิโอ (Honda Mobilio) แถมด้วยความสูงใต้ท้องรถถึง 201 มิลลิเมตร มากพอที่จะทำให้รถคันนี้ สามารถวิ่งผ่านอุปสรรคในเมืองที่ใช้งานประจำวันไปได้
เมิ่อมีการปรับโฉมเกิดขึ้น ฮอนด้าได้ทำการปรับรายละเอียดภายนอกพร้อมชุดแต่งเกือบทั้งหมด พร้อมทำให้รถดูสปอร์ตขึ้นด้วยของเล่นใหม่ ๆ ที่เพิ่มเข้าไปมากมาย พร้อมทั้งเพิ่มสีตัวถังภายนอกเพื่อเอาใจผู้บริโภคให้เลือกสรรได้ ประกอบไปด้วย สีแดงมุกและสีขาวมุก ที่ดูสวยงามและลงตัวกับรถ
การเปลี่ยนแปลงภายนอกที่เห็นนั้น มีการปรับมาใช้กันชนหน้า ดีไซน์ใหม่ พร้อมชายกันชนล่าง ที่ดูลงตัวดีกับกระจังหน้าขนาดใหญ่รูปแบบใหม่ กันชนหลัง ดีไซน์ใหม่ พร้อมชายกันชนล่าง เพิ่มไฟส่องสว่างขณะวิ่งเวลากลางวัน พร้อมปรับดีไซน์ของไฟตัดหมอกคู่หน้า ซึ่งทำให้ด้านหน้าของรถมีความดุดัน
นอกจากนี้ ก็มีการเปลี่ยนเสาอากาศเป็นแบบครีบฉลาม ปรับดีไซน์กาบข้างตัวรถ พร้อมแถบโครเมียม ล้ออัลลอย 16 นิ้ว สีทูโทน ลายใหม่ เพิ่มโครเมียมครอบไฟท้าย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ ก็เข้ามาเสริมให้ภาพลักษณ์ของรถมีความสวยงามขึ้นจากรุ่นเดิม ทำให้รถดูพร้อมลุยมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ขณะที่การตกแต่งอื่น ๆ ที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลง ก็ยังถือว่าไม่เลวร้ายกับไฟหน้าโปรเจคเตอร์ แบบฮาโลเจน มาพร้อมราวหลังคาขนาดใหญ่ มือเปิดประตูด้านนอกแบบโครเมียม กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวในตัว ปรับและพับด้วยไฟฟ้า ระบบปัดน้ำฝนแบบหน่วงเวลา พร้อมด้วยระบบปัดน้ำฝนด้านหลังครบครัน
ห้องโดยสารปรับเล็ก เพิ่มความน่าใช้
แม้จะเป็นรถยนต์ที่ออกแบบห้องโดยสารมาได้อย่างลงตัวน่าใช้งาน บาลานซ์ระหว่างความเป็นวัยรุ่นและอรรถประโยชน์ได้อย่างลงตัว เมื่อฮอนด้าทำการปรับโฉมให้บีอาร์-วี พวกเขาก็ไม่ได้ทำอะไรมาก เพียงแค่เน้นย้ำความเป็นวัยรุ่นให้มากขึ้น และเพิ่มอุปกรณ์เพื่อการใช้งานที่สะดวกเข้าไปนิดหน่อย
ห้องโดยสารจากการตกแต่งคุมโทนด้วยสีดำ เปลี่ยนเป็นห้องโดยสารสีทูโทนดำสลับแดง เพิ่มในส่วนของเบาะนั่งคนขับที่สามารถปรับด้วยมือได้ 6 ทิศทาง พร้อมทำการเพิ่มจอเครื่องเสียงระบบสัมผัส 7 นิ้วเข้ามาแทนที่ชุดเครื่องเสียงตัวเก่า มาพร้อมลำโพง 6 ตำแหน่ง โดยฟังชั่นส์ไม่ได้เปลี่ยนแปลง
ระบบความบันเทิงในรถประกอบไปด้วยเครื่องเสียงที่รองรับวิทยุ รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน มีช่องเชื่อมต่อ HDMI เพื่อความบันเทิงรูปแบบอื่น ๆ ระบบเชื่อมต่อไร้สายแบบบลูทูธ พร้อมช่องเชื่อมต่อ AUX และยูเอสบี โดยผู้ขับขี่สามารถควบคุมวิทยุได้อย่างง่ายดายด้วยสวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย
ความเอนกประสงค์ของเบาะที่นั่งเป็นหนึ่งในจุดขายที่น่าสนใจ โดยนอกจากเบาะคนขับจะปรับได้แล้ว เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า ยังสามารถปรับด้วยมือ 4 ทิศทาง ขณะที่เบาะนั่งแถวที่ 2 ปรับเลื่อนหน้า-หลังได้ และเบาะแถวที่ 3 ปรับเอนได้ พับได้แบบ 50:50 และยังสามารถพับเก็บได้อีกด้วย
สำหรับอุปกรณ์อื่น ๆ ก็ถือว่าทำได้ตามมาตรฐานของรถ ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ พร้อมระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง มีถาดรองสัมภาระท้ายรถ และเพิ่มกล่องเอนกประสงค์ใต้เบาะแถวที่ 2 สำหรับรุ่น 5 ที่นั่ง ห้องโดยสารตกแต่งด้วยวัสดุผิวดำมัน ให้ความรู้สึกสปอร์ตเร้าใจ
เครื่องยนต์เน้นใช้งานไม่เน้นเร้าใจ
ด้วยการเป็นรถยนต์ที่เปิดตัวมาแล้วสักระยะ น้ำหนักตัวระดับ 1.2 ตัน รองรับการโดยสาร 7 ที่นั่ง ทำให้พอจะคาดการณ์ได้ว่าเครื่องยนต์ของรถรุ่นนี้จะไม่ได้ออกแบบมาเพื่อการขับขี่ที่หวือหวา หรือเน้นการใช้งานที่ความเร็วสูงเป็นหลัก แต่เน้นการใช้งานในชีวิตประจำวันแบบไม่รีบเร่งมากกว่า
เครื่องยนต์เบนซินรหัส L15Z1 แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว ขนาด 1,496 ซีซี. มาพร้อมหัวฉีดอีเลกทรอนิกส์ พีจีเอ็ม-เอฟไอ และระบบแปรผันวาล์วไอ-วีเทค ให้กำลังสูงสุด 117 แรงม้าที่ 6,600 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 145 นิวตันเมตรที่ 4,800 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติซีวีทีลงสู่ล้อหน้า
อย่างที่คาดกันแล้วว่าเครื่องยนต์ไม่ได้เน้นการขับขี่แบบหวือหวาปรู๊ดปร๊าด แต่เน้นความเรียบง่ายในการใช้งานเป็นหลักให้สมกับเป็นเอ็ทพีวีไซส์เล็กสำหรับคนเมือง แต่เครื่องยนต์ก็ไม่ได้ถือว่าอืดอาดอะไร เพียงแต่อาจจะต้องให้เวลาสักนิด หากคิดจะเร่งแซงหรือวิ่งตามรถคันอื่นบนท้องถนน
น้ำหนักของพวงมาลัยแร็คแอนด์พีเนียนถือว่าค่อนข้างดีในทุกช่วงของการขับขี่ โดยมีรัศมีวงเลี้ยวเพียง 5.3 เมตรเท่านั้น ระบบเบรกด้านหน้าเป็นดิสก์เบรก พร้อมช่องระบายความร้อน ด้านหลังเป็นดรัมเบรก ไม่มีปัญหาในเรื่องของการควบคุมรถให้หยุดนิ่ง แม้จะบรรทุกน้ำหนักเต็มที่ก็ตาม
ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบแมคเฟอร์สัน สตรัท อิสระ พร้อมเหล็กกันโคลง ขณะที่ด้านหลังเป็นทอร์ชั่น บีม แบบเอช-เชฟ การรองรับแรงสั่นสะเทือนทำได้ดี ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการยกระยะต่ำสุดของรถขึ้นมาถึง 201 มิลลิเมตร รวมความแล้วก็ถือว่าเป็นรถสำหรับเมืองใหญ่ที่ดีเลยคันหนึ่ง
ความปลอดภัยที่ให้มาพอสมควร
ฮอนด้า บีอาร์-วี นั้นเปิดตัวทำตลาดมาได้สักพักใหญ่ ๆ แน่นอนว่าเรื่องของระบบความปลอดภัยก็จะเป็นไปตามยุคสมัย แต่ก็ถือว่ามีของเล่นให้มากพอสมควร ระบบความปลอดภัยมาตรฐานที่ให้มาในทุกรุ่น จะประกอบไปด้วย ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารตอนหน้า
ติดตั้งเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุดให้กับทุกเก้าอี้โดยสารในรถ ไฟและเสียงเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยสำหรับผู้โดยสารด้านหน้า ระบบกุญแจอิมโมบิไลเซอร์และสัญญาณกันขโมย มาพร้อมระบบล็อคประตูอัตโนมัติและกล้องมองภาพขณะถอยจอด ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบแอลอีดี และจุดยึดเบาะที่นั่งสำหรับเด็ก
ขณะที่ระบบช่วยเหลือด้านการขับขี่นั้่น มีมาให้แค่ ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ระบบกระจายแรงเบรก ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน เท่านั้น ก็ถือเป็นรถที่ไม่ได้โดดเด่นในเรื่องระบบความปลอดภัยเท่าที่ควร อาจจะต้องรอโมเดลใหม่ถ้าอยากได้ของเล่นเยอะกว่านี้
ต้องถามใจว่าเป็นกลุ่มลูกค้าหรือเปล่า
แน่นอนว่าด้วยราคาที่วางเอาไว้ 7-8 แสนบาท คู่แข่งของ 2019 Honda BR-V นั้นถือว่าหลากหลายมาก ตั้งแต่รถยนต์นั่งขนาดเล็กในโครงการอีโคคาร์ที่มีราคาถูกกว่า มาจนถึงกลุ่มรถยนต์นั่งบี-เซกเมนต์ และมินิเอ็มพีวี ที่มีผู้คนมากหน้าหลายตาดาหน้ากันเข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง
กลุ่มลูกค้าหลัก ๆ ของฮอนด้า บีอาร์-วี นอกเหนือจากกลุ่มครอบครัวขนาดเล็กที่ใช้ชีวิตในเมือง วัยรุ่นที่ต้องการรถไว้สำหรับขนเพื่อนฝูงไปไหนมาไหน อีกกลุ่มที่เห็นใช้งานรถกลุ่มนี้กันมากก็คือกลุ่มพ่อค้าแม่ขาย ที่เน้นความข้องตัวในการบรรทุกสินค้าไปขายตามสถานที่ต่าง ๆ ทั่วไป
ถ้าคุณต้องการรถยนต์ที่มีความเอกนประสงค์ลงตัว รูปร่างหน้าตาไม่แก่เกินไป สามารถขับรถไปสถานที่ชิคชิคได้แบบไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นคุณพ่อ แต่ก็ต้องแลกกับระบบที่มีมาให้น้อยไปนิด เครื่องยนต์อาจจะอืดอาดไปหน่อย แต่รวมความแล้วก็ถือเป็นรถที่มีความคุ้มค่ากับค่าตัวที่จ่ายไป
ขึ้นอยู่กับว่าคุณเป็นกลุ่มลูกค้าของรถคันนี้หรือเปล่าเท่านั้นล่ะ